เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วสำหรับมือถือสุดล้ำ สุดอินดี้ อย่าง vivo NEX Dual Display Edition ที่ไม่ตามกระแสใครด้วยการทำหน้าจอแหว่ง หรือเจาะรูบนหน้าจอเพื่อวางกล้องหน้า แต่ใช้การแปะหน้าจอที่ 2 เข้าไปที่หลังเครื่องเพื่อใช้กล้องหลังถ่ายเซลฟี่ซะเลย และมันก็ไม่ได้มีดีแค่เป็นมือถือ 2 จอเท่านั้นนะ แต่ยังอัดสเปคและฟีเจอร์เด็ดๆ เข้ามาอีกเพียบเลยล่ะ
สำหรับ vivo รุ่นนี้ จริงๆ แล้วมันน่าจะเป็นภาคต่อจากรุ่น vivo NEX มือถือกล้องป๊อปอัพที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่า vivo จะอยากให้มันเป็นแค่เวอร์ชั่นปรับปรุงมากกว่า เพราะไม่ได้ใช้ชื่อรุ่นว่า vivo NEX 2 อย่างที่ลือกันแรกๆ แต่กลับใช้คำว่า Dual Display Edition แทน นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดสเปคอีกหลายๆ อย่างเลยล่ะ (แถมยังเปลี่ยนดีไซน์ซะไม่เหลือเค้าเดิม จนน่าเป็นรุ่นใหม่ไปเลยด้วยซ้ำ)
สเปค vivo NEX Dual Display Edition
- หน้าจอหลัก Super AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด FHD+
- หน้าจอที่ 2 Super AMOLED ขนาด 5.49 นิ้ว ความละเอียด FHD
- CPU : Snapdragon 845
- GPU : Adreno 630
- RAM : 10GB
- ความจุ : 128GB
- กล้องหลัง : 12MP (IMX363, f/1.79, OIS) + 2MP (f/1.8) + เซ็นเซอร์ 3 มิติ TOF (f/1.3)
- การเชื่อมต่อ : Dual-SIM; LTE-A, 3-Band carrier aggregation, Cat.16 (1024Mbps/150Mbps), USB Type-C, Wi-Fi a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0
- การปลดล็อคเครื่อง : สแกนนิ้วมือใต้จอ (จอหน้า), สแกนหน้าแบบ 3 มิติ (จอหลัง)
- มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- แบตเตอรี่ : 3500 mAh รองรับระบบชาร์จไว 22.5W (10V / 2.25A)
- ระบบ Android 9.0 Pie ครอบด้วย FunTouch OS 4.5
สำหรับหน้าจอด้านหลังของ vivo NEX Dual Display Edition นอกจากจะใช้เป็นจอสำหรับใช้ถ่ายภาพเซลฟี่แล้ว มันก็ยังสามารถใช้งานเป็นหน้าจอหลักได้ถ้าต้องการ เพราะมันก็เป็นหน้าจอสัมผัสตามปกตินี่แหละ หรือประโยชน์อีกอย่างก็คือสามารถใช้เป็น Touch Pad สำหรับเกมที่รองรับก็ยังได้ (แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มีเกมอะไรที่รองรับบ้าง)
ส่วนกล้องหลัง 3 ตัว ก็จะมีกล้องหลักความละเอียด 12MP, กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2MP ที่ดูจะน้อยไปหน่อย แต่มันเป็นแค่กล้องสำหรับวัดความลึกเท่านั้น และกล้องตัวสุดท้ายจะเป็นกล้อง 3 มิติ แบบ TOF ที่ตอนนี้มือถือหลายๆ รุ่นเริ่มเอามาใช้กันแล้ว เพราะมันสามารถตรวจจับความลึกได้ดีกว่าเซ็นเซอร์กล้องปกติ แถมยังสามารถใช้สแกนวัตถุ หรือใบหน้า ให้ออกมาเป็นโมเดล 3D ได้ด้วย
