หลังจากที่ iPhone 15 Series เปิดตัว ดูเหมือนว่า Apple จะเอาจริงเอาจังด้านเกมมิ่งมากขึ้นกว่าเดิม เพิ่มฟีเจอร์สำหรับคอเกมมากมาย ซึ่งเครื่องมือล่าสุดอย่าง MetalFX ระบบอัปสเกลภาพด้วย AI คล้ายกับบนพีซี ก็ถูกนำมาใช้กับเกมนี้บนอุปกรณ์ iOS แล้ว วันนี้เราเลยจะมาทดสอบให้ดูกว่าเปิด MetalFX แล้วแตกต่างกับไม่เปิดอย่างไรบ้าง จะช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นขึ้นตามที่ Apple คุยไว้ขนาดไหนกัน

Genshin Impact เวอร์ชัน 4.1 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ MetalFX เข้ามาในเกม (ใช้ได้เฉพาะ iOS เท่านั้น) เพื่อช่วยให้การเล่นเกมทำได้ลื่นไหลมากขึ้น โดยสามารถเข้าไปปรับได้ในหัวข้อการตั้งค่า > การแสดงผล > MetalFX ตามภาพได้เลย

อุปกรณ์ที่รองรับ MetalFX
- iPhone 15 Pro
- iPhone 15 Pro Max
- iPad Pro M1
- iPad Pro M2
MetalFX คืออะไร
MetalFX คือหนึ่งในฟีเจอร์ของ Metal API เวอร์ชัน 3 เป็นเทคนิคการอัปสเกลภาพด้วย AI คล้ายกับเทคโนโลยี DLSS ของ NVIDIA, FSR ของ AMD และ XeSS ของ Intel โดยจะเป็นการเรนเดอร์ภาพของตัวเกมบนความละเอียดที่ต่ำกว่าความละเอียดหน้าจอ แล้วให้ AI ประมวลผลชดเชยพิกเซลที่หายไป
ยกตัวอย่างการเปิดเกมกราฟิกสวย ๆ บนความละเอียดหน้าจอระดับ 4K ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ยังใช้การเรนเดอร์ที่ Native Resolution หรือเรนเดอร์เกมที่ความละเอียด 4K จะต้องใช้พลังการประมวลผลของการ์ดจอมาก ๆ ชนิดที่ว่าการเห็นตัวเลข 60 FPS นี่เป็นไปไม่ได้เลยถ้าใช้การ์ดจอตัวเดียว

ทำให้เกิดแนวคิดในการใช้ AI เข้ามาช่วย โดยจะเป็นการลดความละเอียดการเรนเดอร์ลงอาจจะเหลือแค่ Full HD หรือตามที่ AI ประเมิน ไม่ได้ลดความละเอียดหน้าจอลง แล้วใช้ AI อัปสเกลชดเชยรายละเอียดที่หายไปตามภาพ ผ่านหน่วยประมวลผล AI ในชิป ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องสามารถประมวลผลเกมบนความละเอียดสูงได้ โดยไม่ต้องใช้ความแรงของจีพียูเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
เหมือนตอนที่เรานำรูปถ่ายเก่า ๆ ความละเอียดไม่มาก ไปยืดขยายในโปรแกรม Photoshop หรือ Paint ตามปกติแล้วภาพที่ได้จะแตก ดูไม่รู้เรื่อง แต่เทคโนโลยีอัปสเกลด้วย AI เข้ามาช่วยทำให้ภาพที่เรายืดออกชัดขึ้น
MetalFX ก็เช่นกันใช้แนวคิดการประมวลผลลักษณะนี้เช่นกัน คือไม่ต้องใช่จีพียูเรนเดอร์เกมที่ความละเอียดหน้าจอ แต่ให้เรนเดอร์ที่ความละเอียดน้อยกว่าหน้าจอ แล้วใช้ AI ชดเชยส่วนที่หายไป หรืออัปสเกลขึ้นมาให้เต็มความละเอียดหน้าจอแทน ตามภาพจะเห็นได้ว่าลดกำลังการประมวลผลลงไปได้กว่าครึ่งเลย

