สัปดาห์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวของการประมูลคลื่น 4G กันพอสมควร ด้วยทาง กสทช. ได้เปิดให้รับซองการประมูลคลื่นทั้ง 900 / 1800MHz ที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้าไปเรียบร้อย และแต่ละค่ายต่างก็ตบเท้าเข้ารับซองไปพิจารณากัน ค่ายที่ถูกจับตามองกันมากที่สุด ก็ไม่พ้นดีแทคที่ต้องการคลื่นเข้าไปเติมพอร์ทกว่าใครเพื่อนเพราะสัมปทานคลื่น 850 และ 1800MHz กำลังจะหมดลง แต่ท่าทีของดีแทคกลับไม่คึกคักเช่นเน้นเพราะส่งสัญญาณอาจจะไม่เข้าร่วมอีกรอบ
เตรียมเข้าร่วมประมูล 900MHz แต่ลังเลใจเมื่อเจอเงื่อนไข
หลังจากความล้มเหลวของการประมูลคลื่น 1800MHz ที่ไม่มีใครเข้าร่วมเมื่อครั้งที่ผ่านมาทาง ดีแทคมีการบอกมาตลอดว่าคลื่นที่พวกเค้าต้องการเป็นคลื่นความถี่ย่านต่ำ ซึ่งตอนแรกทาง กสทช. ตัดสินใจไม่นำออกมาประมูลเนื่องจากมีผลการศึกษาจากทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า ถ้าเอาคลื่น 850MHz เดิมของดีแทคนี้มาซอยย่อยแบ่งเป็น 5MHz x2 ใบ โดยใบนึงจะนำไปใช้ทำรถไฟฟ้าความเร็วสูง เหลือเพียง 5 MHz มาประมูลนั้น มีความเสี่ยงว่าจะเกิดคลื่นรบกวนและมีปัญหาในการให้บริการกับทุกฝ่ายได้ แต่ทาง กสทช. ก็เปลี่ยนใจเพราะเห็นว่าทางดีแทคมีความต้องการย่านความถี่ต่ำ ซึ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมามีการยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมจากทางดีแทคเพื่อใช้งานคลื่น 850MHz ต่อไปอีกหน่อยระหว่างรอเสา 900MHz วางเสร็จ ทางกสทช.ก็ดูจะตอบรับแล้ว แต่หลังจากรับซองชี้แจง (16 ก.ค.) เรื่องเงื่อนไขการประมูลแล้วจึงทำให้ทางดีแทคเกิดความลังเลใจขึ้นมา
ดีแทคชี้เงื่อนไขการประมูลคลื่น 900MHz มีความเสี่ยงสูงต่อผู้ชนะ
โดยวันอังคาร (17 ก.ค.) ที่ผ่านมา ทางดีแทคได้มีเปิดโต๊ะแถลงถึงกฎการประมูลที่พวกเค้าเป็นห่วงเพราะมีการระบุเอาไว้ว่าผู้ที่ชนะการประมูลนั้นจะต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบในการใส่ฟิลเตอร์กรองสัญญาณให้กับทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากการให้บริการบนคลื่นนี้ ซึ่งแม้ว่าจะทางผู้ชนะจะสามารถนำเอาค่าใช้จ่ายในการติดตั้งฟิลเตอร์นี้ไปหักลบออกจากเงินค่าประมูลได้ แต่งบที่ทาง กสทช.ให้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาทนั้นทางดีแทคมองว่าไม่เพียงพอ และอาจจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้นได้เป็นเท่าตัว ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงความเสี่ยงจากการบริหารจัดการที่หากว่าทางดีแทคชนะการประมูลต้องติดต่อประสานงานกับเจ้าของเสารายอื่นๆ เพื่อขึ้นไปติดตั้งในสถานีฐานต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม อาจจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องโครงสร้างของเสาว่ารองรับได้หรือไม่ เจ้าของที่ยินยอมหรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือเปล่า และยิบย่อยที่อาจตามมาได้นั่นเอง และข้อที่ทางดีแทคกังวลมากที่สุดคือทางกสทช. สงวนสิทธิ์ที่จะโยกคลื่นความถี่ได้ตามดุลยพินิจ ซึ่งหมายความว่าถ้าดีแทคลงทุนไปแล้วหลายร้อยล้านบาทในอุปกรณ์คลื่นความถี่เดิม ดีแทคอาจต้องทิ้งเงินร้อยล้านนั้นเพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมดตามความเห็นชอบของทาง กสทช. เพราะอุปกรณ์คลื่นความถี่นี้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนคลื่นได้ตามใจชอบนั่นเอง
สรุปความเป็นห่วงต่อเงื่อนไขการประมูลดีแทคในครั้งนี้
- เงื่อนไขการประมูลคลื่น 900 MHz กำหนดให้ผู้ชนะต้องรับผิดชอบติดตั้งระบบป้องกันคลื่นสัญญาณรบกวนทั้งหมด
- ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบป้องกันที่ดีแทคประเมินเอาไว้สูงกว่า 2,000 ล้านบาท สูงกว่าที่กสทช.ให้นำเอาไปหักจากค่าประมูลได้
- กสทช. ยังสงวนสิทธิ์ปรับเปลี่ยนช่วงคลื่นความถี่ได้กรณีจำเป็น เกิดความเสี่ยงต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด
- ดีแทคยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนของระบบป้องกันคลื่นสัญญาณรบกวน ว่าจะต้องติดตั้งให้ใครทั้งหมดกี่เสาบ้าง
- ความล่าช้าของการเข้าพื้นที่เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ ซึ่งถ้าดีแทคทำไม่ได้ตามกำหนดก็มีสิทธิ์ถูกลงโทษได้
- อุปกรณ์ป้องกันคลื่นมีน้ำหนักมากพอสมควร อาจต้องมีค่าใช้จ่ายในการเสริมโครงสร้างเสาเดิม
- ข้อพิพาทจากหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการติดตั้งอุปกรณ์ในกรณีไปติดตั้งให้ที่เสาผู้บริการรายอื่น
- ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดของรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้น 4 โครงการ ซึ่งทำให้ดีแทคไม่ทราบอีกเช่นกันว่าจะต้องลงอุปกรณ์ป้องกันคลื่นรบกวนให้ทั้งหมดกี่เสา
มองมุมต่างเงื่อนไขการประมูลครั้งนี้โอเคแล้ว
อย่างไรก็ดีก็มีการมองมุมต่างในเรื่องกฎเกณฑ์ส่วนนี้กันอยู่บ้าง มีข้อโต้แย้งในเรื่องต่างๆที่ทางดีแทคไม่โอเคเอาไว้ดังนี้
ผู้ชนะต้องรับผิดชอบในการติดตั้งแต่เพียงผู้เดียว
ทางดีแทคมองว่าค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันสัญญาณนี้ควรจะต้องเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายรับผิดชอบร่วมกัน AIS – TrueMove H ก็ควรต้องมีภาระในการติดตั้งอุปกรณ์บนเสาตัวเองด้วย ไม่ใช่เป็นผู้ชนะแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งตรงนี้ก็มีความเห็นว่าตอนแรกทาง กสทช. ไม่ได้กะจะเอาคลื่นออกมาประมูลก็เพราะกลัวปัญหาคลื่นรบกวน แต่เมื่อมีคนแสดงความจำนงว่าต้องการใช้คลื่นช่วงนี้จึงเปิดให้ประมูลได้ แต่เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต จึงต้องเขียนกฎข้อนี้ขึ้นมา
