ใครรอดู iPhone 12 เครื่องจริงกันอยู่ ตอนนี้ไม่ต้องรอแล้ว เพราะ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ได้เดินทางมาถึงมือทีมงานของเว็บดรอยด์แซนส์แล้ว! โดยวันนี้เราจะมาแกะกล่องเช็คของกันไปพร้อมๆ กันดีกว่า ว่าในกล่องของสมาร์ทโฟนทั้งสองมีของแถมอะไรบ้าง มีหัวชาร์จ หรือหูฟังมั้ย มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันดีกว่า
เรียกว่ารอบนี้เซอร์ไพรส์ตั้งแต่กล่องมาถึงมือ droidsans เพราะขนาดมันเล็กลงกว่าเดิมมากๆ แบบจะเรียกว่าครึ่งๆ เลยก็ได้
คือขนาดเอา 2 กล่องมาวางซ้อนกัน ยังสูงพอๆ กับกล่อง iPhone 11 Pro Max แค่กล่องเดียวเลยนะเนี่ย
แกะกล่อง iPhone 12
มาเริ่มกันที่ iPhone 12 กันก่อนเลยดีกว่า โดยรุ่นที่ทีมงานซื้อมาเป็นตัวความจุ 128GB สีน้ำเงิน Blue ที่ใครหลายๆ คนได้เล็งๆ เอาไว้
ซึ่งตัวจริงบอกเลยว่าเหมือนจะไม่ตรงปกเล็กน้อย เพราะจากภาพเรนเดอร์กับตัวจริงนั้น คนละเรื่องกันเลย แต่พอถือไปถือมาก็ดูสวยอยู่เหมือนกันนะ แล้วแต่คนชอบแหละจุดนี้
ในกล่อง iPhone 12 ไม่มีหูฟัง EarPods และหัวชาร์จอะแดปเตอร์แถมมาให้นะ ใครอยากได้ต้องซื้อเพิ่มแยกเอาเอง
โดยภาพในกล่อง iPhone 12 จะเพียงแค่ตัวเครื่อง, สายชาร์จ, คู่มือ และเข็มจิ้มซิมแถมมาเท่านั้น และแน่นอนว่าไม่มีเคสใสแถมมาให้เช่นเคย
สายชาร์จรอบนี้เป็นแบบ Lightning to USB-C โดยจะไม่ใช่สายถักตามที่ข้อมูลหลุดออกมาก่อนหน้านี้นะ สายชาร์จของ iPhone 12 ที่แถมมายังคงเป็นแบบเดิมกับที่ Apple เคยแถมๆ มาในกล่อง iPhone ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
รอบนี้ iPhone 12 ถือว่าค่อนข้างมาแปลกนิดนึง เพราะปกติจะเป็นพลาสติกพันรอบตัวเครื่องให้เราได้แกะมีเสียงกันแบบฟินๆ แต่ในครั้งนี้ Apple เลือกใช้เป็นวัสดุที่คล้ายๆ กระดาษ (แต่สัมผัสมันคือพลาสติกอยู่ดีนั่นแหละ) โดยจากที่ลองแกะดู ก็พบว่าอันนี้ก็ฟินพอกัน
ฝั่งซ้ายของ iPhone 12 จะมีปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่มปรับเปิดปิดเสียงนั่นเอง ซึ่งตรงนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของ iPhone อยู่แล้ว สะดวกมากเวลาใช้งานจริง ขณะที่ฝั่งขวาจะมีแค่ปุ่ม Power เท่านั้น โดยอันนี้จะไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ให้เหมือนกับ iPad Air 4 นะ จะปลดล็อคหน้าจอก็ต้องใช้ Face ID เหมือนเดิม
รอบนี้จอของ iPhone 12 ให้มาเป็นแบบ OLED แล้ว และ Notch หรือรอยบากเค้าบอกมีขนาดเล็กกว่าเดิมนิดนึง (แต่มองด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นจะต่าง) รวมถึงขอบบนล่างข้างๆ ก็บางลงอีกด้วย น่าเสียดายที่ค่ารีเฟรชเรทยังคงเป็น 60Hz เหมือนเดิม ไม่ใช้ 120Hz แบบที่ลือๆ กันในตอนแรก
