ไม่กี่วันก่อน ผมมีโอกาสได้ไปลองสัมผัส LG G Watch 1 ใน 3 Android Wear รุ่นบุกเบิกที่เปิดตัวเป็นๆ ในงาน Google I/O ร่วมกับ Samsung Gear Live และ Moto 360 มีเวลาลองจับ ลองลูบคลำอยู่นิดหน่อย เลยขอมาแชร์ควาประทับใจ ชอบไม่ชอบตรงไหนให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันสักเล็กน้อย เพราะเชื่อว่ามีหลายๆ คนเล็งๆ จะซื้อหรือไม่ก็มีฝากเพื่อนหิ้วกันมาแล้วแน่นอน

 

ตัวเรือนของ LG G Watch นั้นเป็นทรงสี่เหลี่ยมเหมือนพวก smartwatch ที่มีในท้องตลาดทั่วไป ส่วนของหน้าปัดใช้กระจก Gorilla Glass 3 ตัวเรือนเป็นพลาสติก ดูทรงแล้วก็คงเป็นโพลีคาร์บอเนต ความรู้สึกแรกเลยก็คือมันดูพลาสติกไปหน่อย แถมยังแอบหนักนิดๆ (เทียบกับ Sony SmartWatch 2 ที่ตัวเรือนเป็นโลหะ) 

 

ลองมาดูสเปคของ LG G Watch แบบละเอียดๆ กันหน่อย

  • ระบบปฏิบัติการ Android Wear™ (สามารถใช้ร่วมกับ Android 4.3 ขึ้นไป)
  • ชิพประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 400 1.2GHz 
  • หน้าจอขนาด 1.65 นิ้ว LCD IPS (ความละเอียด 280 x 280)
  • RAM 512MB
  • ROM 4GB
  • แบตเตอรี่ 400mAh
  • Ÿขนาดตัวเครือง 37.9 x 46.5 x 9.95 มม.
  • น้ำหนัก 63 กรัม
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.0
  • เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหว 9 แกน (Gyro/ Accelerometer/ Compass)
  • สีที่มีวางจำหน่าย ขาวขอบทอง / ดำ
  • ได้มาตรฐานทนฝุ่นทนน้ำ IP67 

 

อุปกรณ์ในกล่องมีตัวเรือน แท่นชาร์จ หม้อแปลง และสายไมโครยูเอสบี แล้วก็มีคู่มือเล่มเล็กๆ อ้วนๆ ติดมาด้วย

 

หน้าตาของแท่นชาร์จที่ใช้ประกบกับตัวเรือน G Watch เป็นพลาสติกเหมือนกัน ตัวแท่นมีแม่เหล็กเวลาประกบก้จะแน่นสนิทกับตัวเรือนดี ส่วนหมุดสีทองๆ นั้นใช้สำหรับเชื่อมต่อกับตัวเครื่อง หัวหมุดกลมมน คือถ้าใส่ผิดหรือใส่ไม่ตรงก็จะไม่ไปขูดกับตัวเครื่องแน่ๆ

 

หลายๆ คนอาจจะไม่ชอบที่ G Watch นั้นต้องมีตัวแื่นชาร์จ ซึ่งผมเองก็ไม่ชอบครับ ฮ่าๆ คือถ้าเผลอทำแท่นชาร์จหายหรือไปลืมไว้ที่ไหนนี่คือจับกัน ไม่สามารถชาร์จแบตได้ทันที ก็ต้องไปหาซื้อใหม่ ถ้าจะบอกว่าเหตุผลที่ต้องตัดเอาช่อง micro USB ออกไปเพื่อจะได้ทนน้ำทนฝุ่นก็คงจะไม่ใช่ เพราะ SmartWatch 2 ของ Sony ก็ได้มาตรฐานๆ IP67 เหมือนกัน ยังสามารถชาร์จผ่าน micro USB ได้เลย

 

ส่วนรูบนแท่นชาร์จก็ใช้ micro USB ตามปกติ ไม่ได้มีหัวอะไรพิเศษ 

 

เวลาเอาตัวเครื่องมาประกบร่างกับแท่นชาร์จก็จะออกมาประมาณนี้ ตัวแท่นชาร์จนั้นหนากว่าตัว G Watch ซะอีก

 

ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ในกล่องก็ตามนี้ครับ ใส่ถุงจะได้ปลอดภัย ไม่เสี่ยง.. (คนละเรื่องละ)

 

สายของ LG G Watch นั้นเราสามารถเปลี่ยนกับสายนาฬิกาข้อมือปกติที่มีขายทั่วไปได้เลย ใช้สายขนาด 22 มิลลิเมตร ส่วนหน้าจอนั้นก็มีโหมด Always On ให้ติดตลอดเวลาได้ ส่วนตัวผมยังไม่ได้ลองเล่น แต่เพื่อนบอกว่าถึงจอจะติดตลอดเวลาก็สามารถใช้งานได้ 1 วันสบายๆ และถ้าปิดจอก็สามารถอยู่ได้ถึง 2 วัน

 

เท่าที่ลองๆ เล่นดูการทำงานของ Android Wear ก็ลื่นไหลดีครับ ลองเทียบแล้วติดนิ้วและตอบสนองดีกว่า SmartWatch 2 ส่วนความลื่นไหลนั้นก็ใกล้เคียงกับ Gear fit (อิงประสบการณ์จากเครื่องที่เคยเล่นจริงจัง) หน้าตาของ Watch face นั้นมีหลายแบบดีครับ เลือกเปลี่ยนได้เพียบเลย

 

การทำงานต่างๆ ของ G Watch นั้นต้องอิงกับ Smartphone เท่านั้น แต่เหมือนเป็นการทำงานคู่กันมากกว่า นั่นคือทุกอย่างที่แจ้งเตือนบนมือถือ จะไปขึ้นที่หน้าปัดทันที เราสามารถดูข้อมูลจากบนหน้าปัดได้ รวมถึงสามารถโต้ตอบเล็กๆ ได้ เช่นการ retweet หรือหากอยากจะทำมากกว่านั้น มันก็ถามว่าจะเปิดแอพนี้บนมือถือหรือเปล่า

เช่นถ้าเราเปิดให้ google map นำทางจากในมือถือ เราก็สามารถดูขั้นตอนการเดินทางบน G Watch ได้ หรือเราสั่งนำทาง ด้วย google now บน G Watch ก็สามารถดูข้อมูลนำทางบนมือถือได้ทันที

 

นอกจากการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนแล้ว เรายังสามารถตั่งค่าพวกการเตือนความจำต่างๆ บน G Watch ได้ และความสามารถของ Android Wear จะมีมากขึ้นไปอีกขึ้นอยู่กับแอพที่เราติดตั้งเพิ่มเข้าไป

 

ทั้งหมดคร่าวๆ ของการพรีวิวแกะกล่องลองเล่นก็มีเท่านี้นะครับ คาดว่าสัปดาห์หน้าผมคงจะได้ของมาละ จะได้มาทดสอบและเทียบการใช้งานในเชิงลึกกับรุ่นอื่นๆ ให้ดูกันอีกทีครับ