ปล่อยมาให้ได้สัมผัสซักทีกับแท็บเล็ต Android ภาคต่ออย่าง Xiaomi Pad 6 เรียกได้ว่าสมการรอคอยจริง ๆ ซึ่งในครั้งนี้มาพร้อมสเปคที่จัดจ้านสุด ๆ ทั้ง จอ 11 นิ้ว ความละเอียด 2.8K รีเฟรชเรท 144Hz ลื่นหัวแตก รองรับ Dolby Vision ลำโพง 4 ตัว ระบบเสียง Dolby Atmos ชิปอดีตเรือธง Snapdragon 870 ที่แม้จะตกรุ่นไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังใช้งานในปัจจุบันได้สบาย ๆ
ดีไซน์สวย สะดุดตา
Xiaomi Pad 6 รุ่นมาตรฐาน มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Gravity Gray, Gold, Mist Blue ซึ่งเครื่องที่มาอยู่ในมือเรานี้ก็คือสี Mist Blue ตัวเครื่องหนัก 490 กรัม กำลังดี ไม่หนักเกินไปถึงขั้นถือแล้วเมื่อยมือ พกพาสะดวก ขอบบางเฉียบเพียง 6.51 มม. ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์ แข็งแกร่งและดูพรีเมี่ยมในคราวเดียวกัน
กล้องที่อยู่ด้านหลังมาในดีไซน์ใหม่ทรงสี่เหลี่ยมยื่นออกมา ฝาหลังมีผิวสัมผัสแบบด้านทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือ ไม่ต้องคอยเช็ดอยู่บ่อย ๆ ปุ่มเพิ่ม – ลดเสียงจะอยู่ด้านข้างเครื่อง ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ด้านบนของเครื่องค่ะ
จอ 11” ความละเอียดสูง รีเฟรชเรทลื่นหัวแตก 144Hz
ตัวเครื่องใช้จอ WQHD+ ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียดความละเอียด 2.8K (2880 x 1800) รองรับ HDR 10 ปรับรีเฟรชเรทปรับแบบอัตโนมัติตั้งแต่ 30Hz ไปจนถึงสูงสุด 144Hz และสามารถปรับได้ด้วยตนเองเป็น 60/90/144Hz ค่ะ อีกทั้งยังรองรับ Dolby Vision ภาพสวยสด คมชัดจนบาดตาบาดใจ พร้อมถนอมสายตาด้วย TÜV Rheinland certified Low Blue Light
ลำโพง 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos
ตัวเครื่องนอกจากจะให้ภาพสวยด้วยการรองรับ Dolby Vision แล้วนั้น ยังใส่ลำโพงมาให้ด้วยกันถึง 4 ตัว คือด้านบน 2 ด้านล่าง 2 พร้อมรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos เสียงดังฟังเพราะ เปิดสุดเสียงไม่แตก ไม่แหลมบาดหู ดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงแบบกระหึ่ม จากการทดลองใช้งานด้วยการเปิดเสียงแท็บเล็ตไว้บนห้องปิด และเดินห่างออกมาในระยะ 5 เมตร พบว่าเสียงดังฟังชัด เก็บรายละเอียดได้ทุกจังหวะ เวลาดูหนังก็คือสะใจมาก เหมือนถูกดึงไปอยู่ในเรื่องด้วยเลย
ปากกา XIAOMI SMART PEN Gen 2
สำหรับปากกา เป็นอุปกรณ์ที่ต้องซื้อเพิ่ม ไม่มีแถมมาให้กับตัวเครื่องค่ะ ซึ่งตัวปากกามาในดีไซน์เดิม ภายในกล่องมีหัวปากกามาให้เปลี่ยน 1 ชิ้น ในส่วนการใช้งาน SMART PEN รองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานต่อเนื่อง 150 ชั่วโมง เอาไว้ใช้งาน Lecture หรือวาดเขียนทั่วไปก็คือโอเคเลย
