ก่อนที่อีเวนต์ Xiaomi 2021 New Product Launch จะเริ่มต้นขึ้น ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่การมาถึงของ Mi 11 Ultra ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะเป็นพี่เบิ้มประจำงาน ตัวผมเองก็ด้วย… อย่างไรก็ตาม เจ้าจิ๋ว Mi 11 Lite ที่โผล่มาร่วมแจมด้วยกลับสร้างความประทับใจได้อย่างคาดไม่ถึง แม้เป็นน้องเล็กประจำตระกูล แต่ไส้ในที่ยัดมาให้นั้นไม่ได้ขี้เหร่ แถมค่าตัวยังเย้ายวนชวนให้ซื้อมาก ๆ อีกต่างหาก

จอภาพ 10-bit แสดงผล 1.07 พันล้านสี

สี 10-bit จะกลายเป็นเทรนด์ของสมาร์ทโฟนที่จะเปิดตัวในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย บรรดาผู้ผลิตต่างทยอยนำเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้งานกับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ทั้งเซนเซอร์ภาพก็ดี หรือจอภาพก็ดี พบเห็นได้จากมือถือเรือธงราคาแพง ๆ แต่นั่นไม่ใช่กับ Xiaomi เพราะ Mi 11 Lite นั้นมาพร้อม 10-bit เหมือนกัน ในราคาที่จับต้องได้ แสดงผลได้มากถึง 1.07 พันล้านสี ใกล้เคียงกับที่ดวงตามนุษย์มองเห็นในโลกแห่งความเป็นจริงเลยล่ะครับ

แม้ว่า คอนเทนต์ 10-bit ในปัจจุบันอาจยังมีให้เสพไม่มากเท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อแนวโน้มกำลังเป็นไปในทิศทางบวก อีกทั้งตลาดสมาร์ทโฟนนั้นเติบโตเร็วมาก ๆ ดังนั้นการมีฮาร์ดแวร์ที่เหนือกว่าสำหรับรองรับการใช้งานในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

พาเนล AMOLED อัตรารีเฟรช 90Hz

หน้าจอชนิด AMOLED มีข้อดีให้พูดถึงกันมากมาย ทั้งความเที่ยงตรง ความสดใส ความสว่าง อัตราส่วนคอนทราสต์ ไปจนถึงการบริโภคพลังงานที่น้อยกว่าหากเทียบกับ IPS LCD อาจมีข้อสังเกตอยู่บ้างในเรื่องของการเบิร์นอิน แต่ดูเหมือนหลาย ๆ คนก็ไม่ค่อยกังวลกับเรื่องนี้กันมากเท่าไหร่แล้ว เพราะกว่าจะออกอาการอย่างชัดเจนจนรำคาญสายตาก็อาจเปลี่ยนมือถือใหม่ไปแล้วก็ได้ (ฮา) แถมเดี๋ยวนี้ก็พัฒนาไปไกลจนมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแต่ก่อนเยอะเลย พูดง่าย ๆ ว่า นับเฉพาะความสวยงามที่ได้มา แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว นอกจากนี้ยังมีอัตรารีเฟรช 90Hz ให้ไถหน้าจอกันเพลิน ๆ อีกด้วย

สีสันตรงเป๊ะ เชื่อถือได้

อย่างที่กล่าวไปว่า พาเนล AMOLED มีความเที่ยงตรงสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่คงมีผู้ผลิตอยู่ไม่กี่รายที่ปรับเทียบเพิ่มเติมให้ได้ใกล้เคียงกับค่าในอุดมคติมากที่สุด เพราะต้องอาศัยต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งเงินและเวลาในการผลิต โดย Mi 11 Lite นี้มีความผิดเพี้ยนตาม ΔE ≈ 0.36 ซึ่งจอมอนิเตอร์เกรดโปรฯ สำหรับมืออาชีพด้านครีเอเตอร์ที่ขาย ๆ กันตลาด ส่วนมากยังไม่เนี้ยบเท่านี้เลย

รูปแบบการแสดงผลหลากหลาย และใช้งานได้จริง

โหมดการใช้งานมีใส่มาให้หลากหลาย ทั้ง Sunlight mode ช่วยเพิ่มระดับความสว่างสูงสุดเป็น 800 nt สำหรับใช้งานกลางแจ้ง Reading mode ปรับอุณหภูมิสีของจอภาพได้อย่างอิสระให้เหมาะแก่การอ่านหนังสือ พร้อมทั้งความสามารถในการเพิ่มความคมชัดของตัวอักษร ปิดท้ายด้วย Low blue light mode ช่วยลดการปล่อยคลื่นแสงสีฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการตาล้า

