Xperia XZ Premium เป็นมือถือสเปคเรือธงตัวล่าสุดจากทางโซนี่ทีเ่ปิดตัวไปในงาน MWC 2017 และคงต้องยอมรับว่าจุดเด่นหลายๆ ของมือถือเครื่องนี้ทำให้ผู้คนและสื่อหลายสำนักสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องกล้องที่ชูความว้าวของเซนเซอร์ใหม่ที่สามารถถ่ายวิดีโอ Super slow motion ออกมาได้อย่างอลังการ และหน้าจอ 4K HDR บนมือถือเครื่องแรกของโลก แต่ก็ยังมีฟีเจอร์อีกหลายอย่างที่ผู้อ่านอาจจะพลาดไป ผมก็เลยรวบรวมจุดเด่นของ Xperia XZ Premium มาให้อ่านกันเต็มๆ มาดูกันครับว่า 10 ฟีเจอร์ที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง

1. เซนเซอร์กล้อง Motion Eye

 

เซนเซอร์กล้องตัวใหม่ที่โซนี่นำมาใช้บน Xperia XZ Premium (และ Xperia XZs) มีชื่อเท่ๆ ว่า Motion Eye โดยถือเป็นก้าวใหม่ที่น่าสนใจของโซนี่ หลังจากใช้งานเซนเซอร์ IMX-300 มาบนเรือธงนานถึง 2 ปี นับจากกลุ่ม Xperia Z5 มาถึงตระกูล Xperia X และเรือธงปลายปีก่อนอย่าง Xperia XZ โดยเซนเซอร์ Motion Eye ตัวนี้ โซนี่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าทางโซนี่ได้จับเอาทีมกล้อง Alpha และ Cyber-shot มาช่วยดูเต็มที่ เพื่อให้ออกมาเป็นเซนเซอร์คุณภาพสูง และพัฒนาขึ้นจากตัวเก่าแน่ๆ ว่าแล้วก็ลองจับมาเทียบสเปคกันเลย

 

Motion EyeIMX-300
ความละเอียด19 MP23 MP (25 MP)
ขนาดเซนเซอร์1/2.3″1/2.3″
ขนาดพิกเซล1.22 μm1.08 μm

จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นว่าใน Motion Eye นั้นโซนี่เลือกที่จะลดความละเอียดลงเล็กน้อย เพื่อให้ได้ขนาดของพิกเซลที่มากขึ้น และจะส่งผลต่อการรับเสงเข้าสู้กล้อง ทำให้กล้องสามารถเก็บภาพในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้นกว่าเก่า แต่ความเจ๋งของ Motion Eye ไม่ใช่แค่เรื่องของขนาดพิกเซล เพราะในตัวเซนเซอร์นั้น โซนี่ได้ฝัง RAM ไว้ภายในเพื่อให้สามารถสำรองข้อมูลจากกล้องไว้ได้ ทำให้สามารถเก็บภาพถ่ายไว้ได้โดยยังไม่จำเป็นต้องเขียนลงบนหน่วยความจำในเครื่องทันที และโซนี่ได้นำความสามารถของเซนเซอร์ไปประยุกต์ต่อได้เป็นเทคโนโลยีการถ่ายวิดีโอ Super slow motion, Anti-distortion shutter และ Predictive Capture ตามที่จะกล่าวต่อไปนี้ครับ

ภาพตัวอย่างจาก Xperia ที่ Sony นำมาโฆษณา

 

2. ถ่ายวิดีโอแบบ Super slow motion 960 fps

 

