Xiaomi เปิดตัวหูฟัง Mi USB Type-C รุ่นแรกแล้วในประเทศจีน หลังจากที่เปิดตัวสมาร์ทโฟน Mi 6 โดยไร้รูหูฟังแบบ 3.5 มม. พร้อมทั้งออกมาให้เหตุผลว่าทำไมต้องตัดรูหูฟังแบบดั้งเดิมออกก็เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในตัวเครื่อง เพิ่มขนาดของแบตเตอรี่ได้ใหญ่ขึ้นนั้นเอง (อันนี้ก็คงนานาจิตตังกันล่ะครับ) แต่ยังไงเมื่อเสียอะไรไปอย่างหนึ่งย่อมต้องมีอะไรมาทดแทนเสมอ กับหูฟังแบบ USB Type-C รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบเสียง Hi-Res และตัดเสียงรบกวนรอบข้าง
สำหรับหูฟัง Mi Type-C มาพร้อมกับการออกแบบด้านหลังเปิดเล็กน้อยหรือจะพูดอีกแบบหนึ่งว่า Xiaomi พยายามออกแบบหูฟังรุ่นใหม่นี้ให้ดูมีความเป็นเอกลักษณ์ของบริษัท เพรียวบาง ทันสมัย ผลิตจากโลหะไทเทเนี่ยม ผสานกับสายแบบถัก
ในชุดหูฟังยังติดตั้งตัวไมโครโฟนไว้เพื่อตัดเสียงรบกวน และยังได้รับการออกแบบร่วมกับ Luca Bignardi นักดนตรีและวิศวกรทางด้านเสียงชาวสเปนที่เคยได้รับรางวัล Latin Grammy Awards ในปี 2001 มาแล้วอีกด้วย
การเปิดตัวหูฟังแบบ USB Type C ของ Xiaomi นั้นแน่นอนว่าเพื่อออกมารองรับกับ Mi 6 มือถือรุ่นล่าสุดที่มีแต่พอร์ต USB Type C มาให้นั่นเอง ซึ่งเหมือนกับเป็นการบังคับกลายๆ ว่าถ้าไม่ใช้หูฟัง bluetooth ก็ต้องมาซื้อ Mi USB Type C รุ่นนี้ไปใช้กับ Mi 6 ซะ โดยตอนนี้มีให้ซื้อผ่านร้านค้าออนไลน์ในราคาเพียง 299 หยวน หรือประมาณ 1,500 บาทเท่านั้น
ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ถึงแม้จะมีฟีเจอร์มากมายแต่ด้วยราคาที่แอบสูงเมื่อเทียบกับหูฟัง Mi รุ่นอื่นๆ ก็ทำให้สงสัยว่าแบบนี้ Xiaomi จะมีหูฟัง Type C รุ่นประหยัดตามออกมาหรือไม่?
ใช้ของ LeEco อยู่เสียงก็ดีใช้ได้ครับ ใสกริ๊งเลย แล้วมีให้ปรับโน่นนี่เยอะกว่าแบบอนาล็อกเยอะ
แต่ข้อเสียก็ชาร์ตแบตพร้อมฟังไม่ได้ตามที่ว่า
แต่ผมก็โอเคนะ เวลาชาร์ตไวเครื่องร้อน ปกติก็ไม่กล้าฟังเพลงตอนชาร์ตอยู่แล้ว
ผมว่ามันยังขัดกับทางเทคฯสมัยนี้อยู่นะ
พยายามกันมาแทบตายที่จะ integrated นู่นนี่นั่นเข้าไปให้อยู่บน die เดียวกัน
มีหมดจนเกิดเป็น SoC ขึ้นมา แล้วอยู่ๆก็เลี้ยวออกมาจากทางเดิมจนต้องใช้ dac ภายนอกซะงั้น
ถามว่ามันดีไหม ก็เอออาจจะดีนะ พวกค่ายหูฟังมันสามารถทำแอพแยกออกมาให้ user ได้ custom preference ของตัวหูฟังเองได้
