ผมโดนแต่ไม่ใช่โทรศัพท์เป็นสินค้าตัวอื่นครับ อยากเอามาแชร์ให้เป็นความรู้ในกรณีที่จับคนร้ายได้ครับเรื่องเกิดวันที่ 10 มกราคม ต้นปีเลย จับคนร้ายได้ แต่ทำอะไรไม่ได้กฏหมายมันอ่อน และสามารถยอมความกันได้ ถ้าไม่ยอมถึงขั้นขึ้นศาลก้อต้องเสียค่าทนายเสียเวลา ไม่คุ้มกันครับ เอาเวลาไปทำมาหากินยังได้เงินเร็วกว่ามาก
กล่าวก่อนว่าผมเปิดร้านค้าขายอุปกรณ์คอมฯ มีหน้าร้าน มีแฟนเพจ มีเวปขายสินค้าเป็นของตนเอง มีช่องทางการชำระเงินชื่อบัญชีแสดงชัดเจน มีตัวตนอยู่ใน Google เสริซหาก้อเจอครับเป็นหลักฐานยืนยันตัวตนอย่างดี
วันที่ 10 มกราคา มีการโอนเงินเข้าบัญชีผม ยอด 2000 และมีอินบ็อกในแฟนเพจแจ้งหลักฐานการโอนเงินพร้อมสั่งสินค้า (โอนก่อนแล้วค่อยสั่ง) โดยมีสลิปชัดเจนส่งมาให้ด้วย สินค้าที่สั่งมียอดโดยรวมทั้งหมด 8000 หลังจากนั้นจึงมีสลิปเงินโอนส่งเข้ามาทางอินบ็อกเป็นระยะๆ รอบละ 2000 โดยลูกค้าคอยโทรมาเช็คถามตลอดว่าเงินเข้ารียัง โดยมีทั้งเสียงวัยรุ่นชายบ้าง วัยรุ่นหญิงบ้าง แต่เบอร์เดิม เรียกตัวเองว่า “น้ำมนต์”
วันที่ 11 มกราคม ยอดการโอนครบ 8000 (สลิปมี 4 ใบ มี 4 ธนาคาร มี 4 ชื่อผู้โอน) ตอนเห็นสลิปก็เอะใจครับ แต่ทางลูกค้าออกตัวก่อนแล้วว่าเงินที่โอนมาเป็นของน้าๆ ลุงๆส่งเงินมาให้ (ด้วยความที่ไม่เคยโดนมาก่อนเลยไม่ทันเฉลียวใจ) จึงจัดเตรียมสินค้าให้ 3 อย่าง แต่เนื่องจากสินค้าที่สั่งหมดพอดีจึงมีแค่ 2 ชิ้นกับเงินคืนอีกจำนวนหนึ่ง
เย็นวันที่ 11 มกราคม ลูกค้าโทรมาแจ้งว่าจะมารับของเอง (แปลกใจโอนเงินแล้วทำมัยมารับเอง เข้าใจว่าให้จัดส่ง EMS ) พอถึงเวลามารับมีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างมารับแทน โดยอ้างตัวว่าเป็นลุงของเด็กที่โอนเงินมาให้บอกว่าเจ้าตัวติดสอบมาไม่ได้ พร้อมแนบกระดาษหลักฐานการสั่งของจากเพจ จำนวนเงินทอน กับลงชื่อ “น้ำมนต์” จึงขอถ่ายเอกสารสำเนาบัตรประชนวินรับจ้างไว้ก่อนเพื่อเป็นหลักฐานการรับสินค้า หลังจากส่งสินค้าไปให้ไม่เกิน 10 นาทีก้อได้รับโทรศัพท์จาก ‘ น้ำมนต์ ” ว่าได้รับของแล้ว ขอบคุณ เป็นอันจบปิดการขายได้รับของได้รับเงิน
วันที่ 12 มกราคม ลูกค้าเดิมเฟสมาสั่งของเพิ่มคราวนี้ยอด 12000 ใช้การโอนแบบเดิมๆ ส่งสลิปมาให้ดู ลุงๆป้าสมทบทุนมาให้
วันที่ 13 – 14 ยังระดมเงินทุนไม่ครบ ช่วงนี้โทรมาเช็คการโอนบ่อยมากๆ และต้องการมารับของตลอดเวลา ติดที่ว่าเงินเข้าไม่ครบประกอบกับมีลูกค้าท่านอื่นโอนเงินมายอดตรงกันพอดีจึงไม่แน่ใจว่าเป็นของใคร รอเช็คที่แบงค์ให้ชัวร์อีกทียืดเวลายืนยันการรับสินค้าไปอีกวัน