2,000 ล้านบาท ไม่เพียงพอต่อการวางระบบป้องกันสัญญาณกวน
ตัวเลขที่มีการคาดการณ์ค่าใช้จ่ายเอาไว้ บางฝ่ายบอกว่าอาจจะสูงถึง 6,000 ล้านบาทได้ในกรณีที่แย่ที่สุด แต่บางฝ่ายก็บอกว่าตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่เพียงพอมากๆ หากมีการเลือกใช้อุปกรณ์ตามที่ทาง กสทช. คิดคำนวนเอาไว้แล้ว และเพื่อเป็นการป้องกันการตุกติกของใบเสร็จที่นำมาเคลมค่าใช้จ่ายด้วย มิฉะนั้นแล้วทางผู้ชนะก็มีสิทธิ์เคลมตัวเลขได้ตามใจชอบได้ นอกจากนี้หากว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูงไม่เกิดขึ้นก็อาจจะใช้เงินไม่ถึงเลยด้วยซ้ำไป
อีกประเด็นหนึ่งงดีแทคมองว่าเรื่องอุปกรณ์ป้องกันสัญญาณรบกวนนี้นอกจากแต่ละฝ่ายจะติดตั้งเองแล้ว ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแต่ละบริษัทก็น่าจะต้องทำเรื่องเบิกกับทาง กสทช. กันเองไม่ใช่ทางดีแทคเป็นคนรับผิดชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งข้อคัดค้านของบางฝ่ายคือเป็นการผลักภาระให้ทางกสทช.เป็นคนทำหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร และกำลังคนอาจจะไม่เพียงพอได้นั่นเอง
ปัญหาในการดำเนินการ จะทำได้อย่างล่าช้าและลำบาก
ดังที่บอกไปแล้วว่าในการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันนั้น ต้องมีการติดต่อประสานงานกับหลายฝ่าย และคาดว่าจะมีความวุ่นวายในการดำเนินการขอติดตั้งต่างๆ แต่ในทางกลับกันก็มองกันว่าถ้า กสทช. เป็นเจ้าภาพและมีคำสั่งแล้วนั้น ทุกฝ่ายก็ควรจะต้องให้ความร่วมมือในการติดต่อเป็นอย่างดี ไม่สามารถขัดขืนได้นั่นเอง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อโต้แย้งที่มีการถกเถียงกันอยู่ว่ากฎการประมูลนี้เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไรนะครับ สำหรับคนทั่วไปที่คอยสังเกตการณ์กันก็คงได้แต่คิดหาคำตอบในใจกันไปแต่สุดท้ายแล้วกฎเกณฑ์การประมูลในครั้งนี้ดูเหมือนจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ยาก เนื่องจากประกาศออกมาเป็นราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง การจะเพิ่มเติมอะไรเข้าไปอีกนั้นไม่น่าจะทำได้ คงมีแต่เพียงการประกาศจากทาง กสทช. เพิ่มเติมซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเพียงพอกับดีลหมื่นล้านระดับนี้ครับ
dtac ไม่เข้าประมูล กสทช.ไม่ยอมเยียวยา