vivo NEX Dual Display Edition จะเริ่มวางขายที่ประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2561 เป็นต้นไปในราคา 4,998 หยวน หรือประมาณ 23,800 บาท ส่วนประเทศอื่นๆ ก็จะเริ่มเปิดให้จองหลังจากนี้อีกไม่นาน และสำหรับประเทศไทย ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมแล้วเราจะมาอัพเดทให้ครับ
ที่มา : GSMarena
เทียบกับสเป็คและฟีเจอร์ ราคาไม่ได้แพงเลย แต่น่าจะรอSD855 แล้วเพิ่มความจุแบตซัก 4000 แล้วขายไทย 24990
มาอีกแล้วพวกประเภท ขาดนั้น น่าเพิ่มนี้แต่อยากได้ถุกๆ
จะติแบบนี้ผมแนะนำไปติแบรนด์พี่ก่อน ตัวนี้ก็ยังดูมีอะไรๆและแรงกว่านะ
ตัวนี้ถ้าเข้าไทยก็คงขายราคานี้แหละผมว่า ^___^
ประเทศไทยไม่มาตามสุตรสำเร็จ เพราะผุ้บริหาร vivo ไทยกินหญ้าไม่ได้กินข้าว 55
เขาจะไม่เอาเข้ามา เพราะมันไม่มีความจำเป็นต้องใช้กล้องหลัง…ไม่เกี่ยวกับกินนั่นนี่
เขารู้ตัวเลขของเขาว่าตัวไหน ราคาเท่าไรของเขาที่ทำยอดขายได้
2หมื่น+ ฐานลูกค้าซื้อราคาระดับนี้มีไม่กี่ยี่ห้อคับ
กินมังรึ
พิมผิด ไม่ใช่กล้องหลัง-แต่ จอหลังนะคับ รีบไปหน่อย
คิดผิดคิดใหม่ครับ ฐานระดับสองหมื่นต้นๆเยอะมาก เพราะเมือ่ก่อน ไอโฟน ซัมซุงรุ่นเรืองธงมัน เคยมีราคา สองหมื่นต้น ๆแต่ตอนนี้มันหนีกระแดะแพงตามแอปเปิลไปแล้ว เป็นเครื่องสามหมื่นสี่หมื่น ใครเจาะตลาดราคานี้ได้ ถือว่าดีมาก คิดใหม่อีกที บางคนเขาตามราคาไอโฟน ซัมซุงรุ่นสุงไม่ไหวแล้วราคามันหนักเข้าทุกวัน กลุ่มราคานี้ยังมีเยอะ
คุณน่ะคิดใหม่ ไปหามาได้เลย 2หมื่น+ยี่ห้อไหนขายได้บ้าง อ่อ ดู x20 เป็นตัวอย่างด้วยนะที่ขายในไทย…เขารู้รุ่นและตัวราคาของเขาว่า เขาขายตัวราคาไหนได้คับ ไม่ได้นั่งเทียนมโนฝันว่าจะขาย ตัวเลขยอดขายมันบอก…จอหลังไม่มีประโยชน์ที่ต้องใช้ ไอโฟนน่ะมันบ้าตั้งราคาขนาดนั้นทั้งๆที่กล้องอ่ะดีจริง แต่อย่างอื่นน่ะหรอ 6s ยังแรงอยู่เลย ดูยอดขายตอนนี้สิ
ตกทีนี่มีร้องแน่ๆ
ถึงสุดท้ายแล้วยอดขายมันจะเวิร์คหรือไม่เวิร์คก็เหอะ ยังไงก็ดูมีความพยายามสร้างนวัตกรรมมากกว่าค่ายผลไม้เยอะ
เจ้านั้นสนใจอัพแต่ราคาอย่างเดียว เอาแต่ลูกเล่นเก่าๆมาแปลงนิดแปลงหน่อย บางอันแค่เปลี่ยนชื่อให้มันดูเท่แค่นั้น
สาวกก็ยังหน้ามืดซื้อกันต่อไป ถถถ
พวกซื้อมาอวดมโนว่า มันอวดได้ หรือซื้อตามคนอื่นคิดเองไม่เป็น