สำหรับใครที่กำลังมองหา USB Hub เอามาใช้งานต่อหน้าจอความละเอียด 4K 60Hz หรือเอามาแปลงพอร์ต USB-C คุณภาพดี ๆ ได้พอร์ตรุ่นใหม่อยู่ ต้องโดนสักตัวในนี้แล้วล่ะ ซึ่งในครั้งนี้เราคัดมาจากแบรนด์ชั้นนำตัวตึงของวงการนี้ เช่น UGREEN, ORICO และแบรนด์น้องใหม่มาแรงจากโครงการระดมทุนใน Kickstarter อย่าง Dockcase ก็มีด้วยเช่นกัน โดยแต่ละตัวทีมงานได้ทดลองใช้จริงแล้ว บอกเลยสิ่งที่เขียนในสเปคบางอย่าง พอเอามาใช้จริงบางทีมันก็ใช้ไม่ได้เหมือนที่คิดไว้นะ

เกณฑ์การเลือกซื้อ USB-C Hub ที่นำมาใช้ทดสอบ

  • ต้องมีพอร์ต USB-A มาให้อย่างน้อย 2 ช่อง
  • HDMI รองรับความละเอียด 4K 60Hz ขึ้นไป
  • รองรับการชาร์จไฟ PD
  • มีช่อง LAN แบบ Gigabit
  • ทุกรุ่นต้องสามารถหาซื้อได้ ไม่ใช่รุ่นที่เลิกขายไปแล้ว

สเปคอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบ

  • โน้ตบุ๊ค Lenovo ideapad Gaming 3 ที่มาพร้อมกับพอร์ต USB-C แบบ Thunderbolt 4
  • iPad Pro M1 พอร์ต Thunderbolt
  • หน้าจอ LG ULTRAGEAR 27GP850-B
    • ความละเอียด 2K HDR
    • Refresh rate 180Hz
  • หน้าจอ Samsung ODYSSEY G7
    • ความละเอียด 4K HDR
    • Refresh rate 144Hz

1. UGREEN CM512 7 in 1

สเปคเบื้องต้น

  • USB-A : 3.0 จำนวน 2 ช่อง ความเร็ว 500 MB/s
  • USB-C : PD 100W
  • HDMI : 4K 60Hz
  • LAN RJ45 : ความเร็ว 10/100/1000
  • Card Reader SD/TF : ความเร็วสูงสุด 104 MB/s
  • สายยาว : 25 ซม.
  • น้ำหนัก 119 กรัม
  • Support : Windows, MacOS, Linux, iOS ,Android
  • ประกัน 2 ปี
  • ราคา 1,567 บาท

เริ่มกันที่ตัวแรกจากแบรนด์ที่หลายคนคุ้นเคยกับ UGREEN เจ้าพ่อ Hub และสายแปลง บอกเลยว่าตัวที่เราเลือกมานั้นเป็นอีกรุ่นสุดคุ้มเลยก็ว่าได้ เพราะได้พอร์ตสมัยใหม่ที่ค่อนข้างครบ เช่น USB-A สำหรับต่อเมาส์ และคีย์บอร์ด ช่องชาร์จ USB-C PD ก็รองรับการชาร์จได้ถึง 100W ช่องอ่าน SD Card ช่อง LAN ความเร็ว Gigabit

ซึ่งสิ่งที่เป็นจุดเด่นที่สุดของ UGREEN CM512 7 in 1 คือช่อง HDMI แบบ 4K 60Hz บอกเลยว่าในราคานี้มีน้อยรุ่นมากที่จะได้ HDMI ความละเอียด 4K 60Hz เพราะส่วนมากจะเป็น HDMI แบบ 4K 30Hz

ทดสอบต่อหน้าจอแยก เริ่มต้นด้วยการทดสอบกับ Samsung ODYSSEY G7 ความละเอียด 4K พบว่าใช้ได้เปิดติดได้ 60 Hz แถมเปิด HDR แล้วสีไม่เพี้ยนด้วย ส่วนถ้าทดสอบกับหน้าจออีกตัวที่ความละเอียดต่ำกว่าอย่าง LG ULTRAGEAR ความละเอียด 2K พบว่าจะเพิ่ม Refresh rate เป็น 120Hz และเปิด HDR ได้ด้วย

ลองใช้งานกับ iPad Pro พบว่าใช้งานได้ครบทุกพอร์ต ไม่มีปัญหาอะไร ต่อหน้าจอ 4K 60Hz ได้เหมือนใช้กับโน้ตบุ๊ค แต่จะต่างกันที่เวลาเปิด HDR แล้วสีสันการแสดงผลจะเป็นแบบ HDR เลย คือใช้งานทั่วไปจะรู้สึกได้ทันทีเลยว่าสีหน้าจอเพี้ยน คือสีแสดงในหน้าจอไม่เหมือนกับบน iPad

