เชื่อว่าหลายคนที่ใช้ Windows คงเคยเจอปัญหาชวนปวดหัว ทั้งคอมพิวเตอร์เปิดไม่ติด ระบบล่มหลังติดตั้งโปรแกรม หรืออัปเดตไดร์เวอร์แล้วเครื่องทำงานไม่เสถียร ปัญหาเหล่านี้บางครั้งก็แก้ยากถึงขั้นต้องลง Windows ใหม่ วันนี้เรามีวิธีการที่ง่าย สะดวกกว่า และรวดเร็วกว่า นั่นคือการใช้ฟีเจอร์ System Restore Point ที่เป็นเหมือนการ “เซฟเกม” ช่วยให้เราย้อนเวลากลับไปยังสถานะที่คอมพิวเตอร์ทำงานปกติ ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลา แต่ยังช่วยชีวิตเราในยามคับขันได้อีกด้วย
System Restore Point คืออะไร
System Restore Point หรือ จุดคืนค่าระบบ เป็นฟีเจอร์ใน Windows ที่ช่วยให้เราสามารถ ย้อนกลับการตั้งค่าและสถานะของระบบ ไปยังช่วงเวลาก่อนหน้า เช่น ก่อนการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ทำให้เกิดปัญหา หรือก่อนที่ระบบจะล่ม ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาได้โดยไม่ต้องลง Windows ใหม่
ตามปกติแล้ว System Restore Point จะถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ หากเครื่องของเรามีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่สำคัญ ๆ เช่น เมื่อมีการติดตั้งโปรแกรมสำคัญ อัปเดตระบบ หรือเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าบางอย่าง และยังสามารถ Restore Point เพื่อเพิ่มความมั่นใจในช่วงที่ระบบทำงานได้ดี
แต่บางครั้งระบบก็อาจไม่สร้าง Restore Point ให้โดยอัตโนมัติ ทำให้เมื่อถึงเวลาที่ต้องการใช้ฟีเจอร์นี้ เราต้องการใช้ฟีเจอร์นี้จะไม่เจอจุด Restore Point ในระบบเลยก็ได้ ดังนั้นการ Restore Point ด้วยตัวเอง จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาในอนาคต โดยฟีเจอร์นี้สามารถทำได้ทั้งบน Windows 10 และ Windows 11
วิธีการสร้าง System Restore Point
Windows ให้ผู้ใช้สามารถสร้างจุด Restore Point ได้ง่าย ๆ ผ่านขั้นตอนต่อไปนี้
1.เมนู Start ที่ช่องค้นหาพิมพ์ Settings
2.ที่ด้านซ้ายมองหาคำว่า System เลื่อนลงมาล่างสุดหาคำว่า About
3.มองหาคำว่า Advance system settings
4.ไปที่แท็บ System Protection จะเห็นว่าค่าเดิม ๆ ของไดรฟ์ C: นั้นจะเป็น Off อยู่
5.ให้กดที่ Configure
6.ที่เมนู Restore Settings ให้เลือเป็น Turn On System Protection
7.ที่เมนู Disk Space Usage > Max Usage ให้ปรับขนาดพื้นที่ให้ระบบกันไว้สำรองข้อมูลตามที่เราต้องการได้เลย แนะนำที่ 2% หรือประมาณ 20 GB
8.พอสร้างเสร็จก็กด OK ปิดไปได้เลย
9.จากนั้นให้เรากดปุ่ม Create เพื่อสร้างจุด Restore Point แนะนำนว่าควรทำตอนเครื่องทำงานปกติสมบูรณ์ที่สุดนะ
10.ตั้งชื่อให้เรียบร้อย แนะนำให้ตั้งเป็นวันที่
วิธีตรวจสอบว่าเราสร้าง Restore Point แล้วจริง ๆ
1.ที่แท็บ System Protection ในตอนแรกที่เราเข้ามาให้กดเมนู System Restore
2.จากนั้นกด Next จะเจอกับเมนูคล้าย ๆ ตาราง Excel
3.จะเห็นว่ามี Restore Point อันอื่นที่เราไม่ได้สร้างของระบบอยู่ด้วย
4.มองหาชื่อ Restore Point ที่เราสร้าง
5.ถ้าเจอก็เป็นอันเรียบร้อย
วิธีใช้ System Restore
หากระบบเกิดปัญหาขึ้นมา เราสามารถใช้ Restore Point เพื่อย้อนกลับไปยังสถานะก่อนหน้าได้ตามนี้
1.เมนู Start ที่ช่องค้นหาพิมพ์ Settings
2.ที่ด้านซ้ายมองหาคำว่า System เลื่อนลงมาล่างสุดหาคำว่า About