Xperia XZ Premium มาพร้อมกับฟีเจอร์ในการถ่ายภาพวิดีโอแบบ Slow motion แต่ไม่ใช่ Slow แบบดั้งเดิมที่เราคุ้นเคย เพราะด้วยประสิทธิภาพของเซนเซอร์ Motion Eye ทำให้สามารถเก็บภาพมาเป็นวิดีโอได้อย่างรวดเร็วที่ความถี่ 960 ภาพต่อวินาที หรือ 960 frame per second นั่นเอง แล้วเมื่อนำวิดีโอที่ได้มาเล่นที่อัตราเฟรมปกติ (24 fps) ก็จะได้ภาพที่ช้ากว่าปกติถึง 40 เท่า หรือถ้าเทียบกับมือถือในตลาดแล้ว วิดีโอที่ถ่ายจาก Xperia XZ Premium ก็ยังช้ากว่าถึง 4 เท่า ถือว่าเป็นนวัตกรรมกล้องมือถือล่าสุดที่โซนี่ได้นำมาเสนอเลยทีเดียว แต่บอกไว้นิดนึงว่าโหมดนี้ถ่ายได้แค่ที่ความละเอียด HD 1280 x 720 เท่านั้นนะครับ

Play video

อันนี้คลิปจากที่ทาง Droidsans ไปลองดูกันถึงที่

 

3. Anti-distortion shutter

 

โซนี่บอกว่าเซนเซอร์ Motion Eye นั้นมีความเร็วในการรับข้อมูลอ่านเข้ามาสูงกว่าเซนเซอร์รุ่นก่อนๆ ถึง 5 เท่า จากการใช้ประโยชน์ของ RAM ที่ฝังอยู่ภายในตัวเซนเซอร์ ด้วยความรวดเร็วระดับนี้ ทำให้เซนเซอร์ Motion Eye สามารถเก็บภาพเก็บภาพได้เร็วขึ้นมาก แม้ว่าจะเป็นภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก็ไม่เปิดปัญหา Rolling Shutter ในลักษณะที่ภาพออกมาเห็นวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่บิดๆ เบี้ยวๆ เอียงๆ (distort) หรืออาจจะพูดได้อีกอย่างว่า แม้จะถ้าวัตถุที่เคลื่อนไหวอยู่ ก็จะได้ภาพชัดเหมือนภาพนิ่งนั่นเอง

 

4. Predictive Capture

 

ในปีก่อนโซนี่ได้นำเสนอสิ่งที่เรียกว่า Predictive Hybrid Autofocus ที่นำเรื่องการทำ Object-tracking มาพัฒนาให้กล้องสามารถตามโฟกัสวัตถุที่เคลื่อนไหวไปมา โดยจำตากสภาพรูปร่างได้ แต่ก็เหมือนจะยังใช้งานได้ไม่เจ๋งนัก มาปีนี้โซนี่จึงได้นับเสนอเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า Predictive Capture ที่นำความสามารถของเซนเซอร์ใหม่ทั้งการมี RAM ในตัว, ความรวดเร็วในการอ่านภาพ และใช้การประมวลผลภาพเข้ามาร่วมกัน

เมื่อกล้องตรวจพบว่าข้อมูลภาพที่เข้ามามีความเคลื่อนไหว กล้องจะเก็บภาพล่วงหน้าก่อนเรากดชัตเตอร์ไว้ 4 ภาพ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดจังหวะที่ต้องการ โดย 4 ภาพนั้นจะถ่ายให้ก่อนแล้วเก็บไว้ใน RAM บนเซนเซอร์ ก่อนที่จะให้เราเลือกภาพที่ถูกใจที่สุดมาบันทึกจริงๆ อีกทีนึง การทำงานในส่วนนี้จะสามารถบันทึกภาพได้เต็มความละเอียดสูงสุด และไม่จำเป็นต้องเปิดปิด เพราะโซนี่บอกว่าระบบของกล้องจะสามารถเลือกจังหวะที่ใช้ Predictive Capture ได้อย่างชาญฉลาด

 

5. ระบบกันสั่น EIS แบบ 5 แกน

 

