ข่าวลือเรื่อง UV sensor กับ Samsung Galaxy Note 4 เมื่อเดือนที่แล้วนั้นสร้างความมึนงงให้กับหลายๆ คนไปเลยทีเดียว หลายๆ คนแน่นอนว่าต้องมีเครื่องหมายคำถามติดบนหัวว่าทำไมมือถือต้องมี UV sensor แล้วมันจะเอามาใช้ทำอะไร?

วันนี้ทาง SamMobile เว็บข่าวหลุดสายตรงได้ออกมาอธิบายถึงการทำงานของ UV sensor บน Galaxy Note 4 และประโยชน์ของมัน

Samsung นั้นถือเป็นหนึ่งในค่ายแรกๆ ที่เดินเข้าสู่ตลาดสุขภาพ ด้วยการพัฒนา S Health ขึ้นมาให้ใช้งานเป็นครั้งแรกใน Galaxy S4 แต่ปรากฏว่ายัดฟีเจอร์มาเยอะเกินไปแถมใช้งานยาก สุดท้ายเลยแทบไม่มีคนใช้กัน จนพอมาถึง Note 3 มีการปรับเปลี่ยนแอพใหม่เลยมีคนเริ่มใช้งานมากขึ้น

Samsung ยังพยายามดัน S Health ขึ้นมาเป็นแอพหลัก และเน้นไปที่ตลาดสุขภาพมากขึ้น สังเกตุได้จากการที่เพิ่ม Heart Rate Sensor เข้าไปใน Galaxy S5 และ Samsung Gear ทั้งหลาย

และตอนนี้เหมือนหลายๆ ค่ายทั้ง iOS และ Android เองต่างก็มีแอพที่จะรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกายได้เหมือนๆ กันแล้ว Samsung เลยต้องก้าวข้ามเพื่อความเป็นผู้นำอีกครั้ง ด้วยการเลือกเอา UV sensor มาใช้งานบน Galaxy Note 4 ซึ่งจะเป็นฟังก์ชั่นที่เข้ามาเสริม S Health นั่นเอง

แน่นอนว่าทั้ง Samsung และ Galaxy Note 4 จะเป็นค่ายแรกและมือถือรุ่นแรกในโลกที่มี UV sensor ฝังมาในตัว ซึ่งการทำงานของมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เอาไว้วัดค่า UV Index ว่ามีความแรงแค่ไหนนั่นเอง ซึ่งระดับของรังสี UV นั้นมีมากมายหลายระดับ ที่พอจะแบ่งออกมาได้ก็คือ

ค่า UV 0-2 

ถือว่าเป็นค่า UV ที่ต่ำ ความรุนแรงน้อย 

ค่า UV 3-5

ค่าปานกลาง แต่อยู่ในระดับที่ต้องทาครีมกันแดดทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือหลบในที่ร่ม ไม่งั้นผิวไหม้

ค่า UV 6 ขึ้นไป

ค่าสูงมาก พยามยามหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วง 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น ไม่เกี่ยวว่าจะมีเมฆหรือไม่ก็ตาม ต้องทาครีมกันแดดทุก 2 ชั่วโมง 

ซึ่งค่า UV นั้นไม่ได้เกี่ยวกับความร้อนของดวงอาทิตย์ แต่มันมากับแสง ไม่ว่าจะมีเมฆมาก แต่ค่า UV อาจจะสูงก็ได้ รวมถึงการไปทะเลหรือการเดินบนหาดทรายขาวๆ ยิ่งเป็นตัวสะท้อน UV ถึงแม้เราจะลงน้ำก็หนีไม่พ้นรังสี UV เช่นเดิมช

เฮ่อ อธิบายมาตั้งยาว ขอสรุปสั้นๆ ว่า Note 4 ใส่ UV sensor มาเพื่อวัดค่ารังสี UV โดยเฉพาะ และจะเป็นส่วนหนึ่งของ sensor หลากหลายที่ถูกนำมาใช้กับ S Health นั่นเอง 

 

source : sammobile