ดีไซน์ภายนอกตัว Hub มีขนาดกลาง ๆ ไม่ได้ใหญ่มาก สามารถพกพาได้ไม่ยากจนเกินไป แต่ด้วยตัวสายที่ค่อนข้างยาว เป็นสายถัก และไม่สามารถถอดได้ ทำให้ตอนเก็บใส่กระเป๋าก็อาจจะต้องเผื่อที่ให้สักเล็กน้อย

ส่วนข้อสังเกตคือ ให้พอร์ตมาน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นที่นำมาทดสอบ USB-A ให้มาแค่ 2 ช่องเท่านั้น ต่อเมาส์ คีย์บอร์ดก็หมดแล้ว ทั้งที่มีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ และมีพื้นที่เหลือที่น่าจะใส่พอร์ตได้อีก และอุณหภูมิตอนใช้งานต่อเนื่องถ้าจับไปแล้วจะรู้สึกว่าอุ่นกว่ารุ่นอื่น ๆ

2.ORICO PW11-8P

สเปคเบื้องต้น

  • USB-A : 3.0 จำนวน 3 ช่อง ความเร็ว 500 MB/s
  • USB-C : PD 100W
  • HDMI : 4K 60Hz
  • LAN RJ45 : ความเร็ว 10/100/1000
  • Card Reader SD/TF : ความเร็วสูงสุด 104 MB/S
  • สายยาว : 20 ซม.
  • Support : Windows, MacOS, Linux, iOS ,Android
  • สี : เทา / เงิน / ทอง
  • ประกัน 2 ปี
  • ราคา 2,259 บาท

มาดูอีกแบรนด์หนึ่งที่ก็ดังไม่แพ้กันในเรื่องของสายแปลง และอุปกรณ์ต่อพ่วงฮาร์ดดิสก์ที่มีคุณภาพไว้ใจได้กับ ORICO โดยตัว PW11-8P ให้พอร์ต USB-A มาถึง 3 พอร์ต สำหรับต่อเมาส์ คีย์บอร์ด หรือจะเอาไปต่อ Ext. HDD ก็ได้ เพราะทุกพอร์ตมีความเร็วสูง USB 3.0 และพอร์ต USB-C รองรับมาตรฐานการชาร์จไฟ PD ที่ 100W

ส่วนช่อง HDMI เคลมว่ารองรับการต่อจอความละเอียดสูงสุด 4K 60Hz เมื่อนำไปทดสอบกับ Samsung ODYSSEY G7 พบว่าสามารถต่อได้จริงตามที่เคลม 4K 60Hz ต่อจอแล้วเปิดติดใช้งานได้ปกติ เปิด HDR ได้ แต่ต้องใช้งานกับคอนเทนต์ที่รองรับ HDR ด้วยถึงจะแสดงผลได้อย่างถูกต้อง ถ้าเอามาใช้งานทั่วไปจะรู้สึกว่าสีมันแปลก ๆ

ข้อสังเกตของรุ่นนี้คือ ถ้านำมาใช้กับหน้าจอที่มีความละเอียดต่ำกว่าอย่าง LG ULTRAGEAR ความละเอียด 2K จะพบว่าภาพที่ได้จะมีอาการผิดปกติหลายอย่าง เช่น มีอาการกระพริบ หรือภาพเป็นเส้น เหมือนกับว่าชิปเซ็ตตัวนี้ทำมารองรับแค่ความละเอียดแบบเดียวคือ 4K 60Hz เท่านั้น ไม่รองรับความละเอียดอื่น หรือชิปเซ็ตตัวนี้อาจมีปัญหากับพอร์ต Thunderbolt ก็ได้

ถ้านำมาต่อกับ iPad Pro พบว่าใช้งานได้ครบทุกพอร์ต แต่ถ้าเอาไปต่อหน้าจอพบว่า ที่หน้าจอขึ้นการแสดงผลแค่ 2K 60Hz ส่วนถ้าเปิด HDR ใน iPad ถึงจะขึ้น 4K 60Hz HDR มาครบ แต่อต้องใช้งานกับคอนเทนต์ที่เป็น HDR ด้วยสีหน้าจอถึงจะแสดงถูกต้อง

จากภาพด้านล่างจะเห็นได้ว่าถ้าเปิด HDR ภาพจะสว่างกว่าเล็กน้อย แต่ถ้าเห็นด้วยตาจริง ๆ จะรู้สึกได้เลยว่าภาพสว่างแสบตากว่ามาก ไม่แนะนำใช้งานแสดงผลทั่วไป

