มือถือกล้องเทพซีรีส์ล่าสุดอย่าง Xiaomi Mi CC9 Pro หรือ Mi Note 10 ยังไม่ทันได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็ดันมีคะแนนประสิทธิภาพกล้องจากเว็บไซท์ DxOMark ออกมาก่อนซะแล้ว โดยคราวนี้มือถือรุ่นท็อปอย่าง Mi CC9 Pro Premium Edition สามารถทำคะแนนพุ่งขึ้นไปถึง 121 คะแนน เท่ากับแชมป์เก่าอย่าง Huawei Mate 30 Pro เป๊ะๆ เลยทีเดียว
Mi CC9 Pro Premium Edition เป็นมือถือรุ่นล่าสุดจากแบรนด์ Xiaomi ซึ่งเป็นรุ่นท็อปที่ได้รับการอัพเกรดจากรุ่นธรรมดาด้วยการใช้เลนส์กล้องหลักแบบ 8p (f/1.69) ทำให้คุณภาพของกล้องดีกว่า จนขึ้นมาครองอันดับ 1 ในเว็บไซท์ DxOMark ร่วมกับ Mate 30 Pro ด้วยคะแนนรวมถึง 121 คะแนน แบ่งออกเป็นคะแนนภาพนิ่ง 130 คะแนน และการถ่ายวิดีโอได้ 102 คะแนน (เป็นคะแนนถ่ายวิดีโอที่มากที่สุดของกล้องมือถือในตอนนี้) เทียบกับ Mate 30 Pro ที่ได้คะแนนภาพนิ่ง 132 คะแนน และถ่ายวิดีโอที่ 100 คะแนน
สเปคกล้อง Xiaomi Mi CC9 Pro Premium Edition
- กล้องหลัง 5 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด 108MP, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33 นิ้ว, ระยะโฟกัส 25 มม., รูรับแสง f/1.69, กันสั่น OIS
- เลนส์ซูมระยะใกล้ความละเอียด 12.19MP, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.6 นิ้ว, ระยะโฟกัส 50 มม., รูรับแสง f/2
- เลนส์ซูมระยะไกลความละเอียด 7.99MP, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.6 นิ้ว, ระยะโฟกัส 94 มม., รูรับแสง f/2, กันสั่น OIS
- เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 20.11MP, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.8 นิ้ว, ระยะโฟกัส 16 มม., รูรับแสง f/2.2
- เลนส์มาโคร รูรับแสง f/2.4 ถ่ายได้ใกล้สุดระยะ 2 ซม. (ไม่ได้ใช้ในการทดสอบ)
- แฟลชคู่ แบบแสงแรง และแบบแสงอ่อน
จากการทดสอบกล้องของ Mi CC9 Pro ทาง DxOMark บอกว่ามือถือรุ่นนี้มีกล้องที่สามารถถ่ายภาพออกมาได้ดีในทุกสถานการณ์ ทั้งการถ่ายกลางแจ้งที่ให้แสงสีแม่นยำ, รายละเอียดครบถ้วน, จัดการกับ Noise ได้ดีมาก, มี White Balance ที่แม่นยำ แต่อาจจะมีติดชมพูๆ เป็นบางครั้ง ส่วนการถ่ายภาพในที่ร่มอาจจะมี Noise ให้เห็นอยู่บ้าง แต่ภาพที่ออกมาก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสุดๆ เลย
การถ่ายด้วยเลนส์ Ultra-wide มีความบิดเบี้ยวของเลนส์น้อยมาก และสามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดี เมื่อเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆ ที่ใช้เลนส์แบบเดียวกัน แถมการถ่ายภาพบุคคลในที่มืดด้วยเลนส์ดังกล่าวก็ยังให้สีผิวที่เป็นธรรมชาติ แต่จะมีจุดอ่อนอยู่บ้างตรงที่ขอบวัตถุจะไม่ค่อยคมนัก
