ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Windows ที่ปัจจุบันคนส่วนมากนิยมใช้กันมากที่สุดคือ Windows 10 แต่ทาง Microsoft ก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะเลิกออกแพทช์อัปเดตให้ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 เป็นต้นไป และแจ้งให้ผู้ใช้อัปเกรดเป็น Windows 11 แทน ส่วนใครที่ต้องใช้ Windows 10 ต่อทาง Microsoft ก็มีทางเลือกให้อย่างโปรแกรม Extended Security Updates (ESU) มาให้ซื้อเพิ่ม ให้ได้รับการขยายการอัปเดตด้านความปลอดภัยต่อไป

แต่ราคาก็สูงเอาเรื่องอยู่ ยิ่งในปีหลัง ๆ ที่ค่าบริการจะคูณสองขึ้นในทุกปีแบบขั้นบันไดก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนอาจจะจ่ายไม่ไหว หรือรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าในการจ่าย วันนี้มีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจอย่างการอัปเดตผ่านผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยภายนอก Third Party อย่าง 0patch (อ่านว่า zero patch) ตัวนี้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินได้มากกว่า และยังได้รับการอัปเดตอุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจจะถูกค้นพบหลัง Windows 10 หมดอายุไปแล้ว

ปัจจุบัน 0patch นั้นให้บริการอัปเดต micropatches ด้านความปลอยภัยสำหรับ Windows 7 อยู่ และกำลังมีแผนที่จะเปิดบริการอัปเดตใน Windows 10 22H2 เพิ่มด้วย ส่วนจะอัปเดตให้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด แต่จะเริ่มต้นให้ก่อนช่วง 5 ปีแรก

นอกจากอัปเดตให้ Windows แล้ว 0patch ยังมีบริการอุดช่องโหว่ และแก้บั๊กให้โปรแกรมอื่นด้วย เช่น Java runtime, Adobe Reader, 7-Zip, WinRAR และโปรแกรมอื่น ๆ ที่เจ้าของโปรแกรมไม่แพทช์อุดช่องโหว่ด้วย

ส่วนค่าบริการของ 0patch มีให้เลือกสองแบบคือ Pro จะอยู่ที่ 24.95 ยูโร หรือประมาณ 990 บาทต่อเครื่อง ต่อปี และแบบคือ Enterprise ราคา 34.95 ยูโร หรือประมาณ 1400 บาท ต่อเครื่อง ต่อปี เมื่อเทียบกับ ESU ของ Microsoft ที่ปีแรกราคาอยู่ที่ 61 เหรียญ หรือประมาณ 2,200 บาท ปีที่สองเพิ่มเป็น 2 เท่า 122 เหรียญ หรือประมาณ 4,500 บาท และปีที่สามก็เพิ่มเป็น $244 หรือประมาณ 9,000 บาท แล้วมีราคาถูกกว่ากันมาก

ทั้งนี้สัดส่วนผู้ใช้ Windows 10 ในปัจจุบันอ้างอิงจาก Statcounter ทั่วทั้งโลกมีราว 66% ซึ่งต่างกับ Windows 11 รุ่นใหม่ที่มีสัดส่วนเพียงแค่ 29.75% เท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้ Windows 10 ไม่อัปเกรดไป Windows 11 หลัก ๆ แล้วมาจากความต้องการฮาร์ดแวร์ที่สูงขึ้นกว่าเดิม ความเสถียรในการใช้งานบางอย่าง และฟีเจอร์ลูกเล่นบางอย่างที่ยังไม่เข้าตา เลยเลือกที่จะอยู่กับ Windows 10 ต่อไป

ที่มา : techspot statcounter 0patch