ดึกวันที่ 14 ได้เรื่องแล้ว มีโทรศัพท์จากผู้เสียหายรายแรกโอนเงินเข้ามาแจ้งว่าเราโกงโอนเงินแล้วไม่ส่งสินค้าให้สอบถามจนแน่ใจว่าผู้เสียหายได้ติดต่อซือสินค้าจากเวป “DealFish” เป็นเครื่องเล่นเกมส์ PSP รุ่น 3000 มือสองสีขาวในราคา 2000 บาท (ผมว่ามันแพงไปสำหรับเครื่องเล่นตกรุ่นตัวนี้) โดยตกลงราคาการรับของการโอนเงินผ่านไลน์โทรศัพท์เบอร์ที่โชว์ในเวปเดลฟิช (ไม่ใช่เบอร์ผม) แต่ใช้ชื่อผม นามสกุลผม ข้อมูลผมที่หาได้จาก Google มาใช้แอบอ้างเพื่อให้ผู้เสียหายตายใจโอนเงินให้ ใช้คำพูดต่างๆนาชวนให้ผู้เสียหายรีบร้อนที่จะโอนเงินโดยไม่เช็คให้ถี่ถ้วนเพราะเห็นว่าเป็นของสภาพดีราคาไม่แพง มีคนต้องการเยอะ โอนก่อนได้ก่อน (อย่างที่บอกผมว่ามันแพงไปสำหรับเครื่องเล่นเกมส์ตกรุ่นไป 3-4 ปีที่แล้ว) เวลาผ่านไป 3-4 เห็นว่าไม่ได้รับของจึงหาข้อมุลเพิ่มเติมจาก Google จนรู้ที่อยู่ของผม เบอร์ติดต่อผม ทำให้สามารถติดต่อตัวผมจริงๆที่ไม่ใช่ ตัวผมจากเวปเดลฟิช จึงรู้ว่าถูกหลอก ผมแนะนำให้น้องไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ตัวผมก้อไปแจ้งความด้วยความบริสุทธิใจไม่คิดว่าจะมีเรื่องใหญ่กว่านี้ตามมาอีก
วันที่ 15 ยอดเงินเข้าบัญชีครบ 12000 ผมได้ไปแจ้งความที่โรงพักใกล้ร้านที่เปิดอยู่ ตำรวจไม่รับแจ้งครับ !! เหตุผล
– ผมไม่ใช่ผู้เสียหาย ได้รับเงินค่าสินค้าจริง แต่ไม่ส่งของไปให้ (ผมไม่ได้ลงประกาศขายแต่ตำรวจไม่รับรู้)
– ผมเป็นผู้ร้ายข้อหายักยอกเงินค่าสินค้า มีการแจ้งความลงบันทึกไว้แล้วที่ท้องที่ผู้เสียหาย ที่ปทุมธานี ผมอยู่ชลบุรีต้องไปเครียที่นั่นก่อน “จึงจะมาแจ้งความได้”
งานเข้า ผู้เสียหายทั่วประเทศ 10 รายๆละ 2000 ถ้าแจ้งความหมดนี่ผมคงไม่ต้องวิ่งทัวร์ทั่วไทยหรอครับ ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้(หรือไม่ทำ)บอกได้แค่ว่าคนละท้องทีกัน สุดท้ายอย่างน้อยผมก้อได้ลงบันทึกประจำวันถึงเรื่องยอดเงินที่เข้าบัญชีว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น (ไม่ใช้อีกต่อไปปิดบัญชีที่เดินมาสองปี) ป้องกันข้อหาการฟอกเงินที่ไม่ได้ทำ
่ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่าคนร้ายจะต้องมารับสินค้ารอบที่ 2 วันนี้เวลาบ่ายๆ ช่วยมาจับหรือติดตามจะได้จับผู้กระทำผิดมาลงโทษ เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบพร้อมประสานงานให้ (ส่งผมไปหาอีกคน อีกคน แล้วก้ออีกคน)