3.มองหาคำว่า Advance system settings
4.ไปที่แท็บ System Protection > เมนู System Restore
5.จากนั้นกด Next
6.เลือก Restore Point ที่ต้องการ
7.ถ้าหาไม่เจอให้ติ๊กถูกที่ Show more restore points หรือกดปุ่ม Scan for affected programs
8.กดปุ่ม Finish และ Restart เครื่อง
เพียงเท่านี้ คอมพิวเตอร์ของเราก็จะย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาก่อนที่โปรแกรมหรือการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดปัญหาได้ วิธีตรวจสอบว่าการทำ System Restore สำเร็จหรือไม่ ให้เช็กเลขเวอร์ชันของไดร์เวอร์หรือโปรแกรมใน Control Panel > Programs and Features หรือ Device Manager หากหมายเลขเวอร์ชันย้อนกลับไปเป็นก่อนหน้าที่ปัญหาเกิดขึ้น แสดงว่าการทำ System Restore เสร็จสมบูรณ์ จากนั้นทดลองใช้งานเครื่องอีกครั้ง และสังเกตว่าระบบกลับมาทำงานเสถียรเหมือนเดิมหรือไม่
วิธีใช้ System Restore กู้ Windows พัง
หากระบบเกิดปัญหาในขณะเปิดเครื่องและไม่สามารถเข้า Windows ได้ตามปกติ แต่กลับแสดงหน้าจอสีฟ้าพร้อมข้อความ Choose an option นั่นหมายความว่าเรางานเข้าแล้วนั่นเอง เนื่องจาก Windows ไม่สามารถบูตเข้าสู่หน้าจอ Desktop ได้ เลยแสดงหน้าจอ Advanced Startup ขึ้นมาแทน แต่ไม่ต้องตกใจ เราอาจกู้ระบบ Windows กลับมาได้โดยไม่ต้องลงโปรแกรมใหม่ เพียงใช้ Restore Point ที่เคยสร้างไว้ใน System Restore โดยมาวิธีทำตามนี้เลย
1.กดที่เมนู Troubleshoots > Advanced Options > System Restore
2.เมื่อกดเข้าไปจะเจอกับหน้าต่าง System Restore แบบเดียวกับที่อยู่ใน Windows ปกติ
3.จากนั้นกด Next
4.เลือก Restore Point ที่ต้องการ
5.ถ้าหาไม่เจอให้ติ๊กถูกที่ Show more restore points หรือกดปุ่ม Scan for affected programs
6.กดปุ่ม Finish และ Restart เครื่อง
หากทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เครื่องจะบูทเข้าสู่ Windows ได้ตามปกติ และระบบจะถูกย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เครื่องยังทำงานได้อย่างเสถียร
ข้อสังเกตการใช้ System Restore
แม้ว่าฟีเจอร์ System Restore จะช่วยให้เราย้อนเวลา Windows กลับไปยังช่วงเวลาก่อนหน้าได้ แต่ฟีเจอร์นี้จะทำงานเฉพาะกับ โปรแกรม ไดร์เวอร์ และ Windows Update เท่านั้น ไม่สามารถใช้ในการกู้คืนไฟล์ที่ถูกลบไปแล้วได้ หากคุณเผลอลบไฟล์สำคัญไป System Restore จะไม่สามารถนำไฟล์เหล่านั้นกลับมาได้
วิธีป้องกันการสูญหายของไฟล์ที่ดีที่สุด คือการ สำรองข้อมูล ไว้ในที่อื่น ๆ เช่น External HDD หรือ ไดรฟ์อื่นในคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยป้องกันการสูญเสียข้อมูลสำคัญในกรณีที่เกิดปัญหากับระบบได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฟีเจอร์ System Restore จะดูเหมือนเป็นตัวช่วยสำคัญในยามที่เกิดปัญหา แต่ในบางครั้งฟีเจอร์นี้อาจมีข้อบกพร่องหรือบั๊กที่ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาให้เราได้ตามที่คาดหวัง ส่งผลให้สุดท้ายเรายังคงต้องลง Windows ใหม่อยู่ดี ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยง ควร สำรองข้อมูลสำคัญอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการสูญหายของข้อมูลในอนาคต
Comment