วัสดุด้านข้างของ iPhone 12 จะทำมาจากอะลูมิเนียม งานประกอบดี เคาะแล้วรู้สึกแน่นดี
พอร์ตยังคงเป็น Lightning แบบเดิม และมีรูลำโพงสองตัว โดย iPhone 12 จะมากับลำโพงคู่แบบสเตอริโอ
โมดูลกล้องหลังของ iPhone 12 ยังวางคล้ายๆ กับ iPhone 11 คือมีกล้อง 2 ตัว และไฟแฟลช LED โดยเนื้อฝาหลังของ iPhone 12 นี้จะมาเป็นแบบกระจกเงาๆ ซึ่งแน่นอนว่าพอมาเป็นแบบนี้แล้วก็จะเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่ายหน่อย
แกะกล่อง iPhone 12 Pro
ต่อกันที่อีกหนึ่งพระเอกของเราอย่าง iPhone 12 Pro กันดีกว่า โดยรุ่นที่เราซื้อมาจะเป็นตัวความจุ 128GB สีทอง Gold สัมผัสจับถือรวมถึงภาพลักษณ์ของมือถือรุ่นนี้ถือว่าสวยงามตามท้องเรื่อง
แต่หากจะพูดถึงความทองแล้ว.. ฝาหลังของรุ่นนี้กับสีที่เรามองเห็นมันจะออกขาวๆ ครีมๆ คือไม่ได้ดูทองเหมือนรุ่นก่อนๆ ก็ว่าได้
แต่ขอบตัวเครื่องซึ่งทำจากโลหะไทเทเนี่ยมนั้นจัดเต็ม คือขัดมาเงาวับ และดูทองสุดๆ ไปเลย
อุปกรณ์ภายในกล่องมีมาเท่ากัน คือไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบครับ แถมมาแค่สาย USB C to Lightning และเข็มจิ้มถาดซิม พร้อมสติกเกอร์ Apple สีขาว
ตำแหน่งการวางปุ่มต่างๆ ของ iPhone 12 Pro ในภาพรวมจะวางปุ่มแบบเดียวกับ iPhone 12 ทั้งหมด ปุ่มเพิ่มลดเสียงอยู่ฝั่งซ้าย ฝั่งขวาเป็นปุ่ม Power และก็ยังไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝั่งมาไว้ให้เหมือนเดิม ต้องใช้ Face ID เหมือนเดิม
ส่วนขอบตัวเครื่องสีทองของ iPhone 12 Pro นั้นได้ข่าวว่ามีการเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือเอาไว้ด้วยเพื่อความสวยงาม แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพอจับๆ เล่นๆ ไปนิดเดียวเท่านั้นแหละ รอยนิ้วมือมาเพียบ แถมเช็ดออกยากด้วยนะ
โมดูลกล้องหลังของ iPhone 12 Pro นั้นยังคงเอกลักษณ์ชานมไข่มุก 3 รูเหมือนกับ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max จะเว้นก็แต่ในรอบนี้ iPhone 12 Pro มีเซ็นเซอร์ LiDAR สำหรับช่วยวัดระยะพื้นหลังในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอเข้ามาด้วย
ส่วนใครที่ซื้อเครื่องมาแล้วกะว่ามันคงใช้กับหัวชาร์จ iPhone เดิมที่บ้านได้ อันนี้ขอแจ้งไว้ก่อนว่าหัวชาร์จรุ่นก่อนๆ มันจะเป็น Type A นะครับ เสียบไม่ได้กับสาย USB C to Lightning แน่นอน ยกเว้นแต่ใครที่ซื้อ iPhone 11 Pro ไป อันนั้นเค้าแถมหัวชาร์จแบบ Type C มาให้แล้ว
iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ใช้งาน 5G ในไทยได้ยัง?
