Xperia XZ Premium ถือเป็นมือถือรุ่นหนึ่งที่โซนี่จัดเต็มมากหลังจากที่กระแสตอบรับมือถือจากโซนี่ดูเงียบเหงาไปนาน แน่นอนว่าการที่ได้รับความสนใจค่อนข้างมากก็ทำให้มีคำถามจากผู้สนใจไม่น้อยทีเดียวในเรื่องของสเปคและฟีเจอร์ต่างๆ โดยเฉพาะที่คนสงสัยกันเป็นพิเศษก็คือเรื่องของวัสดุตัวเครื่องว่าทำมาจากอะไร แล้วก็อีกฟีเจอร์ที่โซนี่เปิดตัวมาได้พิเศษกว่าแบรนด์อื่นก็คือหน้าจอ 4K HDR ที่พัฒนาต่อจากรุ่นเก่า ก็เป็นฟีเจอร์ที่คนให้ความสนใจค่อนข้างมากว่าเป็นเช่นไร ทาง Droidsans จึงรวบรวมคำอธิบายมาให้อ่านในบล็อกนี้ครับ

วัสดุตัวเครื่อง

 

เป็นข้อสงสัยที่มีคนถามมากันค่อนข้างมากครับว่าตัว Xperia XZ Premium นั้นทำมาจากวัสดุอะไร เพราะในยุคนี้บางเจ้าก็เลือกที่จะทำเฟรมเครื่องเป็นโลหะล้วนและผู้ใช้งานบางส่วนก็ชื่นชอบกับความทนทานของมัน เราก็เลยได้ไปสืบข้อมูลมาเพื่อนำมาตอบคำถามนี้มา

ภายนอกของตัวเครื่อง Xperia XZ Premium ในส่วนที่เราจับสัมผัสได้นั้นจะมีวัสดุแบ่งออกเป็น 3 อย่างครับ โดยหน้าจอและด้านหลังเครื่องนั้นจะเป็นกระจก Gorilla Glass 5 ทั้งคู่ ที่เสริมความแข็งแกร่งและความทนทานให้กับเครื่อง สำหรับขอบข้างเครื่องที่เป็นตำแหน่งของถาด SIM หรือปุ่มต่างๆ นั้นจะเป็นไนลอน1หรือ Polyamide ที่เป็นวัสดถคล้ายๆ ไฟเบอร์กลาสที่มีความแข็งแรงและทนทาน ไม่บิดงอแบบโลหะ และขอบบนล่างนั้นจะใช้เป็นโลหะที่มีการขัดลาย และทำ Diamond cut ที่ขอบเพื่อเพิ่มความเงางามอีกด้วย

โซนี่ให้เหตุผล2ในการเลือกวัสดุว่า ทางโซนี่มีนิยามความพรีเมียมของตนเองอยู่ และการจะเลือกวัสดุมาใช้นั้นไม่ใช่ว่าทำตามเทรนด์ที่คู่แข่งทำกัน เพราะโซนี่ก็มีความภาคภูมิใจในแนวทางการออกแบบของตนเอง การออกแบบนั้นต้องใส่ใจในเลือกภาพลักษณ์และสัมผัสที่เป็นความประทับใจครั้งแรกที่ผู้ใช้มองเห็นจากตัวเครื่อง วัสดุแต่ละชนิดมีทั้งข้อดีและข้อด้อยของมัน

สำหรับวัสดุภายนอกเครื่องนั้นนอกจากจะต้องทนทานต้องผ่านการทดสอบการขีดข่วนและการทำตกแล้ว ยังต้องคำนึงถึงการระบายความร้อนและต้องยอมให้สัญญาณโทรศัพท์ผ่านได้ น้ำหนักของเครื่องก็สำคัญเช่นกัน รวมถึงปัจจัยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็เช่นกัน (อ่านเพิ่ม: โซนี่ลดปริมาณมือถือไม่ให้กลายเป็นขยะฝังกลบได้ถึง 1.5 ล้านเครื่องในปี 2016 )

