หลังจาก Xiaomi Pad 5 เปิดราคามา ต้องบอกว่าตลาดแท็บเล็ตในไทยมีการแข่งขันกันแบบสนุกมาก ๆ เพราะตอนนี้ดูเหมือน iPad รุ่นที่ 9 ของ Apple จะกวาดเรียบ เนื่องจากราคาค่าตัวถือว่าค่อนข้างคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปอยู่ วันนี้ทาง DroidSans เลยขอมาเปรียบเทียบความแตกต่างสเปคของทั้งสองรุ่นกันให้เพื่อน ๆ อ่านกันแบบง่าย ๆ กันครับ

ตารางเปรียบเทียบสเปค Xiaomi Pad 5 กับ iPad รุ่นที่ 9 หรือ iPad 9th Gen

Xiaomi Pad 5iPad รุ่นที่ 9
หน้าจอIPS LCD 11″ 1600 x 2560Retina IPS LCD 10.2″ 1620 x 2160
รีเฟรชเรท120Hz60Hz
ชิปเซ็ตSnapdragon 860A13 Bionic
RAM6GB
ROM128GB / 256GB64GB / 256GB
กล้องหลัง13MP f/2.0 4K@30fps8MP f2.4 Full HD@3fps
กล้องหน้า8MP f/2.0 Full HD@30fps12MP f/2.4 Full HD@60fps
การเชื่อมต่อWi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot / Bluetooth 5.0Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, hotspot / Bluetooth 4.2
ซิมไม่รองรับNano-SIM – eSIM
ระบบเสียง4 ตัว แบบสเตอริโอ2 ตัว แบบสเตอริโอ
ปากการองรับ (ติดกับตัวเครื่องได้) ต้องซื้อแยกรองรับ (ไม่มีที่เก็บ) ต้องซื้อแยก
แบตเตอรี่8720 mAhดูวิดีโอสูงสุด 10 ชม.
พอร์ตชาร์จUSB-CLightning
ระบบชาร์จไว33W20W
ระบบปฏิบัติการMIUI 12.5 บนพื้นฐาน Android 11iPadOS 15
น้ำหนัก511 กรัม487 – 498 กรัม
ราคาเริ่มต้น10,990 บาท11,400 บาท

 

หน้าจอแสดงผล

แม้ว่าทั้ง Xiaomi Pad 5 และ iPad รุ่นที่ 9 จะใช้พาแนลชนิด IPS LCD เหมือนกัน แต่หากมองลึกไปที่สเปคแท็บเล็ตจาก Xiaomi จะดูมีภาษีที่ดีกว่าเอามาก ๆ เพราะหน้าจอใหญ่กว่า ความละเอียดชัดกว่า รวมถึงค่ารีเฟรชเรทที่ Xiaomi Pad 5 ใส่มาให้ถึง 120Hz ขณะที่ในส่วน iPad รุ่นที่ 9 นั้นยังใส่มาให้แค่ 60Hz เท่านั้น

ถามว่าแตกต่างกันแค่ไหนระหว่าง 60Hz กับ 120Hz ก็ต้องบอกว่าต่างกันแบบสองเท่าตามทฤษฎีจริง ๆ ประสบการณ์การใช้งานบน Xiaomi Pad 5 ยังไงก็ต้องดีกว่า iPad รุ่นที่ 9 อยู่แล้ว บวกกับส่วนตัวเคยลองจับแท็บเล็ตของ Xiaomi มาแล้ว ตรงนี้ยอมรับว่า iPad รุ่นที่ 9 ยังสู้ไม่ได้ จะบอกว่าแพ้ขาดเลยก็ยังได้

ประสิทธิภาพการใช้งาน

ถ้ามองในแง่ของการใช้งาน จุดนี้ยังหาแท็บเล็ตมาสู้กับซีรีส์ iPad ของ Apple ยากมาก ๆ ความ Continuity การสลับแอป ฯลฯ ตรงนี้ iPad รุ่นที่ 9 สมูทลื่นไหลกว่ามาก ๆ แม้ว่ารีเฟรชเรทหน้าจอจะน้อยกว่าถึงสองเท่า

หากใครชอบเล่นเกม ตรงนี้ก็ต้องจิ้มนิ้วไปที่ iPad รุ่นที่ 9 แบบไม่ต้องสืบสาหาเรื่องอะไรเลย เพราะชิปเซ็ต A13 Bionic ของ Apple แรงมาก ๆ จนถึงขนาดที่เอาไปปรับเล่นเกมโหดแล้วยังไม่กระตุก เนื่องจากเป็นชิปเดียวกันกับ iPhone 11 Series ขณะที่ Snapdragon 860 อาจจะไม่สามารถปรับได้ขนาดนั้น คือ Xiaomi Pad 5 เอาไปเล่นเกมพวกนี้ได้แหละ แต่ยังไงศักยภาพก็ไม่สู้ iPad รุ่นที่ 9