Dac ภายนอก ของดีคือ ทำ matching กับ ตัวหูฟังได้ดีกว่าไงครับ
ผมว่าดีนะแยก dac ไปอยู่ในหูฟังเนี่ย เวลาเอาไปเสียบคอมเสียบมือถือเครื่องอื่นเสียงก็คุณภาพเหมือนเดิม
ผมพูดในแง่ของตัวหูฟัง usb-c รวมๆเลยนะ จะ hifi ไม่ hifi ,mobile ไม่ mobile เอาหมด เพราะเห็นมีบอกต่อคอมต่อไรด้วย
ข้อเสียที่ผมว่าน่าจะมีผล
– dac/amp ต้องติดกับสิ่งที่แบรนด์ยัดมาให้จนมันพัง
— หมายความว่า คุณจะไม่สามารถเปลี่ยน dac/amp ได้ในกรณีคุณเจอตัวที่ดีกว่า สิ่งเดียวที่คุณเปลี่ยนได้คือ หูฟัง ซึ่งเปลี่ยนรุ่นปุ๊ป characteristic ของหูฟังเปลี่ยน ก็ไปลุ้นกันใหม่อีกที ชอบ/ไม่ชอบ
– โอกาสพังง่ายกว่าชัวร์เทียบกับ integrated ใน SoC
– กินไฟขึ้นแน่ๆ เพราะมี component ภายนอกเพิ่มเติมขึ้นมา แต่จะในระดับใช้งานทั่วไปเห็นผลรึเปล่านี่คงต้องดูเทสเอา
– ราคาเพิ่มขึ้นเพราะต้องเพิ่ม component เพิ่มเติม
— คงอาจจะไม่ได้เห็นระดับ hifi แน่ๆ(หรืออาจจะน้อยมาก) พวกเทพๆ impedance สูงๆนี่เห็นชัด หรืออาจจะไม่ต้องพวก impedance สูงแต่พวกรุ่นท็อปๆคิดดูว่าถ้าใส่ dac/amp ถูกๆมาคงไม่คุ้มกับหูฟัง ถ้าใส่ตัวแพงๆดีมาก็ราคาทะลุไปอีก
.
ประมาณนี้ ตัวมือถือคงไม่มีไรถ้าจะตัด 3.5mm ออกไป แต่ถ้าพูดถึงตัวหูฟังที่ input เป็น usb-c นี่ถ้าไม่ได้ทำให้แบบแปลงเป็น headphone jack ได้
ต่อแล้ว bypass ภาค digital ได้นี่ดูไม่ค่อยดี
-ก็เหมาะกับผู้ใช้ทั่วๆไปดีครับ ซึ่งคงไม่มีใครซื้อdacแยกแล้วมาเสียบ3.5แน่ๆ(พกลำบากอีก)
-โอกาสพังดูยังไงครับ ก็แค่ย้ายdacไปไปอยู่ในหูฟัง
-กินไฟ dacแยกคงกินไฟกว่าครับไม่ก็ใช้ไฟแยกไปเลย
-ราคาเพิ่มก็อาจเป็นไปได้ แต่เดี๋ยวก็ถูกลงตามกลไกตลาด
-หูระดับ hifi ก็เป็นเรื่องของผู้ผลิตแล้วล่ะครับ ก็ต้องรอดูต่อไป
วิธีแก้ของผมคือ กลับไปใช้มือถือรุ่นล่างๆ ที่ไม่ตัดทุกอย่างออก
ไม่ตัดแบตที่เปลี่ยนได้ เพิ่มเมมได้ มีรูหูฟัง มีวิทยุออฟไลน์ ใส่สองซิมได้
มือถือรุ่นล่าง ๆ ซื้อแล้วไม่จบนี่ลอยมาเลย ไม่มีไจโร ไม่มีเข็มทิศ ไม่มี nfc ค้าง+แฮ้งค์ เครื่องร้อน (รุ่นแพง ๆ ก็เป็น) ผมยอมดีกว่า เพราะผมใช้แต่หู bluetooth อยู่แล้ว
แปลกนะครับ พอวิจารณ์ เรื่องไม่มีช่อง 3.5 ทำไมไม่ค่อยเห็นมีใครพูดถึงหูฟัง bluetooth ที่ผมใช้อยู่ก็เสียงดีนะครับ มีก็ได้ไม่มีก็ได้ ช่อง 3.5 อ่ะครับ bluetooth มีกันทุกรุ่นแล้วเด๋วนี้