 

ความละเอียดจอระดับ 4K

 

เมื่อตอน Xperia Z5 Premium นั้นทางโซนี่เลือกที่จะแสดงผลภาพแบบ 4K แค่เฉพาะบางแอปเท่านั้น ในส่วนของ Interface ของตัว Android เองและแอปอื่นๆ จะแสดงผลอยู่ที่ Full-HD เท่านั้น แต่พอมาเป็นของ Xperia XZ Premium ทางโซนี่ได้ปรับแต่งการแสดงผลเพิ่มขึ้น ทำให้การแสดงผลบนหน้าจอนั้นเป็นการ upscale เป็น 4K ในทุกการใช้งาน เพียงแต่มีฟังก์ชันควบคุมการแสดงผลอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ Pixel Doubler และ Pixel Complement

Pixel Doubler นั้นเป็นการทำงานของแผงจอ LCD โดยจะปรับสัญญาณภาพดิจิตัลที่รับเข้ามาให้กลายเป็น 4K โดยอัตโนมัติ โดยการเสริมสีให้กับพิกเซลขึ้น 4 เท่า (แนวตั้ง 2 เท่า และแนวนอน 2 เท่า) เป็นการ Upscale แบบธรรมดาๆ ครับ เพียงแต่วิธีนี้มีประโยชน์คือโซนี่ทำวงจรไว้บนตัวจอที่ใช้บน Xperia XZ Premium ทำให้สัญญาณภาพที่ส่งไปยังจอวิ่งผ่านวงจรก็แปลงให้เลย ไม่ต้องอาศัยการประมวลผลของ CPU เพิ่มเติม ทำให้ประหยัดแบตได้มากกว่าการ Upscale ของ Xperia Z5 Premium

Pixel Complement เป็นกระบวนการที่ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (MDP: Multimedia Display Processor) เข้ามาช่วย เพื่อคำนวณการแต่งเติมพิกเซลสำหรับการ upscale ขึ้นไปให้คล้ายกับว่าเป็นเนื้อหา 4K จริงๆ โดยการเลือกเติมจุดพิกเซลเป็นสีที่ผ่านการคำนวณที่ซับซ้อน

ทางโซนี่ก็ได้อธิบายด้วยว่าการแสดงผลไหนใช้งานการ upscale แบบไหนออกมาด้วยครับ แบ่งออกเป็นดังนี้เลย

  • System UI หรือหน้าของ Android เอง : ทางโซนี่ใช้ Pixel Doubler จากความละเอียด Full-HD 1080 x 1920 ขึ้นมาเป็น 4K 2160 x 3840 ครับ
  • Album : แอปดูภาพของโซนี่ ตัวนี้จะใช้งาน Pixel Complement สำหรับภาพที่ความละเอียดต่ำกว่า 4K ครับ ทำให้ภาพยังดูคมบนจอ 4K ได้
  • Movie : แอปดูวิดีโอของโซนี่ก็ทำงานในลักษณะเดียวกันกับ Album ครับ คือเป็นการทำ Pixel Complement กับการแสดงผลวิดีโอให้ Upscale ไฟล์ที่ความละเอียดไม่ถึง 4K ขึ้นมาคมชัดคล้าย 4K
  • Amazon Prime Video, YouTube, Netflix และแอปดูวิดีโออื่นๆ ก็จะใช้การ Upscale แบบ Pixel Complement เช่นกัน ทำให้ได้ภาพที่คมชัด โดยสำหรับ Amazon Prime Video และ YouTube นั้นจะรองรับการสตรีมวิดีโอ 4K สำหรับ Xperia XZ Premium ด้วย
  • Game และแอปอื่นๆ : ถ้าเนื้อหา เช่น ภาพ, วิดีโอ, texture ภายในเกมรองรับ 4K ก็สามารถแสดงผลได้เต็มความละเอียด แต่ถ้ามีความละเอียดต่ำกว่า Xperia XZ Premium จะ Upscale ด้วย Pixel Doubler ครับ