ในการใช้งานวาดเขียนบนแอป ก็คือลื่นไหล ไม่มีความหน่วง ซึ่งได้ทดสอบการวาดภาพผ่านแอป Note ของตัวเครื่อง หรือแอปวาดภาพฟรีอย่าง Sketchbook พบว่าตัวปากกาทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว สายวาดรูปน่าจะถูกใจไม่น้อย เพราะปากกาสามารถตรวจจับแรงกดในการแรเงา, การลากเส้น, การระบายสีได้ดี ไม่มีรอยขาดของเส้นให้เห็น
ในการใช้งาน XIAOMI SMART PEN จะมี 2 ปุ่มเหมือนรุ่นก่อน สำหรับวาดเขียน ปุ่มด้านล่างจะเป็นยางลบ ด้านบนจะไว้สำหรับแคปภาพ แต่ไม่สามารถใช้คอนโทรลภาพระยะไกลได้ ส่วนแบตเตอรี่ของปากกา บอกเลยว่าใช้ได้ยาว ๆ หายห่วง ชาร์จเพียง 1 นาที ก็สามารถใช้งานต่อได้ยาว ๆ 7 ชั่วโมง
การใช้งานแบ่งหน้าจอ
เวลาใช้งานอุปกรณ์จอใหญ่ ๆ อีกหนึ่งการใช้งานที่ใช้เป็นประจำและขาดไม่ได้เลย ก็คือการแบ่งหน้าจอนี่แหละ ซึ่ง Xiaomi Pad 6 นี้สามารถแบ่งครึ่งหน้าจอและใช้งาน 2 แอปไปพร้อมกันได้อย่างลื่นไหล จะไถฟีด 2 จอพร้อมกันก็สบาย
วิธีใช้งาน เพียงแค่เปิดไปที่ Recent Apps ที่เราต้องการเปิดหรือเปิดค้างไว้อยู่ จากนั้นแตะไปที่ตัวแอป และเลือกไอคอนสำหรับแบ่งหน้าจอ และเลือกอีกแอปที่เราต้องการ
ในการใช้งานแนวนอนก็ปกติดีไม่มีไรเปลี่ยน แต่… สำหรับการใช้งาน 2 จอในแนวตั้งนี่แหละ ก็ยังถูกแบ่งแบบซ้าย – ขวาเหมือนเดิมเหมือนรุ่นก่อนเลย สงสัยคงตั้งใจทำให้เป็นแบบนี้สินะ (ส่วนตัวคิดว่าควรแบ่งเป็นบนล่างน่าจะใช้ได้ถนัดกว่า)
เชื่อมต่อคีย์บอร์ด พิมพ์งานสะดวก
สำหรับสายออฟฟิศ สายฟรีแลนซ์ที่ชอบพกแท็บเล็ตไปทำงานด้วยได้ทุกที่ ตัวคีย์บอร์ดสามารถใช้งานได้ดีเหมือนพิมพ์งานบนโน็ตบุ๊คทั่วไปเลย พิมพ์งานลื่นไม่มีหน่วง กดรัว ๆ แป้นก็ตามความเร็วของมือได้ทัน อีกทั้งในการเชื่อมต่อก็ง่ายมาก ๆ แค่นำคีย์บอร์ดมาประกอบเข้ากันกับตัวแท็บเล็ตก็ใช้งานได้ทันที เพราะตัวคีย์บอร์ดไม่ได้เป็นแบบไร้สายแต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน Pogo Pin นั่นเองค่ะ และข้อสังเกตที่เจอจากการใช้งานเลยคือ คีย์บอร์ดไม่สามารถเปลี่ยนภาษาได้ อาจต้องไปตั้งค่าตามบทความนี้
แต่..เคสคีย์บอร์ดไม่ได้มีแถมมาให้ ต้องซื้อเพิ่มเองนะคะ
สเปค XIAOMI PAD 6
- หน้าจอ LCD ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880 x 1800) รีเฟรชเรท 144Hz รองรับปากกาสไตลัส
- CPU : Snapdragon 870
- RAM LPDDR5 : 6GB / 8GB
- ความจุ UFS3.1 : 128GB / 256GB
- กล้องหลัง : 13MP
- กล้องหน้า : 8MP
- การเชื่อมต่อ : WiFi
- แบตเตอรี่ : 8840 mAh รองรับชาร์จไว 33W
- ระบบ Android 13 ครอบด้วย MIUI 14
เล่นเกมดี กราฟิกหนักก็ไหว
ตัวเครื่องขับเคลื่อนด้วยอดีตชิปเรือธงเก่าอย่าง Snapdragon 870 แน่นอนว่า สามารถดูหนัง Netflix แบบ Full HD ได้สบาย เล่นเกมได้หลากหลาย ไม่มีปัญหาเลย
ROV
