แม้โลกเทคโนโลยีจะพัฒนาไปไกล แต่ในหลายอุตสาหกรรมยังคงใช้งานระบบปฏิบัติการเก่าอย่าง Windows XP, Windows 2000 และแม้แต่ MS-DOS อยู่จนถึงปัจจุบัน ทั้งในโรงพยาบาล ตู้ ATM รถไฟ เครื่องพิมพ์เฉพาะทาง และหน่วยงานรัฐ

ลิฟต์โรงพยาบาลในนิวยอร์ก ใช้ XP
รายงานจาก BBC ระบุว่าที่นิวยอร์กมีลิฟต์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ยังคงใช้ Windows XP เพื่อควบคุมการทำงาน แม้ว่า Microsoft จะเลิกสนับสนุนระบบนี้ไปตั้งแต่ปี 2019 แล้วก็ตาม ในทำนองเดียวกัน ตู้ ATM หลายจุดในสหรัฐฯ ก็ยังคงใช้ Windows NT ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1993
สาเหตุหลัก ๆ ที่ไม่อัปเกรด มาจากความเสถียรของระบบเดิมและต้นทุนในการเปลี่ยนที่สูงมาก ทั้งในแง่ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการปรับกระบวนการทั้งหมดให้รองรับระบบใหม่
รถไฟเยอรมันยังต้องการคนใช้ MS-DOS
ไม่เพียงแค่ในอเมริกา ฝั่งเยอรมนีก็มีเรื่องชวนอึ้งไม่แพ้กัน เมื่อปีที่แล้วบริษัท Deutsche Bahn เปิดรับสมัครงานโดยระบุว่าผู้สมัครต้องมีทักษะใช้งาน Windows 3.11 และ MS-DOS เพื่อดูแลระบบแสดงผลบนรถไฟบางขบวนที่ยังไม่เคยถูกอัปเกรดมาตั้งแต่ยุค 90s
เหตุผลก็คล้ายกัน: ระบบเดิมยังทำงานได้ดี และการเปลี่ยนระบบใหม่อาจต้องรื้อถอนฮาร์ดแวร์ทั้งชุด ซึ่งมีต้นทุนสูงมาก

DOS ในรถไฟฟ้าและเครื่องพิมพ์ระดับพิพิธภัณฑ์
ในซานฟรานซิสโก ระบบควบคุมรถไฟ Muni Metro เคยต้องใช้แผ่นฟลอปปี้ เพื่อบูตระบบควบคุมที่ใช้ DOS ทุกเช้า ส่วนที่ซานดิเอโก เครื่องพิมพ์ LightJet ขนาดใหญ่ที่ผลิตภาพสำหรับพิพิธภัณฑ์ก็ยังคงพึ่งพา Windows 2000 เพราะถ้าจะเปลี่ยนต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ใหม่หลายหมื่นดอลลาร์
เจ้าของเครื่องพิมพ์ถึงกับบ่นว่า “ไม่ชอบ Windows เลย แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะระบบอื่นไม่สามารถรันเครื่องนี้ได้”
ระบบผู้ป่วยจากยุค DOS ยังใช้งานในหน่วยแพทย์ทหาร
กรณีสุดคลาสสิกอยู่ที่ กระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของสหรัฐฯ ซึ่งยังคงใช้ระบบเก็บข้อมูลคนไข้ชื่อว่า CPRS (Computerized Patient Record System) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1997 และทำงานบนแพลตฟอร์มเก่าชื่อว่า VistA ซึ่งใช้พื้นฐานเป็น MS-DOS
แพทย์ต้องใช้อินเทอร์เฟซแบบข้อความ (text-based interface) ที่ต้องพิมพ์คำสั่งทีละบรรทัด รวมถึง path ไฟล์เต็ม ๆ เพื่อเปิดเอกสาร มีจิตแพทย์รายหนึ่งเล่าว่าบางวันต้องรอบูตเครื่องนานถึง 15 นาที และถ้าพิมพ์คำสั่งพลาดแม้แต่นิดก็ต้องเริ่มใหม่
ระบบใหม่ถูกสัญญาว่าจะมาแทน แต่กว่าจะใช้งานได้เต็มรูปแบบก็ต้องรอถึง ปี 2031

อีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนถึงการใช้งานระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าในระบบสำคัญคือกรณีของ Southwest Airlines ที่รอดพ้นจากเหตุการณ์ความโกลาหลของระบบไอทีทั่วโลกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ซึ่งเกิดจากการอัปเดตซอฟต์แวร์ของ CrowdStrike ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ Windows หลายล้านเครื่องเกิดปัญหา Blue Screen แม้สายการบินใหญ่หลายแห่งจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก
แต่ Southwest Airlines กลับสามารถดำเนินการได้ตามปกติ เนื่องจากระบบของพวกเขายังคงใช้ Windows 3.1 และ Windows 95 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่เก่าและไม่ได้รับการอัปเดตจาก CrowdStrike เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าระบบเก่าที่เสถียรและไม่ซับซ้อนอาจไม่เจอกับปัญหาที่เกิดจากการอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ๆ มากกว่าระบบที่ทันสมัยแต่ซับซ้อน
แม้ Microsoft จะเร่งผลักดัน Windows 11 อย่างต่อเนื่อง แต่ Windows 10 ยังคงครองตลาดด้วยส่วนแบ่ง 53% ขณะที่ Windows XP แม้จะไม่มีการสนับสนุนมานานแล้ว ก็ยังมีผู้ใช้อยู่ราว 0.33% สะท้อนให้เห็นว่าแม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไม่หยุด แต่บางระบบเก่าก็ยังคงตอบโจทย์การใช้งาน
ที่มา : techspot
Comment