 

ช่วงสีและความสว่างที่เพิ่มขึ้นจากหน้าจอ HDR

 

นอกจากแผงจอของ Xperia XZ Premium จะมีความละเอียดสูงแล้ว ยังรองรับการแสดงผลแบบภาพแบบ HDR หรือ High Dynamic Range ที่ทำให้ภาพที่ได้จากหน้าจอใหม่นี้มีทั้งช่วงสีที่กว้างขึ้นกว่าเก่า และมีความสว่างสูงขึ้นอีกด้วย โซนี่เคลมว่าเป็นการยกเทคโนโลยีของ Bravia มาใส่ไว้ในมือถือเลยทีเดียว

 

ช่วงสีที่กว้างขึ้นมาเป็น 138% sRGB

 

โซนี่ได้ปรับปรุงหน้าจอ TRILUMINOS บนมือถือให้สามารถแสดงผลสีในช่วงสีที่กว้างขึ้นกว่าเก่า และกว้างกว่ามาตรฐาน sRGB อีกด้วย ส่งผลให้หน้าจอมีความสดของสีสูงกว่าเดิมมาก แต่โซนี่ก็ไม่ได้ล็อกโหมดสีไว้แค่แบบเดียว เพราะเปิดให้สามารถตั้งค่าปรับได้ตามความชอบด้วย โดยมีตัวเลือกที่เป็น Preset มาให้คือ

  1. Professional mode ที่จะปรับลดให้แสดงผลเท่ากับ 100% sRGB สำหรับคนที่ต้องการความแม่นยำของสี
  2. Standard mode ที่เป็นค่าเริ่มต้นของเครื่องที่ใช้งานจอ TRILUMINOS อย่างเต็มที่ ทำให้ได้สีสดและสว่างกว่า Professional mode
  3. Vivid mode ที่จะเร่งสีให้สดขึ้นไปอีก สำหรับคนที่ต้องการสีสดๆ สะใจ หรือสำหรับเวลาดูหนัง

สำหรับใน Xperia XZ Premium นั้นการเลือกโหมดสีนั้นจะมีผลต่อ System UI และแอปต่างๆ ทั้งหมดด้วย ซึ่งเป็นผลจากการที่โซนี่ได้ร่วมกับ Qualcomm เพื่อใช้ความสามารถของ Snapdragon 835 ออกมาได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้แล้วก็ยังสามารถเลือกปรับ White Balance ของจอเพิ่มเติมได้อีกด้วย โดยการปรับค่า White Balance นั้นจะไปผูกเข้ากับ Colour mode ที่เราเลือกไว้ด้วย เช่น ตั้งเป็น Professional mode แล้วปรับสีแดงขึ้น ถ้าเราสลับโหมดแล้วกลับมาใช้ Professional mode ค่า White Balance สีแดงที่เราเคยปรับไปก็ยังจำเอาไว้ให้ด้วย ไม่ถูกรีเซ็ทไปตอนสลับนั่นเอง

 

ความสว่างของหน้าจอที่มากกว่าเดิม

 

หน้าจอของ Xperia XZ Premium นั้นมีความสว่างเพิ่มขึ้นจากเดิมด้วย ทางโซนี่ระบุว่าเมื่อเทียบกับ Xperia Z5 Premium แล้ว หน้าจอแบบใหม่สว่างขึ้นถึง 40% เมื่อรวมเรื่องความสว่างที่สามารถทำได้กับช่วงสีที่แสดงผลได้ ทำให้มือถือพรีเมียมของโซนี่ตัวนี้กลายเป็นมือถือจอ HDR นั่นเอง และการแสดงผล HDR ของ Xperia XZ Premium นั้นยังมาพร้อมกับการควบคุมแสง Backligth และสีบนหน้าจอที่ทำงานควบคู่กันอีกด้วย เรียกว่า Adaptive tone/Backligth mapping