สรุปใกล้ถึงเวลาส่งสินค้าให้ผู้ร้ายไม่มีตำรวจติดต่อกลับมาซักคนแถมติดต่อตำรวจไม่ได้ด้วยอีกหลายคน
บ่ายเย็นๆวันที่ 15 คนร้าย “น้ำมนต์” ส่งวินมอไซค์อีกคนมารับสินค้าที่ร้าน ผมขอบัตรประชาชนวินรับจ้างไปถ่ายเอกสาร แต่ไม่ให้สินค้า โดยบอกไปว่าคนละคนกับที่มารับคนแรก ไม่ไว้ใจให้ น้ำมนต์มารับเอง (พยายามยื้อเวลาและติดต่อตำรวจหวังว่าจะมาช่วย) จนแล้วจนรอดเมือเห็นว่าตำรวจก้อไม่มา น้ำมนต์ก้อไม่มารับเอง จึงบอกไปว่าเงินที่โอนมามีปัญหา เจ้าของเงินโทรมาทวงคืน ไม่สามารถส่งสินค้าให้ได้ ถ้าต้องการยืนยันการเป็นเจ้าของเงินให้เอาหลักฐานมายืนยัน
เงียบหายครับ เมื่อวินรับจ้างกลับไปแล้ว เบอร์ที่โทรมาก้อติดต่อกลับไม่ได้ สรุปว่าผมเสียสินค้าไป 8000 บาท
วันที่ 16 มกราคม ถึง 17 มกราคม ไปปิดคดีที่ปทุมธานีหวังว่าปิดแล้วจะไปแจ้งความเอาเรื่อง น้ำมนต์
7 โมงเช้ามาพบกับผู้แจ้งความที่ปทุมธานี ก่อนเข้าไปยอมความได้คุยกันทำให้เข้าใจถึงรูปแบบการหลอกลวงของแก็งต้มตุ๋นนี้(ทำกันหลายคนอย่างน้อย 2 คน) รูปแบบที่สรุปได้มีดังนี้
– ประกาศขายสินค้าที่น่าสนใจในราคาไม่แพง
-ให้เบอร์โทรที่เป้นแบบเติมเงิน ตรวจสอบกลับไม่ได้ ใช้แล้วทิ้ง
-แอบอ้างตัวเป็นบุคคลเป้าหมายที่จะไปเอาสินค้า มาขายต่อ หรือ ไว้ใช้เอง และไม่ได้มีแค่รายเดียว บัญชีเดียว !!!!
-หลีกเลี่ยงการพบปะพบเจอกับผู้ซื้อสินค้า(ที่ไม่มีขายหรือหลอก) และผู้เคราะร้ายที่ต้องมารับผิดชอบแทน
-ขอหลักฐานการโอนเงินข้อมูลต่างๆจากผู้ถูกหลอกโอนเพือใช้หลอกต่อผู้ขายสินค้าอีกที (แอบอ้างความเป้นเจ้าของเงินอย่างเนียนๆ)
-ไม่รับสินค้าเอง และไม่รับส่งไปรษณีย์
-ส่งสินค้าไปให้ผู้โอนเงินมี หมายเลข EMS Tracking ถ่วงเวลาเพื่อให้ไปหลอกคนอื่นได้อีกในช่วง 3-4 วันกว่าผู้โอนเงินจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก้อต่อเมือได้รับสินค้าเป็น แปรงสีฟัน กระดาษทิชชู่ แป้ง (ของเก่าใช่ไม่ได้แล้ว)
-หนีไปอย่างเนียนๆ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะบุคคลที่ใช้แอบอ้างต้องรับผิดชอบแทน
คุยกับตำรวจเจ้าของคดี สรุปว่ายอมชดใช้ค่าเสียหาย 2000 ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ จบ แต่ไป 7 โมง กลับเกือบ 6 โมงเย็น มาตั้งแต่ตำรวจยังไม่เข้าเวรจนออกเวร เพราะโดนสอบปากคำ ในคดี หลอกลวง ฟอกเงิน ขอหลักฐานการจดทะเบียนการค้า เพราะอาจเปิดร้านบังหน้าต้องให้แฟนวิ่งเอาเอกสารจากชลบุรีมาให้อีกรอบ น้ำตาแทบไหล คนทำมาหากิน เงินแค่ 2000 ผมไม่ได้หลอกผมเป็นผู้เสียหายทำมัยต้องทำเหมือนกับผมเป็นผู้ร้าย ผมยินดียอมความชดใช้ค่าเสียหาย 2000 อยู่แล้ว ทางผู้เสียหายก้อแทบจะร้องไห้เพราะไม่คิดว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้