แต่ในแง่ของ Entertainment ตรงนี้ Xiaomi Pad 5 ดีกว่ามาก ๆ เพราะหน้าจอใหญ่กว่า ความละเอียดเยอะกว่า แถมลำโพงที่ใส่มาให้ยังมีจำนวนมากกว่าอีกด้วย ทำให้การรับชมคอนเทนต์บนแอปสตรียมมิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix, Disney+ Hotstar หรือ Amazon Prime บน Xiaomi Pad 5 ยังไงก็ดีกว่า iPad รุ่นที่ 9

ทั้ง Xiaomi Pad 5 และ iPad รุ่นที่ 9 รองรับการใช้งานกับปากกา/ดินสอด้วยกันทั้งสิ้น ขีดเขียนอะไรบนหน้าจอได้ตามสะดวก จดโน้ต จด Memo ในที่ประชุม ฯลฯ แต่ทางแท็บเล็ตจากจีน กลับมีแม่เหล็กสามารถติดเอาไว้ข้าง ๆ ตัวเครื่องได้เลยแบบ ส่วน iPad รุ่นที่ 9 นั้น ไม่มีที่เก็บ ต้องหาซื้อเคสเพิ่ม ซึ่งก็หมายความว่าต้องเสียเงินเพิ่มอีก (แต่ยังไงซะปากกา/ดินสอก็ต้องซื้อเพิ่มอยู่ดี)

อีกอย่างพอร์ตเชื่อมต่อที่ iPad รุ่นที่ 9 ยังให้มาเป็นแบบ Lightning อยู่ เวลาไปไหนมาไหนต้องพกสายชาร์จเพิ่มอีกเส้นนึง ซึ่งมันอีรุงตุงนังมาก ๆ ผิดกับ Xiaomi Pad 5 ที่มาเป็น USB-C แล้ว ใช้ร่วมกับสายสมาร์ทโฟน หูฟัง หรือคอมพิวเตอร์ได้เลย

กล้องถ่ายภาพ

เอาจริง ๆ เรื่องกล้องหน้าเป็นอะไรที่พูดยากมาก ๆ เพราะดูจากสเปคแล้ว เหมือนว่า iPad รุ่นที่ 9 จะขี่คอ Xiaomi Pad 5 อยู่พอสมควร แต่ถึงเวลาเอามาใช้งานจริง ๆ ก็แทบจะไม่เห็นภาพความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญอะไรขนาดนั้น สำหรับใครที่เอามาใช้เรียนหรือประชุมออนไลน์ ผมว่าเลือกรุ่นไหนเอาก็ได้ แต่ถ้าอยากได้ที่สุดจริง ๆ ฮาร์ดแวร์ (และซอฟต์แวร์) ของ iPad รุ่นที่ 9 ดีกว่าครับ

สรุปซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน

คือถ้าซื้อมาใช้งานทั่วไป มีประชุม – เรียนออนไลน์ หรือเล่นเกมบ้างนิดหน่อย ส่วนตัวแนะนำไปให้ไป iPad รุ่นที่ 9 นะ เพราะตัวเริ่มต้นความจุก็ 64GB แล้ว ถือว่าอยู่ในจุดที่เพียงพอต่อการใช้งานจัดเก็บอะไรต่าง ๆ แล้ว แถมระบบปฏิบัติการ iPadOS ก็พัฒนามาสำหรับใช้งานบนแท็บเล็ตโดยเฉพาะด้วย ต่างจาก Xiaomi Pad 5 ที่แม้ว่า Xiaomi จะปรับแต่ง MIUI ให้เข้ากับ Pad 5 แต่ก็ยังมีบั๊คอะไรอยู่บ้างนิดหน่อย สเปคบางส่วนดีกว่าจริง แต่จะมาตายตรงเรื่องอะไรแบบนี้นี่แหละ

อีกทั้ง iPad รุ่นที่ 9 มาพร้อมกับถาดใส่ Nano-SIM (สำหรับรุ่น Cellular) อีกด้วย ทำให้การพกพาไปไหนมาไหน สะดวกกว่า Xiaomi Pad 5 มาก ๆ ไม่ต้องคอยเปิด HotSpot ที่มือถือเครื่องหลักให้เครื่องร้อนหรือเปลืองแบตอีก จุดนี้จึงเป็นเหตุผลที่ส่วนตัวผมเชียร์ iPad รุ่นที่ 9 มากกว่า Xiaomi Pad 5 เพราะตอบโจทย์มากกว่าทุกอย่างจริง ๆ แม้สเปคบางส่วน อาทิ หน้าจอ จะไม่สามารถต่อกรได้ แถมราคาค่าตัวก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ด้วย (สำหรับบางคน) แต่ถ้างบจำกัดจริง ๆ Xiaomi Pad 5 ก็เป็นอีกหนึ่งแท็บเล็ตที่น่าใช้รุ่นนึงครับ