โดยจากที่ผ่านมาเราเห็น iPhone, iPad หลายรุ่นที่ออกมาชิปแรงมากขนาดไหน แต่สุดท้ายก็เล่นเกมนี้ในระยะเวลานาน ๆ ไม่ได้อยู่ดี เพราะความร้อนสะสมบนตัวเครื่อง ทำให้ FPS ตกเล่นไม่ลื่น สาเหตุมาจากหน้าจอความละเอียดสูง สูงกว่าบนคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอใหญ่กว่าอีก ทำให้งานที่ต้องทำเยอะตาม แต่หน้าจอที่เราเล่นมีขนาดแค่สองมือถือได้ แล้วคำถามคือเราต้องการความละเอียดสูง ๆ ไปทำไมยังไงตาเราก็แยกไม่ออกอยู่ดี
ในเชิงคอนเซ็ปต์แล้วการมาของ MetalFX ส่งผลให้สามารถเล่นเกมกราฟิกสูงได้ลื่นไหลขึ้นกว่าเดิมบนอุปกรณ์พกพา เพราะไม่ต้องเรนเดอร์กราฟิกที่ความละเอียดหน้าจอแล้ว งานก็ลดลงไม่ต้องประมวลผลเท่าเดิมแล้ว ทำให้การใช้พลังงานลดลงประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น และความร้อนก็น้อยลง ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นไหลยาวนานมากขึ้น แต่ภาพยังคงสวยเหมือนเดิม
ทดสอบ MetalFX ใน Genshin Impact
หลังจากที่ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้ ทางทีมงานก็ได้นำไปทดสอบบน iPad Pro M1 โดยปรับกราฟิกสุด เปิด 120 FPS ทดสอบการลงดันเจียนแบบ Multiplayer ที่มีการใส่สกิลกันอย่างถึงพริกถึงขิง ถ้าเครื่องไม่แรงจริงฉากนี้อาจจะเครื่องค้างไปเลย หรือนำไปตีบอสรายสัปดาห์ที่มีความยากกว่ามอนสเตอร์ทั่วไป
พบว่าพอเปิด MetalFX แล้วภาพยังสวยเนียนเหมือนเดิม แยกแทบไม่ออก ตอนแรกคิดว่าการนำเทคโนโลยีแบบนี้มาใช้ในเกมมือถือในช่วงแรก ๆ จะทำให้ภาพไม่สวย ขอบภาพเป็นวุ้น เหมือนกับตอนที่ใช้บนพีซีแรก ๆ แต่หลังจากทดสอบแล้วรู้สึกเลยว่า Apple พัฒนา MetalFX ร่วมกับ Hoyoverse ได้ดีจนคล้ายความกังวลเรื่องกราฟิกได้เลย

ส่วนระดับความร้อนที่ปล่อยออกมารู้สึกว่าเท่าเดิม แต่…ความร้อนที่เกิดขึ้นใช้เวลานานกว่าเดิมในการไปถึงจุด Thermal Throttling ซึ่งส่งผลโดยตรงกับความลื่นเมื่อเล่นเกมไปนาน ๆ เพราะหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้เกมลื่นหรือไม่ นอกจากชิปแรงแล้วก็คือความร้อนที่สะสมอยู่บนตัวเครื่องนั่นเอง พอเปิด MetalFX แล้วรู้สึกว่าอาการ FPS ดรอปน้อยลงอย่างรู้สึกได้ ยกเว้นตอนเจอเอฟเฟคเยอะ ๆ นัว ๆ แบบในภาพ ยังไงเฟรมก็ดรอปเป็นช่วงสั้น ๆ อยู่ดี
ส่วนอีกเรื่องที่คิดว่า MetalFX ช่วยได้เยอะมากคือการเล่นแบบเปิด 120 FPS ซึ่งจากก่อนหน้านี้พบว่าแทบจะเล่นจริงจังไม่ได้เลย เกมกระตุก เครื่องร้อนมาก ๆ แต่หลังจากที่มีฟีเจอร์ MetalFX เข้ามา ก็ช่วยให้การเล่นแบบ 120 FPS ทำได้ลื่นไหลขึ้นมาก สำหรับแบตเตอรี่เองก็ลดลงน้อยกว่าเดิมอย่างรู้สึกได้ โดยเล่นเกมนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง แบตลดไป 20% เท่านั้น (ถ้าเป็นก่อนหน้านี้มีไม่ต่ำกว่า 30% แน่ ๆ)

ต้องบอกเลยว่าตัวชิป M1 ใน iPad Pro ตามปกติมีความแรงเพียงพอที่จะเล่นเกมลักษณะนี้ได้อยู่แล้ว แต่ด้วยหน้าจอความละเอียดสูง ทำให้กินกำลังการประมวลผลค่อนข้างมาก ซึ่งต่างกับตอนที่ทดสอบบน iPad Mini 6 ชิป A15 ในเงื่อนไขเดียวกัน แต่หน้าจอมีความละเอียดต่ำกว่า พบว่าเล่นได้ลื่นกว่ามากแม้ชิปจะแรงน้อยกว่าก็ตาม
เรียกได้ว่าการมาของ MetalFX เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนของวงการเกมบนมือถือเลย เพราะนี่คือครั้งแรกที่มีเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพด้วย AI เข้ามาบนระบบ iOS หลังจากที่พีซีมีมานานแล้ว ซึ่งมันช่วยให้มือถือ หรือแท็บเล็ตรุ่นเรือธง สเปคแรงทั้งหลายที่มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดสูง เล่นเกมภาพสวย ๆ ได้ลื่นไหลขึ้น