นี้แค่คดีแรก ผู้เสียหายคนแรกเจอแบบนี้อีก 9 รายผมได้ปิดร้านแน่ๆ
กลับมาแจ้งความต่อหลังจากปิดคดีไปแล้วพร้อมนำสำเนาคดีที่ปิดมาให้ตำรวจท้องที่ไว้เป็นหลักฐาน ก้อไม่รับแจ้งความด้วยเหตุผล ผม ไม่ใช่ผู้เสียหาย
สืบหาตัวผู้ร้ายกันเอง เมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่มาช่วย ก้อต้องช่วยตัวเอง มาถึงจุดนี้เหมือนโคนันครับ จากการคุยกับผู้เสียหายคนแรกได้เรื่องว่านอกจากบัญชีที่ต้องโอนไปเป็นบัญชีของผมเองแล้วยังมีอีกบัญชีนึงด้วย เริ่มจากสืบหาเจ้าของบัญชีต้องสงสัยว่าเป็นของใคร อาจเป็นของๆคนร้ายจริงๆก้อได้ หาได้จาก Google รู้ที่อยู่ว่าคนชลบุรี เปิดร้านค้าด้วย จึงได้ไปตามที่อยู่นั้น แปลกใจมากเป็นร้านที่ผมเป็นลูกค้าประจำตลอด เลยได้สอบถามพูดคุยกันได้ความว่าเจ๊เขาก้อพึ่งโดนแจ้งความเหมือนกันข้อหาเดียวกัน คนร้ายเข้ามาซื้อสินค้าเองเป็นจำนวนเงิน 3000 โดยจ่ายเป็นเงินสด 1000 ที่เหลือจะให้พี่โอนมาให้และขอหมายเลขบัญชีไป ซักพักเจ๊ได้เงินเข้าบัญชีจริงจังหวะเดียวกับที่คุยเลย ไม่สงสัยอะไรส่งสินค้าไปให้ และคนร้ายยังสั่งจองสินค้าอีก พร้อมทิงเบอร์โทรไว้ให้ เป็นเบอร์ที่ใช้ตามตัวคนร้าย
นักเรียนมาขอฝึกงานตอนช่วงปิดเทอมของปีก่อนที่เกิดเรื่อง มีหลักฐานบัตรนักศึกษา กับเบอร์ติดต่อ (พอเปิดเทอมก้อได้ออกไปเรียน) ซึ่งเบอร์ไปตรงกันพอดิบพอดี จึงนำเสาเนาบัตรนักศึกษามาให้เจ๊ดู ก็ยืนยันว่าเป็นคนๆเดียวกัน รู้ตัวคนร้ายแล้วจึงพาเจ๊ไปแจ้งความที่โรงพักใกล้เจ๊ ตำรวจไม่รับแจ้งความ
ผู้เสียหายที่เหลือทยอยติดต่อมา รายที่สองอยู่ไม่ไกลที่บางพลี ผมจึงเดินทางไปพบเพื่อพูดคุยกัน ผมได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้หลักฐานต่างๆ และไปแจ้งความด้วยกันกับผู้เสียหาย ตำรวจรับแจ้งความ “ร่วม” โดยระบุว่าผมไม่ใช่ผู้กระทำผิดหลอกลวงผู้เสียหายโดยมี นาย …. เป็นผู้แอบอ้างตัวไปกระทำผิดแทน” (เกือบโดนข้อหานายจ้างสมรู้ร่วมคิดกับลูกจ้างกระทำการหลอกลวงซื้อขายสินค้าแต่ไม่ส่งของไปให้) ตำรวจออกหมายเรียก วินรับจ้างทั้งสองคนมาสอบปากคำ
หมายเรียกออกไปถึง 1 ในสองคน ได้เข้ามาที่ร้านเพื่อขอให้เราถอนแจ้งความเพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิดแค่มีคนจ้างมารับของเท่านั้น ผมจึงได้สอบถามว่าใครเป็นคนจ้าง “พ่อของคนร้ายจ้าง”