หลังจากที่ทดสอบเล่น ROV เป็นเวลากว่า 45 นาที ปรับเสียง 50% ความสว่างหน้าจอ 50% พร้อมปรับกราฟิกและเฟรมเรททุกอย่างไปที่สูงสุด พบว่าเล่นได้สบาย ลื่นไหล ไม่กระตุก ตัวเครื่องเริ่มร้อนตอนเล่นไปได้ประมาณ 20 นาที แนะนำตอนเล่นใส่เคสจะดีที่สุดค่ะ ตอนเริ่มเล่นแบตเตอรี่อยู่ที่ 63% และจบลงที่ 48% ลดไป 15%
Genshin Impact
จากนั้นก็มาต่อที่เกมกราฟิกโหด ๆ อย่าง Genshin Impact ซึ่งก็ได้ปรับเสียง 50% ความสว่างหน้าจอ 50% และ กราฟิกทุกอย่างไปที่สูงสุด 60 fps เช่นกัน พบว่า สามารถเล่นได้ลื่นไหลไม่มีติดเลย ตีมอนส์ก็ไม่หน่วง ไม่ฝืด ไม่หลุดกลางคัน แต่ตอนเจอเอฟเฟกต์เยอะ ๆ ก็มีกระตุกบ้าง แต่ที่ชัดเจนคือเครื่องร้อน ตอนเริ่มเล่นแบตเตอรี่อยู่ที่ 48% และจบลงที่ 40% ลดไป 8%
PUBG Mobile
หลังจากจบ Genshin Impact แล้วมันยังไม่สาแก่ใจซักเท่าไหร่ จึงได้เปิด PUBG ต่อเลย ซึ่งก็ได้ปรับทุกอย่างไปสูงสุดเหมือนกัน จากนั้นได้เล่นแบบรัว ๆ ไม่พักหายใจเป็นเวลา 30 นาที ที่ชอบเลยคือเกมนี้เล่นลื่นไหลแบบหัวแตกมาก ตอนเริ่มเล่นแบตเตอรี่อยู่ที่ 40% และจบลงที่ 26% ลดไป 14%
กล้องหลัก 13MP ถ่ายวิดีโอ 4K ได้
ในรอบนี้ Xiaomi ได้ให้กล้องความละเอียดมาที่ 13MP ถ่ายภาพคมชัดในระดับปกติทั่วไป ก็ด้วยความที่เป็นแท็บเล็ตอะนะ เรื่องกล้องเลยไม่ได้หวือหวาอะไรมากมายซักเท่าไหร่ แต่คุณภาพที่ได้คือไม่ติดเลย พร้อมทั้งมี Night Mode มาให้ด้วย
แต่ที่ว้าวก็คือสามารถรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 4K 30fps ได้นี่แหละ และยังมีกันสั่นแบบ Software ให้ด้วยนะ ซึ่งความชัดที่ได้ก็จะประมาณนี้เลย
ด้านกล้องก็ทำออกมาได้ครบถ้วนอยู่เหมือนกัน ทั้งซูมสูงสุด 10 เท่า หรือถ่ายภาพกลางคืนจาก Night Mode ส่วนการใช้งานโหมดถ่ายรูปอื่น ๆ ก็มีมาให้เลือกหลายหลายอยู่เหมือนกัน ทั้ง Dual Video ถ่ายคลิปกล้องหน้าหลังไปพร้อมกัน เก็บรายละเอียดได้ทุกโมเมนต์ หรือใครที่เป็นสายถ่ายวิดีโอแบบสั้น ๆ ก็มีฟีเจอร์ Short ถ่ายคลิปพร้อมใส่เพลงให้เรียบร้อย
เซลฟี่ 8MP
ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 8MP สามารถปรับ Beauty ได้ 3 แบบ คือ ผิว, หน้าเรียว และดวงตา มาพร้อมฟิลเตอร์ให้เลือกหลากหลาย จะถ่ายเซลฟี่หรือวิดิโอคอลก็ชัด
แบตเยอะ ใช้งานได้ยาวตลอดวัน
Mi Pad 6 ให้แบตเตอรี่มาอยู่ที่ 8840 mAh เยอะยุใจ ใช้งานได้ยาวตลอดวัน จากการที่ชาร์จเต็ม 100% และได้เอาน้องออกมาเล่นแบบจัดหนัก ทั้งดู Netflix แบบยาว ๆ ออกไปถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ วาดภาพบ้างไรบ้าง หรือเอาไปเล่นเกมกับเพื่อนในออฟฟิศหลายตาติดกัน + มีสแตนด์บายหน้าจอข้ามคืนบ้าง รวมแล้วใช้งานไปทั้งหมด 42 ชั่วโมง 57 นาที แบตเตอรี่ลดเหลืออยู่ที่ 26% เหลือมากพอที่จะกลับไปใช้ต่อที่บ้านจนถึงก่อนนอนเลย
สรุปการใช้งาน