Play video

ระบบกันสั่นตอนถ่ายวิดีโอของ Xperia XZ นั้นถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่หาคนเทียบได้ยาก …ถ้าเราไม่นับ Google Pixel เพราะใน Xperia XZ นั้นมี SteadyShot แบบใหม่ที่โซนี่เรียกว่า Intelligent Active ที่สามารถกันอาการสั่นได้ 3 แกน (X, Y, Z/Roll) ด้วยการประมวลผลของซอฟต์แวร์ และเมื่อกล้องตรวจพบว่ากำลังถ่ายวิดีโอใกล้กับวัตถุ เป็นโหมด Macro ระบบจะปรับให้การกันสั่นดียิ่งขึ้นเป็นแบบ 5 แกน (X, Y, Z/Roll, Pitch, Yaw) ซึ่งก็มีหลายคนแอบเสียดายที่ใช้งานกันสั่น 5 แกนได้เฉพาะบางจังหวะเท่านั้น

แต่ใน Xperia XZ Premium นั้น โซนี่ระบุว่าสมารถใช้งานกันสั่นในรูปแบบ 5 แกนได้แบบเต็มๆ ไม่มีเจาะจงว่าต้องเป็นโหมด Macro เท่านั้น แต่ยังจำกัดอยู่ที่ความละเอียด Full-HD 1080p @ 30fps อยู่นะครับ และแน่นอนว่าใช้ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าเลย ส่วนสำหรับการบันทึกวิดีโอแบบ 4K นั้นยังไม่ทราบว่ามีการพัฒนากันสั่นขึ้นแค่ไหน อาจจะต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมอีกทีครับ

 

6. จอแสดงผลระดับ 4K HDR

 

เมื่อ 2 ปีก่อน โซนี่ได้เปิดตัวมือถือจอ 4K เครื่องแรกของโลก นั่นก็คือ Xperia Z5 Premium และ Xperia XZ Premium ที่เป็นรุ่นสืบทอดนั้นก็สามารถทำสถิติเป็นมือถือจอ 4K HDR เครื่องแรกของโลกเช่นกัน โดยในส่วนของ HDR ที่เพิ่มมานั้นก็คือการแสดงภาพแบบ High Dynamic Range ที่รายละเอียดของส่วนสว่าง-มืดในภาพจะมีรายละเอียดมากขึ้น จุดสว่าง สว่างได้มากขึ้นและไม่รบกวนกับจุดมืดในหน้าจอ และจะมีคอนทราสท์ที่จัดขึ้นทำให้รายละเอียดสียังคงสดอยู่ ไม่ซีดหรือเพี้ยนไปตามความสว่าง โดยจะเห็นได้ชัดเมื่อเปิดเนื้อหาวิดีโอที่เป็นวิดีโอ HDR ซึ่งโซนี่ก็ได้จับมือกับ Amazon Prime เพื่อโฆษณาบริการรับชมหนังและซีรีส์ที่เป็นแบบ HDR ว่าเข้ากันได้กับ Xperia XZ Premium ส่วนการดูภาพหรือวิดีโอทั่วไปก็หน้าจอนี้ก็จะปรับให้ได้ใกล้เคียงกับภาพแบบ HDR เช่นกัน

โซนี่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าหน้าจอ 4K HDR มีสเปคของ HDR เป็นเช่นไร แต่เท่าที่ผมค้นมาเพิ่มก็ทราบว่าน่าจะเป็นแบบที่อ้างอิงจาก HDR10 ที่รองรับการแสดงผลวิดีโอที่เข้ารหัสแบบ 10-bit ซึ่งจะต่างกับ DolbyVision ที่รองรับการแสดงผลวิดีโอที่เข้ารหัสได้สูงถึง 12-bit

 

7. ขุมพลัง Snapdragon 835 และการเชื่อมต่อไร้สายระดับ Gigabit

 