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะกังวลว่าเปิด MetalFX แล้วภาพจะสวยเหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะถ้าใครเคยใช้ DLSS บนพีซีมาก่อนตอน DLSS 1.0 และ 2.0 จะพบว่าเวลาเปิดช่วยเพิ่ม FPS จริง แต่ก็แลกมากับอาการขอบภาพเป็นวุ้น จากที่ทดสอบมาด้วยความที่หน้าจอ iPhone มีขนาดใหญ่สุดที่ 6.5 นิ้ว หรือ iPad ที่ 12.9 นิ้ว ทำให้เราเห็นอาการขอบภาพเป็นวุ้น หรือ รายละเอียดความคมของภาพที่ลดลงหลังเปิด MtealFX น้อยกว่าบนพีซีที่มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่ามาก ๆ เรียกได้ว่าแทบไม่เห็นถ้าไม่จับผิด
ดังนั้นเราสามาเปิด MetalFX ตอนเล่นได้เลยอย่างสบายใจ แถมเปิดแล้วแบตอึดขึ้นด้วย ไม่ต้องกังวลว่าภาพจะสวยน้อยลงหรือไม่ เพราะสุดท้ายด้วยตาเนื้อของเราก็แยกไม่ออกอยู่ดี
สรุป
หลังจากที่ได้ทดลองเล่น Genshin Impact ที่เปิด MetalFX บนกราฟิกสูงสุดแล้วพบว่า ช่วยให้เล่นเกมนี้ได้ลื่นขึ้นจริง แต่ก็ขึ้นอยู่กับความร้อนที่สะสมอยู่ของตัวเครื่อง และฉากที่เล่นด้วย แถมคุณภาพกราฟิก ความคมของภาพไม่ได้รู้สึกว่าลดลงเลย อาจเพราะหน้าจอขนาด 11 นิ้ว ที่ไม่ใหญ่มาก ทำให้มองรายละเอียดที่หายไปจากการอัปสเกลไม่ออกด้วยส่วนหนึ่ง
ส่วนเรื่องของอุณหภูมิพบว่าไม่ได้รู้สึกต่างขนาดนั้น เพราะสุดท้ายการเล่นเกมระดับนี้เครื่องก็ทำงานหนักเหมือนเดิม เปิดกับไม่เปิดถ้าเจอการเล่นแบบจริงจังระยะเวลานาน ๆ สุดท้ายยังไงเครื่องก็ร้อนเหมือนเดิม แค่ความร้อนขึ้นถึงจุดสูงสุดช้ากว่าเดิม ถ้าไม่เปิด MetalFX เล่นไป 15 ประมาณนาทีเครื่องก็เริ่มอุ่น ๆ แล้ว และถ้าเปิด MetalFX กว่าเครื่องจะอุ่นก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ที่เห็นผลต่างจริง ๆ จะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ลดลงช้ากว่าเดิมอย่างรู้สึกได้ เพราะโดยปกติเกมนี้จะกินแบต iPad Pro M1 เฉลี่ย 1 นาที 1% พอเปิด MetalFX แล้วเพิ่มขึ้นเป็น เฉลี่ยประมาณ 1.5 นาที 1% หรือเพิ่มขึ้นราว 50% เลยทีเดียว

แนะนำว่าถ้าเครื่องรองรับ MetalFX ก็ควรเปิดไว้ เพราะช่วยถนอมเครื่องของเราได้อีกพอสมควรเลย เอาไปเล่นเกมยาว ๆ เพลิน ๆ ได้ฟินขึ้นแน่นอน แถมลดโอกาสพลาดตายจากเกมค้างด้วย
น่าเสียดายที่ iPad Air 5 ชิป Apple M1 เหมือน iPad Pro ใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ ในอนาคตไม่รู้ว่า Hoyoverse ผู้พัฒนา Genshin Impact จะเปิดให้ใช้ MetalFX ได้เหมือนกันหรือไม่ เพราะเครื่องที่รองรับฟีเจอร์นี้ต้องเป็นชิปรุ่นใหม่ หรือชิปตัวแรงของ Apple เท่านั้น ซึ่งช่วงนี้อาจเป็นแค่ช่วงทดลองฟีเจอร์นี้ก่อนก็ได้เหมือนกัน ยังไงก็ต้องรออัปเดตจากทางทีมงานต่อไป
ครั้งแรกบนมือถืองั้นเหรอ…แล้ว Qualcomm GSR ผมนี้ไม่นับเหรอ อุตส่าห์มีเกมที่รองรับตั้ง 5-6 เกมแล้วนะ T-T
เออใช่ผมลืมไปเลย 5555