หลังจากที่ Microsoft ได้ประกาศเปิดตัว Windows 11 ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ล่าสุดเมื่อวันก่อนก็ได้ปล่อยตัว Preview มาให้ดาวน์โหลดทดลองใช้งานอัปเดตกันแบบฟรี ๆ แล้วผ่านตัว Windows Insider Program ทำให้ใครหลายคนที่ใช้ Windows 10 อยู่ อยากจะลองไปอัปเดตใช้งานบ้าง ซึ่งวิธีการเปิด Insider Program เป็นโหมด Dev เพื่ออัปเดตวินโดว์ 11 จะเป็นอย่างไรบ้างมาดูกันครับ

วิธีเปิด Windows Insider Program ลง Windows 11

ในรูปคือเครื่องที่ใช้ทดสอบผ่านเกณฑ์ลง WIndows 11

  • เช็คก่อนว่าเครื่องรองรับการติดตั้ง Windows 11 หรือไม่โดยการดาวน์โหลดโปรแกรม WindowsPCHealthCheckSetup : ที่นี่ (**ลิ้งก์เดิม Microsoft ลบออกไปแล้ว ทีมงานเลยอัปให้ใหม่ผ่าน Google Drive)
  • ทำการ Back up ข้อมูลสำคัญก่อนทำการติดตั้งกันข้อมูลบางส่วนหาย (แต่จากที่ทีมงานอัปแล้วไม่มีหายนะ)
  • กดปุ่ม Start เข้า Settings รูปเฟือง > ไปที่หน้าเมนู Update & SecurityWindows Insider Program > กด Get Started
  • กด Link ล็อคอิน ID Microsoft (จำเป็นต้องสมัคร สมัครฟรี) > เลือก Dev Channel แล้วกด Confirm หลังจากนั้นทำการ Restart เครื่อง

  • หลังจากเครื่อง Restart เสร็จ (ใช้เวลานานสักพัก) เข้าไปที่หน้า Setting อีกรอบแล้วกด Windows Update ซึ่งจะเห็นได้ว่ามี Windows 11 Insider Preview ให้ดาวน์โหลดอยู่

  • เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วจะก็มีหน้าให้ Restart เพื่อทำการ Install Windows 11 ซึ่งถ้าพร้อมแล้วก็กด Restart now ได้เลย

  • รอสักครู่ ตัวเครื่องก็จะทำการติดตั้ง Windows 11 ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที (ขึ้นอยู่กับสเปคเครื่อง)

  • หลังจากติดตั้งเสร็จแล้วก็พร้อมใช้งานได้ทันที เบื้องต้นคือโปรแกรม ไฟล์ข้อมูลต่างๆ และการจัดเรียงไอคอนหน้า Desktop ยังอยู่เหมือนเดิม ลองใช้งาน Chrome และ Photoshop ยังไม่เจอบั๊กอะไรใช้ได้ปกติครับ

วิธี Downgrade เปลี่ยนกลับมาใช้ Windows 10 ตามเดิม

  • เข้าไปดูหน้า Setting เลือกเมนู System แล้วเลือกแถบ Recovery

  • ในหน้าแถบ Previous version of Windows กดเลือก Go back แล้วทำขั้นตอนไปเรื่อย ๆ เป็นอันเสร็จครับ

เรียกได้ว่าใครที่อยากลองใช้งาน Windows 11 ก่อนที่เวอร์ชั่นสมบูรณ์มาตอนนี้ก็สามารถดาวน์โหลดมาลองอัปเกรดเล่นกันได้ ซึ่งสามารถลองอัปเกรดฟรีได้เลยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนตัวทีมงานลองเล่นมาได้สักพักยังไม่เจอบั๊กหนักอะไรมากมาย (เจอแต่บั๊กไม่แสดงไอคอน) กับคลิกขวาหน้า Desktop ปุ่ม Refresh หายไป ที่สำคัญคือทีมงานรู้สึกชอบ UX UI ใหม่มาก ดูใช้งานง่าย สะอาดตา เชื่อว่าถ้าลองใช้ไปสักพักก็น่าจะปรับตัวจาก Windows 10 ได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