เอาล่ะ รอบนี้ไฮไลท์หลักของ iPhone 12 ก็คือ จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Apple เลย ที่มาพร้อมกับความสามารถในการใช้งาน 5G และด้วยความที่ทีมงานมีซิม 5G อยู่ในตัวพอดี ก็เลยขอใช้โอกาสนี้ทดลองมันซะเลยว่า iPhone 12 และ iPhone 12 Pro นั้นจะใช้งาน 5G ในไทยได้หรือเปล่า
แต่พอเสียบซิมเข้าไปแล้วก็พบกับความแป่วเบาๆ…เพราะทั้ง iPhone 12 และ iPhone 12 Pro นั้น ขึ้นสัญลักษณ์ 4G ด้วยกันทั้งคู่ เอ๊ะ…พื้นที่ที่ทีมงานอยู่ก็สามารถใช้งาน 5G ได้นะ ทำไมมันไม่ขึ้นล่ะเนี่ย หรือว่า 5G จะแอบซ่อนอยู่ในหน้าตั้งค่ากันนะ 🤔🤔 ไปลองค้นดูดีกว่าเผื่อเจอ
แป่วรอบสอง…เพราะพอมาดูที่หน้าตั้งค่าก็พบว่า ไม่มีตัวเลือก 5G ในเลือกเลย มีแต่ 3G และ 4G เท่านั้น แง้ ตรงนี้อาจจะต้องรอให้ Apple ออกแพทช์อัปเดตให้สามารถใช้งาน 5G ได้ต่อไปนั่นเอง แถมยังต้องลุ้นอีกว่าถ้ามาวางขายในไทยวันแรกเนี่ย iPhone 12 จะใช้งาน 5G ได้เลยไหม หรือจะมีดีเลย์ต้องรอ
iPhone 12 Pro เอาหลอดกาแฟกลับมาได้แล้ว
ใครที่ชอบถ่ายรูปแก้วกาแฟสตาร์บัคส์ หรือแบรนด์อื่นๆ อาจจะชื่นชอบ iPhone 12 Pro อยู่ไม่น้อย เพราะแม้ว่านาซ่าจะพาเธอกลับมาไม่ได้… แต่ iPhone 12 Pro สามารถเอาหลอดกาแฟกลับมาให้คุณได้แล้ว! ทั้งนี้ก็น่าจะเพราะพลังเซ็นเซอร์ LiDAR ตัววัดระยะนั่นเอง บอกเลยว่าจากรูปตัวอย่างนี่สุดจริง ตัดขอบเนียนกริ๊บ
อย่างไรก็ดี อันนี้ทีมงานแค่ลองกับ iPhone 12 Pro ที่มี LiDAR Sensor นะ ยังไม่ได้ลองกับ iPhone 12 รุ่นธรรมดา เอาเป็นว่าเดี๋ยวลองเมื่อไหร่ จะมาอัปเดตให้อีกทีนะครับ
iPhone 12 เอาหลอดกาแฟกลับมาให้คุณได้แล้ว 🤣
คาดว่าเป็นพลังจาก LiDar Sensor เพราะอันนี้ลองกับ iPhone 12 Pro นะ ยังไม่ได้ลองกับ iPhone 12 ว่าแตกต่างกันไหม pic.twitter.com/5QlfSQeAD1
— droidsans (@droidsans) October 25, 2020
ทั้งหมดนี้ก็คือการ Unboxing แกะกล่องเช็คของคร่าวๆ ของ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro นะครับ ใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็พิมพ์ทิ้งเอาไว้ด้านล่างได้เลย เดี๋ยวทดสอบ ลองเล่น แล้วจะมาเขียนบทความรีวิวให้ดูกันแบบจัดเต็มเลยล่ะ
น้ำเงินไม่ตรงปกอีกแล้ว คราวที่แล้วฟ้า XR ก็ไม่ตรง แต่ฟ้าของ 12 Pro สวยกว่ามาก (เสียดายนึกว่าเอามาเทียบกัน 555)
แลดูสวยดีแหะ