John Poole ผู้ร่วมก่อตั้ง Primate Labs บริษัทผู้พัฒนา Geekbench ตรวจเจอว่า Xiaomi ได้จำกัดประสิทธิภาพการทำงานซีพียูของ Mi 11 กับแอปบางตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกมดังอย่าง Genshin Impact และ Fortnite พบคะแนนส่วน Single-core และ Multi-core ร่วงลงมา 30% และ 16% ตามลำดับ ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความโปร่งใส เนื่องจากผลการทดสอบประสิทธิภาพชิปไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง
จากการทดสอบประสิทธิภาพซีพียู Mi 11 ด้วย Geekbench ที่จำลองตัวเองเป็น Fortnite กับ Geekbench แบบปกติที่ไม่ผ่านการปรับแต่งอะไร มีผลลัพธ์ดังนี้
ทั้งนี้คาดว่า Xiaomi อาจทำไปด้วยเหตุผลเรื่องการควบคุมความร้อนหรือพยายามยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แต่ไม่อาจทราบได้ว่า Mi 11 ถูกตั้งค่าการทำงานแบบนี้มาตั้งแต่ต้น หรือพึ่งมีการเปลี่ยนแปลงในการอัปเดตซอฟต์แวร์หลังวางจำหน่ายไปแล้ว นอกจากนี้สื่อต่างประเทศยังตั้งข้อสังเกตว่า Mi 11i, Mi11 Pro, Mi 11 Ultra พี่น้องร่วมซีรีส์ที่ใช้ชิป Snapdragon 888 ตัวเดียวกัน รวมถึง Mi 11X Pro ในอินเดียอาจเข้าข่ายด้วยเหมือนกัน
เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Samsung พึ่งถูกตรวจพบการกระทำในลักษณะเดียวกันนี้เช่นกัน โดยมีการจำกัดความเร็วซีพียูกับแอปนับหมื่นรายการ จนสุดท้ายบริษัทฯ ต้องออกซอฟต์แวร์มาเพื่อแก้ไขพร้อมทั้งขอโทษลูกค้า
ที่มา : John Poole
ก็บอร์ดมันพังทุกเครื่องเลยต้องทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าทำไว้นานแค่ไหน แต่ในกลุ่ม Xiaomi เคลมกันทุกเครื่อง
ใช้มาตั้งแต่ Mix2, 9SE / Redmi Note 5, 7, 8, 8 Pro / Redmi 9 / Poco F3, X3 Pro ใช้เพราะ Pokemon Go ไม่เคยเปลี่ยนบอร์ด เปลี่ยนแต่แบต เรียกว่าพังทุกเครื่องยังไงนะ Mix2 ยังไม่พังเลย ยังเล่น 2 จอได้ชิวๆ
ผมหมาย Mi11 โพสก็หมายถึง Mi11 ไม่ได้พูดถึงรุ่นอื่น
นี่ขนาด throttling แล้วนะ ยังร้อนเดือดดาลสุดๆ 😅
**ที่จริงพลังของ CPU มันเพียงพอนานแล้ว ไม่งั้นพวกมือถือระดับกลางคง lag คงกระตุกกันหมด
ปล.เพิ่งไปเห็นเค้าทดสอบ MTK 8100 มา ก็ร้อนสุดๆ เหมือนกัน
ไม่ต้องไปคิดถึง MTK 9000 เลย น่าจะสภาพเดียวกัน แม้ตอนนี้จะมีแค่รุ่น Find X5 Pro MTK ที่พอจะดูได้
เพราะมีปัญหาในรุ่นหลังๆไงครับ โดยเฉพาะรุ่นที่บอร์ดอ่อนแอง่ายครับ ถ้าดูในกลุ่มจะเจอหลายเคส