Xiaomi Pad 6 เป็นอีกหนึ่งแท็บเล็ตที่ฟังก์ชันครบเลยจริง ๆ เก็บหมดทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะด้านความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ก็ให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม อีกทั้งใครที่เป็นสายทำงานนอกบ้านน่าจะถูกใจไม่น้อยเลย เพราะว่าพกพาสะดวก แบตให้เยอะ ใช้งานได้แบบเหลือ ๆ และที่คาดไม่ถึงก็คือให้กล้องถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K มาให้ด้วยนี่แหละ (ปกติแท็บเล็ตจะไม่เน้นกล้องเท่าไหร่) ส่วนการใช้งานโซเชียลทั่วไปก็ไม่มีปัญหา
ข้อดี
- จอให้ความละเอียดสูง
- ให้ลำโพง 4 ตัว ระบบเสียง Dolby Atmos
- ระบบภาพ Dolby Vision สีสวยสมจริง
- ชิป Snapdragon 870 เล่นเกมลื่น
- จอรีเฟรชเรท 144Hz ลื่นมาก
- รองรับปากกาสไตลัส ถูกใจสายจดและสายวาด
- กล้องหลังรองรับวิดีโอ 4K
- เครื่องสวย งานประกอบดี
ข้อสังเกต
- การแบ่งจอแนวตั้ง แบ่งแบบบน-ล่างไม่ได้
- เล่นเกมแล้วเครื่องร้อนชัดเจน
- ใส่ซิมไม่ได้ เชื่อมต่อ Wifi เท่านั้น
- ไม่รองรับ microSD card
- ไม่แถมปากกา และคีย์บอร์ด
- ฟีเจอร์ปากกามีไม่เยอะ
- ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- คีย์บอร์ดเปลี่ยนภาษาไม่ได้ ต้องตั้งค่าเพิ่ม
ราคาจำหน่าย
Xiaomi Pad 6 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Gravity Gray, Gold, Mist Blue วางจำหน่ายในราคาและรุ่นความจุ ดังนี้
- 8GB+128GB ราคา 10,990 บาท (วางจำหน่ายที่ช่องทางออนไลน์)
- 8GB+256GB ราคา 12,990 บาท
โปรโมชั่น! พรีออเดอร์ตั้งแต่วันนี้ – 18 สิงหาคม 2566 รับของสมนาคุณมูลค่า 2,979 บาท
- ฟรี! เคส,ฟิล์มกันรอย,หัวชาร์จ 33W
- ลด 50% เมื่อซื้อ Xiaomi Pad 6 Keyboard หรือ Xiaomi Smart pen gen 2
เสียใจมากที่ไม่เอาตัว Pro เข้ามา อยากได้ 8+ gen 1 ไว้เล่นเกม บอทเกม ดูหนัง ฟังเพลง เคยใช้จอ IPS 144 hz ของ Xaiomi ในมือถือ คือชอบมากกก ปัดลื่นเนียนตามากๆ Xaiomi Thailand ผ่านมาเห็นความเห็นนี้ ช่วยพิจารณา เอามาขายด้วย ฮืออออ
ผมมี Pad5 อยู่ อยากได้ตัวโปรเหมือนกัน อยากได้จอใหญ่กว่านี้
ผมเสียดายที่น่าจะมีรุ่นใส่ซิมได้ซะหน่อยเผื่อเวลาจะเอาไปทำงานข้างนอกได้
ยังไงคนส่วนใหญ่ทั้งมีเงินหรือไมมีก็คงซื้อ iPad อยู่ดีตามกระแสอินฟูฯและสมัยนิคมคนชอบอวย
อยากเห็น PC Mode หรือ Desktop Mode ครับ ยังมีอยู่ไหม?
ต่อจอนอกด้วยสาย Type-C to Hdmi เป็นไงบ้าง?
ไม่มีที่ไหนรีวิวเรื่องนี้เลย 🫣
1.เปลี่นภาษาคีย์บอร์ดได้ ในการตั้งค่ามีให้เพิ่ม แต่ปัญหาคือ หลายๆแอพ แม้แต่ Canva จะเปลี่ยนไม่ได้ พอกดเปลี่ยน ดันไปเปลี่ยนของ Gboard ไม่ใช่ของคีย์บอร์ดที่แยกกัน คุมด้วย MIUI สุดท้ายต้องใช้แอพอื่นเปลี่ยนเอาอยู่ดี
2.แบ่งหน้าจอแนวตั้ง ซ้าย-ขวา จงใจออกแบบมาแบบนี้อยู่แล้ว มีบอกในหน้าเว็บ dev