Windows 10 จะมีอายุครบ 10 ปีในปีหน้า และจะหมดระยะซัปพอร์ตในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน แต่ Microsoft ก็ออกโปรแกรม Windows 10 Extended Security Updates (ESU) มาเป็นทางเลือกให้ลูกค้า โดยจ่ายค่าบริการรายปี เพื่อแลกกับการขยายการอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยเพิ่มเติม ซึ่งราคา Windows 10 ESU ของฝั่งลูกค้าองค์กรถูกประกาศออกมาแล้ว คือ 61 ดอลลาร์ ต่อเครื่อง ต่อปี และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทบไปเรื่อย ๆ ในปีถัด ๆ ไป

ยกตัวอย่างเช่น Windows 10 ESU ปีแรก จะอยู่ที่ 61 ดอลลาร์ ส่วนปีถัด ๆ ปรับเป็น 122, 244, 488, 976, … ดอลลาร์ ตามลำดับ สื่อต่างประเทศยังให้ข้อมูลเสริมในส่วนนี้ด้วยว่า หากลูกค้าไม่ได้จ่ายเงินซื้อ Windows 10 ESU ในปีแรก แต่พอปีที่สองเกิดเปลี่ยนใจ หันมาซื้อบริการ ก็ต้องจ่ายเป็นราคาของปีที่สอง เพราะ Microsoft คิดราคาแบบทบไปเรื่อย ๆ โดยไม่อ้างอิงกับฝั่งลูกค้า

สาเหตุที่ Microsoft วางราคา Windows 10 ESU เอาไว้สูง (เมื่อพิจารณาจากราคาคูณสองไปทุกปี) ทาง Microsoft ให้เหตุผลว่า Windows 10 ESU ไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาระยะยาว แต่เป็นทางออกระยะสั้นให้ลูกค้าเตรียมเปลี่ยนผ่านไปใช้ Windows 11 หรือ Windows 365 ที่ทันสมัยกว่า นอกจากนี้ องค์กรที่ใช้บริการ Intune หรือ Windows Autopatch รวมถึงโซลูชันบนคลาวด์อื่น ๆ ของ Microsoft อยู่แล้ว จะได้รับส่วนลด Windows 10 ESU ที่ 25% เหลือ 45 ดอลลาร์ในปีแรก สูงสุด 5 เครื่องต่อคน

ในขณะที่ภาคการศึกษา Windows 10 ESU จะมีราคาถูกเป็นพิเศษ โดยเริ่มที่ 1 ดอลลาร์ในปีแรก แต่ก็จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุก ๆ ปี เช่นเดียวกับฝั่งลูกค้าองค์กร

ที่มา : The Verge