Xperia XZ Premium นั้นเป็นมือถือเครื่องแรกที่เปิดตัวมาพร้อมกับชิป Qualcomm Snapdragon 835 (MSM8998) ชิประดับทอปของปี 2017 นี้ ตัวชิปใหม่นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นจาก Snapdragon 820/821 พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถาปัตยกรรมที่ลดขนาดลงมาเหลือ 10 นาโนเมตร, จำนวนคอร์ที่เพิ่มมาเป็น 10 คอร์, ความถี่สัญญาณนาฬิกาที่เพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีกว่าเก่า แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของการรับสัญญาณ LTE ที่ทาง Qualcomm มาร่วมงานเปิดตัวโซนี่ และพูดว่า Xperia XZ Premium เป็นมือถือที่มีการเชื่อมต่อ LTE ที่มีความเร็วระดับ Gigabit (กิกะบิต) รองรับการดาวน์โหลดได้เร็วสุด 1 Gbps ด้วยความสามารถของโมเด็ม X16 LTE ใน Snapdragon 835 และความเร็วในการอัพโหลดสูงสุด 150 Mbps

อาจจะมีคนสงสัยว่าความเร็วระดับ 1 Gbps นี่มันจะมีให้ใช้จริงๆ หรอ? มีได้จริงครับ แต่อาจจะเป็นลีลาที่ทางผู้ให้บริการเครือข่ายต้องทำกันให้ออกมาจนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำ Carrier Aggregation (CA) หรือเป็นเรื่อของการทำ MU-MIMO เพื่อกระจายการส่งสัญญาณให้ได้ทั่วถึงกันมากขึ้น ซึ่งชิป Snapdragon 835 มีความสามารถในการรับได้มากถึง 4CA หรือทำเป็น MIMO ได้ถึง 4×4 MIMO นั่นเอง แต่สำหรับ Xperia XZ Premium นั้น เราอาจจะต้องดูกันอีกที่ว่ามีข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์เครื่อง ในส่วนของเสาสัญญาณอะไรรึเปล่า เพราะน้อยเครื่องนักจะยัดเสาเข้ามาเยอะๆ ครับ

 

8. ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น IP65/68, ปกป้องด้วย Gorilla Glass 5

 

แม้ว่า ณ เวลานี้ มือถือกันน้ำอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แล้ว แต่จุดเด่นที่โซนี่ยังดูเหนือกว่าก็คือการมีค่า IP คู่กันมาตลอดทั้ง IP65 และ IP68 เพื่อนๆ ก็คงเห็นว่ามันมี 2 ตัว แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ สำหรับส่วนของ IP68 นี่น่าจะคุ้นเคยกันดีละ เพราะทั้ง Galayxy S7/S7 Edge หรือ LG G6 ก็ได้การรับรองหมดแล้ว มันคือเรื่องของการจมน้ำได้เกิน 1 เมตร ตามความลึกและระยะเวลาตามที่ทดสอบมาในแล็บนั่นเอง

แล้ว IP65 คืออะไร อาจจะต้องอธิบายนิดนึงว่าเลข 6 ใน IP65 หรือ IP68 นั้น ไม่เกี่ยวกับการกันน้ำ แต่เป็นค่าระดับการป้องกันของแข็งหรือฝุ่นผง จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องน้ำ เราไม่จำเป็นต้องสนใจก็ได้ เพราะเหมือนๆ กันหมดแล้ว ส่วนเลข 5 ใน IP65 นั้นจะเป็นเรื่องของการกันน้ำ แต่จะไม่ใช่การจมน้ำ แต่เป็นเรื่องของการป้องกันน้ำแรงดันสูงฉีดใส่นั่นเอง ที่ระดับ 5 นั้น มีการระบุสเปคไว้คือ

สามารถป้องกันน้ำจากหัวฉีดน้ำขนาด 6.3 มิลลิเมตรได้รอบทิศทางได้โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ ทดสอบโดยการฉีดน้ำลงไปบนอุปกรณ์รอบทิศทาง 15 นาที ในปริมาณน้ำ 12.5 ลิตรต่อนาทีด้วยแรงดันน้ำ 30 กิโลปาสคาลที่ระยะห่าง 3 เมตร

สำหรับใครที่สนใจว่าเลขแต่ละตัวในค่า IP นั้นมีอะไรอีกบ้าง ระดับไหนต่างกันอย่างไรก็สามารถอ่านเพิ่มได้บนบล็อกที่เราเคยเขียนไว้ครับ

