ตามรายงานล่าสุดจาก TrendForce ระบุว่า ยอดขายทีวีทั่วโลก “พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์” ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ด้วยจำนวนกว่า 62 ล้านเครื่อง คาดสาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาด ส่งผลให้คนอยู่ติดบ้านกันมากขึ้น จึงต้องหาทีวีมาดูแก้เบื่อ โดยอันดับ 1 ยังคงเป็น Samsung ที่มียอดขาย 14.2 ล้านเครื่อง ตามมาห่าง ๆ ด้วย LG 7.94 ล้านเครื่อง และ TCL 7.33 ล้านเครื่อง

ยอดขายจำนวน 62 ล้านเครื่องนี้ ถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 12.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นถึง 38.8% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ สาเหตุหลัก ๆ มาจากสถานการณ์โรคระบาดตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งนอกจากจะทำให้คนอยู่ติดบ้านกันมากขึ้นแล้ว ฝั่งผู้ผลิตก็ได้รับผลกระทบจากซัพพลายเชนด้วย ไม่ว่าจะเป็นในด้านกระบวนการผลิต การจัดส่งชิ้นส่วน หรืออื่น ๆ ทำให้ไม่สามารถส่งมอบทีวีได้ตามเป้าในช่วงครึ่งแรกของปี ยอดขายก็เลยมากองรวมกันที่ไตรมาสที่ 3 นี้เสียเยอะ

ผู้นำในตลาดนี้ยังคงเป็นหน้าเดิม ๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี เริ่มจาก Samsung 14.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 36.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว, LG 7.94 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 6.7%, TCL 7.33 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 52.7%, Hisense 5.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 19% และ Xiaomi 3.38 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 22.9%

แบรนด์ไตรมาสที่ 3 ปี 2020
(ล้านเครื่อง)
เทียบกับไตรมาสก่อนเทียบกับปีที่แล้ว
Samsung14.267.10%36.40%
LG7.9481.70%6.70%
TCL7.3329%52.70%
Hisense5.528.219%
Xiaomi3.385%22.90%

 

จากตารางด้านบนจะเห็นได้ว่า แม้ Samsung จะยึดอันดับ 1 เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทิ้งห่างคู่แข่งรายอื่นไปไกลลิบ โดยมีทั้งยอดขายและอัตราการเติบโตที่น่าพอใจ แต่ทาง TCL ที่อยู่ในอันดับ 3 นั้นเป็นฝ่ายที่มียอดขายเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 52.7% จากปีก่อน น่าจับตามองไม่น้อยเลยทีเดียวว่าในอนาคตจะสามารถแซง LG ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ได้หรือไม่ ?

อย่างไรก็ตาม TrendForce กล่าวว่า แม้ยอดขายทีวีจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสนี้ แต่ก็ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมทีวีแต่อย่างใด เนื่องจากยอดขายทีวีโดยรวมตลอดทั้งปี 2020 จะมีจำนวนลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รวมถึงต้นทุนของพาแนลแสดงผลเองก็มีแนวโน้มที่จะมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้บริโภคกลับมีพฤติกรรมการซื้อทีวีในราคาถูกลง (ไม่ซื้อรุ่นแพง ๆ) ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อทั้งรายรับและผลกำไรของผู้ผลิตทีวีโดยตรงนั่นเอง

 

ที่มา : The Verge