การซูมของ Mi CC 9 Pro มีประสิทธิภาพที่ดีมากด้วยเลนส์ซูมแบบออพติคอลที่ระยะ 2x -4x และใช้กล้องตัวอื่นช่วยในการซูมแบบ Hybrid ที่ดันระยะออกไปได้ถึง 10x ซึ่งภาพที่ได้ยังคงมีรายละเอียดที่ครบถ้วนแม้จะเป็นการซูมในระยะไกลก็ตาม
การถ่ายภาพในที่มืดด้วย Night Mode ทำออกมาได้ดี เพราะภาพที่ได้ มีแสงและสีสันที่แม่นยำ ค่อนข้างตรงกับของจริง ส่วนการถ่ายภาพคนในที่มืดก็ให้สีผิวที่ออกมาเป็นธรรมชาติมากกว่ามือถือรุ่นอื่นๆ
และด้วยการที่ Mi CC9 Pro ใส่กล้องมาให้ถึง 5 ตัว ทำให้การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอดึงเอาความสามารถของกล้องแต่ละตัวมาใช้ในการวัดระยะของวัตถุ และพื้นหลัง ทำให้ตัดขอบได้เนียน และได้ฉากหลังที่เบลอเป็นธรรมชาติ
Mi CC9 Pro Premium Edition VS Galaxy Note 10+ 5G
ส่วนการถ่ายวิดีโอของ Mi CC9 Pro ที่ทำคะแนนไปได้สูงที่สุดของเหล่ามือถือทั้งหมดในปัจจุบัน มีข้อดีอยู่ที่ระบบกันสั่นที่มีประสิทธิภาพ, รายละเอียดเก็บได้ครบและจัดการ Noise ได้ดีมาก, ให้สีสันที่ดี, ระบบออโต้โฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำ แม้จะถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหวอยู่ก็ตาม ส่วนข้อเสียก็มีอยู่บ้างคือคืออาการกระตุกเล็กน้อยเวลาถ่ายวิดีโอแบบแพน, มีอาการเฟรมตกในบางครั้ง, Dynamic range ที่ยังทำได้ไม่ดีนัก
ก็ถือว่า Mi CC9 Pro เป็นมือถือจาก Xiaomi ที่ได้รับการพัฒนาเรื่องกล้องอย่างก้าวกระโดดสุดๆ เพราะจากมือถือเรือธงก่อนๆ ทั้งซีรีส์ Mi และ Mi Mix ที่ถึงแม้ว่าจะทำคุณภาพได้ดีขึ้นแต่ก็อยู่ในระดับ Top 10 ของเว็บไซท์ DxOMark เท่านั้น แต่สำหรับ Mi CC9 Pro กลายเป็นมือถือรุ่นแรกของแบรนด์ที่สามารถถีบตัวขึ้นมาอยู่ในอันดับ 1 คู่กับแชมป์เก่าอย่าง Huawei Mate 30 Pro ได้แล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม : DxOMark
นี่คือสิ่งที่ฉันรอคอย!! มือถือที่ไม่ใช่เรือธงแต่กล้องเเทียบเท่าเรือธง
เพราะไม่เล่นเกมแต่ชอบถ่ายรูป
รูปแจ่มดีครับ 🙂 🙂
แจ่มๆครับ รอดู mi10
อันนี้่น่าจะเป็นเพราะ CPU มีส่วนไหมครับ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้ามีรุ่น 855 อาจจะดีกว่านี้
"ส่วนข้อเสียก็มีอยู่บ้างคือคืออาการกระตุกเล็กน้อยเวลาถ่ายวิดีโอแบบแพน, มีอาการเฟรมตกในบางครั้ง, Dynamic range ที่ยังทำได้ไม่ดีนัก"
ไอโฟนบอกว่า กุพึ่งตามได้แค่3กล้องเอง มึงไปกล้อง5ตัวแล้ว รอกุด้วย