พอร์ตอื่น ๆ ที่มีมาให้อย่าง LAN ก็เป็นความเร็วระดับ Gigabit แล้ว ส่วนช่อง SD Card Reader นั้นสามารถใช้ได้ทั้งการ์ดตัวใหญ่และตัวเล็ก ทดสอบความเร็วจะวิ่งได้ราว 100 MB/S

3. Dockcase Smart USB-C Hub 10-in-1 Explorer Edition

สเปคเบื้องต้น

  • USB-A : 3.2 Gen 2 จำนวน 1 ช่อง ความเร็ว 1250 MB/s, 2.0 จำนวน 2 ช่อง ความเร็ว 60 MB/s
  • USB-C : จำนวน 2 ช่อง PD 100W, Data 1250 MB/s
  • HDMI 2.1 :8K 30Hz
  • Display Port 1.2 : 4K 120Hz
  • LAN RJ45 : ความเร็ว 10/100/1000
  • Card Reader SD/TF : ความเร็วสูงสุด 300 MB/s
  • สายยาว : 30 ซม.
  • น้ำหนัก : 148 กรัม
  • Support : Windows, MacOS, Linux, iOS ,Android
  • ประกัน : ไม่มี (เครื่องนอก)
  • ราคา 4,605 บาท

บอกเลยว่า Dockcase ตัวนี้เป็น USB Hub ตัวที่จัดเต็มที่สุดตั้งแต่เคยจับมา ดีไซน์ภายนอกทำออกมาได้เหนือชั้นกว่ารุ่นอื่น ตรงที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงข้อมูลขนาดเล็ก และฝาปิดด้านบนเป็นกระจกใสมองเห็นอุปกรณ์ภายใน

ส่วนวัสดุส่วนอื่นใช้เป็นอลูมิเนียมผิวด้านที่ผิวมีความหยาบน้อยกว่ารุ่นอื่น และด้วยความที่ให้พอร์ตมาเยอะทำให้ขนาดของตัวเครื่องใหญ่ตามไปด้วย

พอร์ตการเชื่อมต่อให้มาเยอะจัดเต็มเริ่มกันที่ USB-A และ USB-C ความเร็ว 10 Gbps รองรับการต่ออุปกรณ์จััดเก็บข้อมูลภายนอกความเร็วสูง แต่เราก็ยังได้เห็นพอร์ตรุ่นเก่าอย่าง USB 2.0 ด้วยถึง 2 พอร์ต ตรงนี้คิดว่าน่าจะเอาไว้ต่อเมาส์ คีย์บอร์ด อย่างเดียวนั่นแหละครับ และช่อง LAN มาตรฐานความเร็ว 1 Gbps

ส่วนพอร์ตสำหรับต่อจอพบว่าให้มาค่อนข้างจัดเต็มมาก ๆ อย่าง HDMI 2.1 รุ่นล่าสุด รองรับการแสดงผลความละเอียดสูงสุด 8K 30Hz โดยทางทีมงานได้ทดสอบกับหน้าจอ Samsung ODYSSEY G7 พบว่าใช้งานได้ดี เปิด HDR ได้ด้วย แต่ก็ไม่สามารถดัน Refresh rate ขึ้นไปถึง 144 Hz ใช้จริงได้แค่ 120 Hz เท่านั้น เนื่องจากแบนด์วิดท์ตันที่พอร์ต HDMI

ทั้งนี้การที่จะแสดงผลระดับ 4K 120Hz ต้องใช้กับสาย HDMI 2.1 และหน้าจอต้องมีพอร์ต HDMI 2.1 ด้วย

หรือถ้าใช้กับ LG ULTRAGEAR ที่มีความละเอียดแค่ 2K ซึ่งต่ำกว่า Samsung ODYSSEY G7 จะสามารถดัน Refresh rate ได้สูงถึง 120 Hz (หน้าจอที่มีให้ทดสอบรองรับ Hz สูงสุดแค่นี้) และเปิด HDR ได้ปกติ

ส่วน Display Port ที่ให้มาแอบเสียดายที่เป็นแค่แบบ 1.2 หรือรองรับการแสดงผลสูงสุดที่ 4K 60Hz ทำให้เมื่อนำไปใช้งาน Samsung ODYSSEY G7 จะไม่สามารถเปิด HDR ได้ ส่วนถ้าเปลี่ยนหน้าจอเป็น LG ULTRAGEAR ความละเอียด 2K จะสามารถตั้งค่าเป็น 180Hz และเปิด HDR ได้ด้วย

ถ้านำมาต่อกับ iPad Pro ผลลัพธ์จะคล้าย ๆ กับ ORICO PW11-8P คือโหมดปกติจะแสดงผลที่ความละเอียด 2K 60Hz แต่ถ้าเปิดโหมด HDR จะแสดงผลที่ 4K 60 Hz HDR ซึ่งถ้าจะให้เหมาะสม คือต้องใช้กับคอนเทนต์ที่เป็น HDR ด้วยเท่านั้น

อีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดของ Dockcase คือช่องอ่าน SD Card ที่เป็นแบบ USH-II ถ้านำไปใช้กับ SD Card ความเร็วสูง จะได้ความเร็วในการอ่านเขียนไฟล์เพิ่มขึ้นกว่า USB Hub ทั่วไป ทดสอบแล้วได้ความเร็วประมาณ 230 MB/s

โดยรวมแล้วถ้างบถึงอยากจัดตัวจบตัวแพง ดีไซน์สวย งบไม่ใช่ปัญหา Dockcase Smart USB-C Hub 10-in-1 Explorer Edition ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย แต่ต้องสั่งของจากทางเมืองนอก เพราะยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ทำให้ต้องรอของมาส่งนานนิดนึง

สรุปเลือกตัวไหนดี

UGREENORICODockcase
USB-A3.0 2 ช่อง3.0 3 ช่อง3.2 Gen2 1 ช่อง
2.0 2 ช่อง
USB-CPD 100WPD 100WPD 100W
Data 1250 MB/s
LAN10/100/100010/100/100010/100/1000
Card Reader104 MB/s104 MB/s300 MB/s
(SD Card / Micro SD)
PC
HDMI4K HDR 60Hz4K 60Hz8K 30Hz
2K HDR 120Hz4K HDR 120Hz
2K HDR 180Hz
DPNoNo4K 60Hz
2K HDR 180Hz
iPad
HDMI (iPad)4K HDR 60Hz4K HDR 60Hz4K HDR 60Hz
2K 60Hz2K 60Hz
น้ำหนัก119 กรัม148 กรัม
ราคา1567 บาท2259 บาท4605 บาท

จากที่ใช้มารู้สึกประทับใจ UGREEN มากที่สุด เนื่องจากสามารถใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชันอย่างไม่มีปัญหา ทุกเครื่องให้ผลลัพธ์เดียวกันทั้งหมดไม่ต้องลุ้นว่าเสียบไปจะใช้ได้หรือไม่ได้ แต่ด้วยราคาที่ถูกที่สุดทำให้มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น พอร์ตที่น้อย ดีไซน์ที่ไม่หล่อเท่าตัวอื่น คือถ้ารับได้กับข้อจำกัดเหล่านี้ก็จัดได้เลยคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่นอน

หรือถ้าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา จะจัด Dockcase ตัวแพงก็ได้เหมือนกัน รับรองว่าพอร์ตเยอะถึงใจแน่นอน และดีไซน์ที่ล้ำโดดเด่นกว่า USB Hub ตัวอื่นในท้องตลาด ทำให้เวลาใช้รู้สึกเท่อย่างบอกไม่ถูก

แต่อย่างไรก็ตามในการเลือกซื้อควรคำนึงถึงพอร์ตอื่นที่ใช้งานด้วย เพราะจะได้ซื้อมาครบจบใน Hub ตัวเดียว ไม่ต้องต่อเพิ่มหลายตัวให้เป็นภาระ รกรุงรัง และที่คำคัญคือไม่ต้องเสียเงินซ้ำซ้อน

จริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายรุ่นที่เราไม่ได้พูดถึง แต่ได้สเปค HDMI แบบ 4K 60Hz ด้วย ยังไงลองไปเลือกกันดูนะ

  • UGREEN รุ่น 15375 และ 60384 
  • ORICO รุ่น XDR-X33, XCR-X1, CX10
  • Veger vh-h03
  • Microsoft USB-C Travel Hub
  • Belkin Port Hub 7-in-1, 4 in 1
  • Baseus 5 in 1 60Hz

[อัปเดต] ลองต่อ USB-C Hub กับ iPhone 15

USB Hub ทั้ง 3 รุ่นี้ลองทดสอบกับ iPhone 15 Pro Max ที่มาพร้อมกับช่อง USB-C ดูแล้ว พบว่าใช้งานทั้ง 3 ตัว เหมือน iPad เลย

ใช้งานได้สะดวกมาก เวลาไปพรีเซนต์งานไม่ต้องพกโน้ตบุ๊ค หรือ iPad แล้ว แค่ iPhone, Hub และสาย HDMI ก็พร้อมนำเสนองานทันที ซึ่งคุณสมบัตินี้ Android ตัวท็อปบางรุ่น บางยี่ห้อก็ทำได้เช่นกัน เช่นซีรีส์ Galaxy S ของ Samsung ที่มี desktop mode (DeX) ให้ใช้งานแบบเป็นเรื่องเป็นราวด้วย