ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวลือออกมามากมายเกี่ยวกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่าง Tesla ว่าจะเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย หลังจากที่รุกตลาดสิงคโปร์และทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายจดติดอันอับ Top 5 ของประเทศโดยใช้เวลาไม่นานนัก ไหนจะมีข่าวการเปิดโรงงานผลิตรถยนต์และแบตเตอรี่ไฟฟ้าในประเทศอินโดนีเซียอีก แถมล่าสุดยังมีการเปิดเผยเอกสารการจดทะเบียนบริษัท Tesla ในประเทศไทยในชื่อ เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด อีก ทำเอาแฟน ๆ ชาวไทยที่รอคอยกันมาอย่างเนิ่นนานดูมีความหวังขึ้นมากันเลยทีเดียว
Tesla จะเข้ามาทำอะไรในประเทศไทย
Tesla จดทะเบียนบริษัทเพื่อ “ประกอบกิจการขายรถยนต์ไฟฟ้า” คือแค่นำเข้ารถยนต์มาขายเท่านั้น ไม่ได้เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทยแต่อย่างใด แต่ก็มีข้อดีอย่างอื่นเช่น อาจจะมาเปิดศูนย์ซ่อมบำรุง หรือว่าติดตั้งสถานี Tesla Supercharger ในไทย ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ของ Tesla ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
สถานการณ์ของ Tesla ในโซน SEA
ต้องบอกว่าไทยไม่ใช่ประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ Tesla สนใจเข้ามาลงทุน เพราะก่อนหน้านี้ Tesla ลุยตลาดสิงคโปร์มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งก็ทำยอดขายแบบถล่มทลายได้ถึง 10% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในเดือนธันวาคมปี 2021 กันเลย ที่เป็นอย่างนั้นได้ก็เพราะรัฐบาลสิงคโปร์มีนโยบายช่วยลดกำแพงภาษีให้เยอะมาก ๆ แถมยังอนุญาตให้ Tesla มาเปิด Official ในประเทศอีก แต่ไม่ใช่แค่สิงคโปร์เท่านั้นที่ Tesla เข้ามาลงทุน เพราะล่าสุดอินโดนีเซียก็เป็นอีกประเทศที่ Tesla เลือกใช้เป็นโรงงานการผลิตแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้า เหตุผลก็เพราะอินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตนิกเกิลรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งเป็นโลหะที่สำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน อย่างไรก็ตามข้อตกลงนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้นเนื่องจากยังไม่มีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2022 นี้ จากข่าวนี้ก็ทำให้แทบจะยืนยันได้เลยว่า Tesla จะไม่ตั้งโรงงานที่ผลิตที่ไทย เพราะจะเป็นการลงทุนที่ซ้ำซ้อนและไม่คุ้มค่านั่นเอง
อะไรจะเกิดขึ้นถ้า Tesla ลุยตลาดประเทศไทย
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยถือว่าได้รับความสนใจมากขึ้น ทั้งในเรื่องยอดขายรถยนต์ การติดตั้งสถานีชาร์จเพิ่ม หรือว่านโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลเอง แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในต่างประเทศซึ่งใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมาซักพักใหญ่ ๆ แล้ว infrastructure หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกพื้นฐานสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรายังเทียบกับต่างประเทศไม่ได้ เห็นได้ชัดจากสถานีชาร์จตามต่างจังหวัดที่อาจจะมีจำนวนไม่มากพอ(ถึงจะกำลังทยอยติดตั้งเพิ่มมากขึ้นก็ตาม)หรือที่มีก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำให้การตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของคนไทยดูจะยากขึ้นไปอีก ซึ่งถ้าหาก Tesla เข้ามาทำการตลาดในไทยอย่างจริงจัง ในภาพรวมอาจจะไม่ได้ทำให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น แต่ก็มีส่วนทำให้แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรามีการแข่งขันกันมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าประโยชน์ต้องตกมาอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ นี่แหละ
รถจะมีราคาถูกลงหรือเปล่า
ในปัจจุบันรถ Tesla ที่ขายอยู่ในประเทศไทยเป็นรถนำเข้าจากตัวแทนจำหน่ายอิสระ ทำให้รถมีราคาค่อนข้างสูงจากภาษีนำเข้า แต่ถ้า Tesla เข้ามาทำการตลาดในไทยก็เป็นไปได้มากว่ารถที่จำหน่ายอาาจะนำเข้ามาจากประเทศจีน เพราะ Tesla มีโรงงานผลิตขนาดใหญ่อย่าง Tesla Giga Shanghai อยู่ ซึ่งจะทำให้ราคาถูกลงมาเนื่องจากข้อตกลงทางการค้าทำให้ไม่เสียภาษีนำเข้า
จดบริษัทแล้วจะเริ่มทำการตลาดเมื่อไร
คำถามนี้อาจจะไม่มีคำตอบที่แน่ชัด เพราะการจดทะเบียนบริษัทก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะเข้ามาทำการตลาดได้เร็ว ๆ นี้ เพราะถ้าอ้างอิงจากประเทศสิงคโปร์ที่ Tesla จดทะเบียนบริษัทไปตั้งแต่ปี 2010 แต่รัฐบาลสิงคโปร์เพิ่งจะอนุญาตให้มีการจำหน่ายเมื่อปี 2021 นี่เอง ก็ได้แต่หวังว่าคนไทยคงไม่ต้องรอกันนานขนาดนั้น
ควรซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อไร
จริง ๆ รถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราตอนนี้อาจจะเหมาะกับคนที่ใช้ชีวิตในเมืองเป็นหลัก เนื่องจากสถานีชาร์จยังไม่รองรับกับจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และถ้ามองสถานการณ์ในช่วงนี้ แบรนด์รถยนต์ทั้งญี่ปุ่นและจีนก็กำลังแข่งกันทำการตลาดในบ้านเรา ตัวเลือกในการใช้งานก็เพิ่มมากขึ้น ไหนจะราคาที่ถูกลงมาจากนโยบายสนับสนุนจากรัฐ แต่ถ้าเทียบกับต่างประเทศก็ดูเหมือนว่าจะยังเสียเปรียบอยู่หลาย ๆ ด้าน คำตอบของคำถามนี้ต้องมองจากการใช้งานเป็นหลักว่าเราใช้ชีวิตแบบไหน มีเวลาพอที่จะชาร์จแบตก่อนใช้งานหรือเปล่า แต่ถ้าอยากจะรอให้ทุกอย่างลงล็อคกว่านี้ สถานีชาร์จมากกว่านี้ ราคาถูกลงกว่านี้ อาจจะต้องรอกันอีกอย่างน้อย 2 ปีครับ
ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีเงินเหลือใช้ฟุ่มเฟือยแบบเศรษฐีก็คงจะซื้อเมื่อข้อด้อยของรถยนต์ไฟฟ้าในแง่ราคา ระยะทางต่อการชาร์จ และระยะเวลาชาร์จ มีความใกล้เคียงกับรถน้ำมันมากที่สุดแหละครับ