ถ้าเงื่อนไขการประมูลยังเป็นเช่นนี้อยู่ ก็มีความเป็นไปได้ยากที่ทางดีแทคจะเข้าร่วมประมูลคลื่น 900MHz ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ เพราะทางบริษัทน่าจะประเมินว่าความเสี่ยงมีสูงเกินกว่าที่จะรับไหวนั่นเอง แต่ถ้าระหว่างนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็อาจจะเห็นเซอร์ไพรส์ได้ หรือไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็นดีแทคกลับลำไปจับคลื่น 1800MHz ก็เป็นได้ และด้วยความที่คลื่น 1800MHz มีการซอยคลื่นให้เหลือใบอนุญาตละ 5MHz แล้วนั้น ก็มีลุ้นว่าจะได้เห็น AIS กับ TrueMove H เข้าร่วมการประมูลด้วยอีกครั้ง เพื่อจะซื้อเข้าไปเติมพอร์ท 1800MHz ให้กลายเป็น 20MHz เพื่อให้บริการได้เต็มความสามารถที่สุดนั่นเอง
อย่างไรก็ดีหากว่าครั้งนี้ดีแทคเล่นแง่ไม่เข้าประมูลอีก ทางกสทช. เตรียมหาเรื่องไม่ให้ทางดีแทคเยียวยาใช้คลื่นต่อไปแน่นอน โดยใช้เหตุผลในเรื่องที่ก่อนหน้านี้ยอมเยียวยาให้ทั้งเอไอเอสและทรูเนื่องจากมีความจำเป็น ไม่สามารถจัดประมูลได้ทันหมดสัมปทาน ต่างจากกรณีดีแทคที่ไม่เข้าร่วมการประมูลเอง เล็งจะขอการเยียวยามากกว่าจะยอมจ่ายเงินก้อนเพื่อซื้อใบอนุญาต ซึ่งแน่นอนว่าถ้าทาง กสทช. ตัดสินใจแบบนั้นจริงเรื่องต้องจบที่ศาล แต่ว่าจะได้รับการคุ้มครองเหมือนเมื่อคราวเอไอเอสและทรูหรือไม่นั้น คงต้องรอติดตามต่อไปครับ
รอลุ้นไปละกันครับ ถามว่าห่วงดีแทคไหม ก็ห่วงนะ เพราะมีขั้วอำนาจ 3 ขั้วมันสมดุลกว่า
แต่งวดนี้ ถ้าไม่เข้าประมูล คงไม่เป็นจำเลยสังคมเท่าตอน 1800 หรืองวด 900/1800 ที่มีอีกค่ายมาป่วนประมูลแน่ เพราะดูแล้วเสียมากกว่าได้
ย้ายสิครับ รออะไร คลื่นก็ไม่ครอบคลุม แถมราคาโปรเดี๋ยวนี้ก็พอๆ กัน
แนะนำให้ย้ายไป AIS กันเยอะๆ ครับ เพราะผมใช้ True อยู่ จะได้ไม่ต้องมาแย่งแบรนวิธผม อิอิ
คลื่นผมแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ถึงยังไงก็ต้องควรให้ dtac อยู่ เพื่อป้องกันการผูกขาดทางการค้า ถึงคลื่นมีไม่พอก็เถอะ ถึง dtac ไม่อยู่ ก็ต้องหาอีกเจ้ามาแข่งขันให้ได้ เพราะประเทศเราไม่รู้ว่ามีกฏหมายการผูกขาดหรือไม่ หรือถ้ามีก็คงทำอะไรไม่ได้ (จากที่เห็นๆกันอยู่ในปัจจุบัน) ถ้าไม่อย่างงั้นผลก็จะมาตกกับพวกเราตาดำๆนี่แหละ ขึ้นค่าบริการเป็นว่าเล่นแน่นอนเลย เราก็ต้องรับกรรม จ่ายเงิน และทนใช้ไปแน่ๆ
หน้าสนใจเอกชน ดับเครื่องชนกับรัฐ
ประเทศไทยอยู่ยาก ขายเหอะ ไปประเทศอื่นดีกว่า
กสทช ใช้ประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อไถเงินดีแทค ไอ้พวกเช้าชามเย็นชามมันชั่วขึ้นทุกวันแล้วนะ
ตลกตรงที่ ต้องให้ผู้ชนะเป็นคนป้องกันคลื่นที่ตัวเองซื้อมาไปรบกวนคนอื่นซะงั้น
แล้วบอกว่าเอาเงินไปเคลมได้ ถ้างั้นทำไม กสทช ไม่เป็นคนทำเองหรือให้คนที่โดนผลกระทบทำเองซะเลยละ แล้วก็เอางบที่กำหนด 2000 ล้านนั่นละไปกำหนดคนเหล่านั้นว่าใช้ spec ที่ กสทช บอกว่าคำนวนมาดีแล้ว
นั่นสิครับ
dtac ให้หมอช้างผูกให้สีฟ้าถูกโฉลกกับ กสทช. มากกว่าสีแดง