ขอบหน้าจอไม่โค้ง

สมาร์ทโฟนที่มีขอบหน้าจอโค้งนั้นดูหรูหราและล้ำสมัย แต่มีเสียงติจากผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากใช้งานจริงได้ไม่ถนัดถนี่เท่าหน้าจอแบน รวมถึงมีปัญหากับฟิล์มหรือกระจกกันรอยอีกต่างหาก ดังนั้น หากเพื่อน ๆ คนไหนที่เห็นตรงตามนี้ เจ้า Mi 11 Lite ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่เข้าที เพราะหน้าจอไม่โค้งทั้งรุ่น LTE และรุ่น 5G เลย

ลำโพงคู่ ระบบเสียงสเตอรีโอ

กล่าวถึงแต่เรื่องหน้าจอก้นมาหลายข้อ นอกจาก Mi 11 Lite ให้ภาพที่สวยแล้ว การที่ได้ลำโพงคู่สเตอรีโอเข้ามาช่วยเสริม น่าจะทำให้ประสบการณ์ในการรับชมวิดีต่าง ๆ ตลอดไปจนถึงการเล่นเกมเต็มอรรถรสไปอีกขั้น

ตัวเครื่องบาง เบา กล้องแทบไม่นูน

ในขณะที่ภาพรวมของสมาร์ทโฟนในตลาดค่อย ๆ หนักขึ้นทุกปี จนน้ำหนักระดับ 200 กรัมขึ้นไป กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แม้หลายคนจะไม่ปลื้ม แต่บางทีก็ต้องจำใจยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่ง Xiaomi เองก็เข้าข่าย อย่าง Mi 11 Ultra ที่เผยโฉมพร้อม ๆ กันนั้น มีน้ำหนักมากถึง 234 กรัม ในขณะที่ Mi 11 Lite เบากว่ากันมาก รุ่น LTE หนัก 157 กรัม ส่วนรุ่น 5G หนัก 159 กรัม ห่างกันอยู่ราว ๆ 33% เลยทีเดียว

ด้านความหนาของ Mi 11 Lite ทำออกมาได้เฉียบขาดมากเช่นกัน หนาเพียง 6.81 มม. บางที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนจาก Xiaomi ส่วนโมดูลกล้องก็แทบไม่นูนออกมาจากตัวเครื่องเลย

กล้องหลัง 3 ตัว ครอบคลุมทุกช่วงระยะ

ชุดกล้องหลัง 3 ตัวที่ให้มา ประกอบไปด้วย กล้องหลัก ความละเอียดสูง 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP มุมกว้าง 119 องศา ตบท้ายด้วยกล้องเทเลโฟโต้ 5MP ทำหน้าที่เป็นกล้องมาโครในตัวได้ เพราะมีระยะโฟกัสใกล้สุดเพียง 3 ซม.เท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้ก็ครอบคลุมการใช้งานในทุกช่วงระยะ แทบทุกสถานการณ์แล้ว

หน่วยประมวลผลทรงพลัง

Mi 11 Lite LTE และ Mi 11 Lite 5G ต่างก็มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Qualcomm ฝ่ายแรกใช้ Snapdragon 732G บนสถาปัตยกรรม 8 นาโนเมตร ส่วนฝ่ายหลังได้ประเดิมใช้ Snapdragon 780G บนสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร เป็นรุ่นแรกของโลก ผสานการทำงานร่วมกับหน่วยความจำ LPDDR4X + UFS 2.2 มีเทคโนโลยี LiquidCool ระบายความร้อนด้วยของเหลว หมดห่วงเรื่องเฟรมเรตตกขณะเล่นเกม

ชาร์จไว 33W มีอะแดปเตอร์แถมมาในกล่อง

Mi 11 Lite มีแบตเตอรี่ความจุ 4250mAh รองรับชาร์จไว 33W ไม่ได้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ได้แย่ มีหัวชาร์จแถมมาให้ในกล่องด้วย ไม่ต้องซื้อเพิ่มให้วุ่นวาย ขนาด Mi 11 Ultra ที่วางจำหน่ายในจีนยังไม่แถมเลยนะเออ (เลือกซื้อแบบบันเดิลได้ แต่มีจำนวนจำกัด)

ราคาเป็นมิตรสุด ๆ

Xiaomi ประกาศราคา Mi 11 Lite ออกมาแล้ว รุ่น LTE เริ่มต้น 299 ยูโร ส่วนรุ่น 5G เริ่มต้น 369 ยูโร เมื่อหักลบอัตราภาษีที่สูงลิ่วของโซนยุโรปแล้วอาจมีราคาเริ่มต้นไม่ถึง 10,000 บาทก็เป็นได้ครับ เพราะ Mi 11 Lite 5G โมเดล RAM 8GB ที่วางขายในจีนก็มีราคาเพียง 2,299 หยวน หรือประมาณ 10,990 บาท เท่านั้นเอง