เช้าวันต่อมา พ่อแม่ของคนร้ายเข้ามาพูดคุย และกล่าวขอโทษ พร้อมทั้งยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นแค่ผู้ที่ถูกหลอกมาอีกทีโดยคนที่ชื่อน้ำมนต์ (มาถึงตรงนี้ก้อยังไม่รู้ว่าใครคือน้ำมนต์) ผมขอหลักฐานยืนยันตัวน้ำมนต์ก้อไม่สามารถหาให้ได้
ครอบครับผู้ร้ายไม่ยอมรับว่าลูกชายเป็นคนผิดแต่ด้วยไม่มีหลักฐานจึงขอยอมความกับผู้เสียหายสน.บางพลี ผุ้เสียหายเรียกค่าเสียเวลา 10000 นึง ต่อรองกันได้ที่ 7000 (มีส่วนตำรวจด้วยนะ) แต่กว่าจะตกลงได้เรื่องลากยาวมาเดือนมีนาคม ผมต้องวิ่งๆ ชลบุรี บางพลี อยู่หลายรอบเสียเวลาทำงาน ร้านต้องปิด เพราะเงิน 2000
ผู้เสียหายที่ ทุ่งครุ นครปฐม พัทยา ลำปาง และที่ไม่ทราบได้ อีก 2 ราย (เพราะโอนเงินผ่านตู้ฝากเงิน) เนื่องด้วยเห็นว่าไกล และจากประสบการณ์ ผมโอนเงินคืนให้กับคนที่ติดต่อได้และยังไม่ได้แจ้งความเพราะเงินไม่ใช่ของเราและเรายังไม่เสียอะไร นอกจากเวลา (มีค่ามากที่สุด) ในการทำมาหากิน
เท่าที่ทราบจากผู้เสียหาย 4 คนแรก (โอนเงินมาและผมเสียสินค้าไป) ได้เรียกร้องค่าเสียหายมากกว่าเงินที่ได้เสียไป แต่ด้วยผู้เสียหายบางคนเป็นนักเรียนเห็นว่าไม่อยากยุ่งยากวิ่งๆเข้าโรงพัก จึงยอมปล่อยผ่านไปเพราะถือว่าเป็นค่าประสบการณ์สำหรับการซือของออนไลน์ บางคนได้รับช้า หรือถูกต่อรองอีก ขอผ่อน ก้อมี
ผมไม่สามารถแจ้งความได้ เพราะผู้เสียหายยินยอมความกับผู้ร้ายหมด พวกเขาก้อไม่อยากมาเสียเวลากับผมอีก ถ้าต้องวิ่งเข้าๆออกโรงพัก ขึ้นศาล เพื่อผม คนที่ไม่รู้จัก แค่ได้เงินคืนมาก้อพอแล้ว (กว่าจะได้เงินคืนก้อผ่านไปหลายเดือน ทุกวันนี้ยังไม่รู้ว่าได้ครบกันรึยัง)
ปรึกษาทนายความอาสาประจำจังหวัดชลบุรี ถ้าฟ้องร้องก้อไม่คุ้มเป็นแค่คดีแพ่่ง ยอมความได้ ถ้าอยากให้เป็นคดีอาญาต้องมีผู้เสียหายมาร่วมด้วย (หายหมดแล้วไม่มีเหลือเพราะได้เงินหมดแล้ว ไม่มีใครอยากมาเสียเวลา)
สิ่งที่เหลือทุกวันนี้คือ ใบแจ้งความจากสองผู้เสียหายกับหมายเรียกที่ไม่รุ้จะมาถึงเมื่อไหร่ในสองปีนี้ มาเมื่อไหร่ค่อยวิ่งไปเครียละกัน ไม่รีบ เผื่อตำรวจลืมส่งหมาย (เพราะเป็นคดีเล็กๆตำรวจไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่) และคนร้ายก้อลอยนวลต่อไป ความซวยก้อตกแก่เจ้าของบัญชีที่รับเงินไป
สรุปว่าคดีแบบนี้จะมีอีกเยอะและจะมีอีกต่อไปเรื่อยๆ เพราะกฏหมายอ่อน มีช่องโหว่ให้คนฉวยโอกาศใช้กระทำผิด ผู้ร้ายมีนักกฏหมายให้คำปรึกษา มีตำรวจคอยแนะนำช่องทาง ผู้เสียหายไม่อยากเสียเวลาอยากยอมความมากกว่าเอาตัวผู้ร้ายมารับโทษ