อีกเรื่องที่เป็นเรื่องของความถึกทนของเครื่องก็คือ โซนี่ได้เลือกนำกระจก Gorilla Glass 5 มาปกป้องเครื่องไว้ทั้งหน้าและหลังเครื่อง Xperia XZ Premium เลยทีเดียว โดยเจ้า Gorilla Glass 5 นั้นได้ชื่อในเรื่องความเหนียวทนที่อัพเกรดขึ้นจากรุ่นเ่ก่าเป็นอย่างมาก โดยได้ชูจุดเด่นของตัวเองคือการปกป้องจอมือถือที่ตกไม่ให้แตกได้สำเร็จถึง 80% แต่ก็ยังน่าสนใจว่ารอยขีดข่วนขนแมวจะยังตามมามั้ยนะ ใครสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่ข่าวเปิดตัว Gorilla Glass 5 ได้เลย

 

9. พ้นยุค eMMC สู่หน่วยความจำ UFS 2.1 ที่เร็วขึ้น 3 เท่า

 

ใครที่คุ้นเคยกับมือถือจากโซนี่จะทราบดีว่าหน่วยความจำภายในเครื่องของ Xperia แต่ละตัวก่อนหน้านี้ (รวมถึงใน Xperia XZs ก็ด้วยแหละ) โซนี่เลือกใช้เป็นหน่วยความจำแบบ eMMC มานานมาก ทั้งที่มีความเร็วในการเขียนอ่านช้ากว่าแบบ UFS ราวๆ 3 เท่าตัว (eMMC 5.1 เทียบกับ UFS 2.0) ในขณะที่แบรนด์มือถืออื่นๆ อย่างซัมซุงที่เป็นหนึ่งในผู้พัฒนา UFS ก็นำ UFS 2.0 ไปใช้ อย่างเช่น ใน Galaxy S7/S7 Edge, Galaxy Note7 และอย่างใน Huawei Mate 9 ก็ใช้เป็นหน่วยความจำ UFS 2.1

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ที่โซนี่หันมาใช้หน่วยความจำแบบ UFS อาจจะเป็นเรื่องความร่วมมือกับทาง Qualcomm ที่ได้นำเสนอว่า Snapdragon 835 นั้นรองรับ UFS 2.1 แล้วก็เป็นได้ครับ (จริงๆ โซนี่ก็ยังไม่ได้บอกว่า Xperia XZ Premium ใช้ UFS เวอร์ชันไหน แต่คาดว่าเป็น UFS 2.1 ครับ)

 

10. RAM 4 GB

 

ถือเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Xperia ครับ เพราะในที่สุดโซนี่ก็ใส่ RAM มาให้มากถึง 4GB แล้วครับ ซึ่งได้กันทั้ง Xperia XZ Premium และ Xperia XZs เลยครับ เป็นข่าวดีจริงๆ สำหรับเหล่าสาวกอารยธรรม

 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ 10 จุดเด่นของ Xperia XZ Premium จริงอยู่ว่าบางอย่างอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แล้วสำหรับมือถือ แต่ก็ถือเป็นของใหม่ที่อัพเกรดขึ้นมาสำหรับตระกูล Xperia ด้วยกัน และจาก 10 ข้อนี้ก็เชื่อว่า Xperia XZ Premium น่าจะเป็นมือถือที่จัดเต็มที่สุดรุ่นนึงของโซนี่เลยก็ว่าได้ (อาจจะจัดเต็มราคาด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน -_- ) ส่วนวันวางขายก็ยังเหมือนเดิมครับ คือเป็นกำหนดคร่าวๆ ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ หรือก็คือเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน คิดซะว่ายังมีเวลาเก็บเงินสำหรับคนที่สนใจละกัน และถ้าวางขายแล้ว ทางเราก็จะหามาทดสอบ มาลองเล่นหลายๆ อย่าง และรีวิวให้ชมกันครับ 🙂