การทำงานของ Adaptive tone/Backlight mapping คือการปรับแสงหน้าจอที่คำนึงถึงสภาพแสงภายนอก และอุณหภูมิสี ณ ขณะนั้น เช่น แดดจ้าตอนกลางวัน แสงยามเย็น หรือสภาพมืดยามค่ำ เพื่อการปรับแสงหน้าจอให้สว่างขึ้นหรือลดลง พร้อมกับคงรายละเอียดสีสันให้ยังชัดเจนในสภาพแสงนั้นๆ เพื่อให้ผู้ใช้เห็นรายละเอียดของเนื้อหาบนจอได้อย่างครบถ้วน โซนี่บอกว่าเทคโนโลยีนี้เป็นความร่วมมือของโซนี่และ Qualcomm ที่ทำงานร่วมกัน

สำหรับการรับชมเนื้อหาแบบ HDR ของ Xperia XZ Premium นั้นจะรองรับสามารถเล่นไฟล์มาตรฐาน HDR ได้อยู่ 2 รูปแบบคือ HDR10 และ HLG (Hybrid Log Gamma) ซึ่งผมก็สงสัยว่าการรองรับ HDR ของ Xperia XZ Premium นั้นใช้ Panel ของจอที่รองรับการแสดงผลสีแบบ 10 bit (bit depth) จริงหรือเปล่า ก็เลยไปค้นเจอข้อมูลบนเว็บไซต์ Phone Arena ที่ได้สอบถามทางโซนี่ไปก็พบว่า Xperia XZ Premium นั้นยังใช้งาน Panel แผงจอแบบ 8 bit อยู่ครับ และเมื่อเล่นวิดีโอที่เป็น 10 bit ก็จะทำการ Mapping โทนสีลงมาในขอบเขตของ 8 bit อย่างไรก็ตาม ด้วยความสว่างและขอบเขตสีที่กว้างขึ้นของจอ ก็ยังถือว่าเป็นการแสดงผลแบบ HDR อยู่ครับ เพียงแต่อาจจะไม่ถึงมาตรฐาน Mobile HDR Premium เหมือนที่ Galaxy S8/S8+ ได้รับการรองรับ

มาตรฐาน Mobile HDR Premium นั้นต้องการสเปคของแผงจอที่เป็นแบบ 10 bit ด้วย จึงคาดว่า Galaxy S8/S8+ นั้นจะใช้จอแบบ 10 bit แท้ครับ (ที่บอกว่า “คาดว่า” เพราะผมยังหาข้อมูลสเปคจากทางซัมซุงไม่เจอ แต่ถ้าเป็นตามมาตรฐานก็ควรจะใช่)

 


 

เชื่อว่าอ่านมาถึงตรงนี้ก็น่าจะมีคนที่สนใจ Xperia XZ Premium ไม่น้อยแล้วใช่มั้ยครับ แต่ว่านอกจากสเปคเครื่องและฟีเจอร์แล้ว แน่นอนว่าถ้าใครจะเลือกซื้อก็ควรจะลองอ่านประสบการณ์การใช้งานจริงด้วย ซึ่งทางคุณพัด Octopatr ก็ได้ลองใช้งานกันมาสักพักนึงแล้วและก็ได้เขียนรีวิวขึ้นไปแล้วด้วย ก็สามารถอ่านได้ที่นี่เลย

ตอนนี้ Xperia XZ Premium เริ่มเปิดจองแล้วด้วยนะครับ สามารถจองกับทางโซนี่สโตร์และตัวแทนจำหน่ายได้จนถึงวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ส่วนร้านออนไลน์ของโซนี่ระบุว่าได้ถึง 26 มิถุนายนนี้ และสามารถรับเครื่องได้ในวันที่ 28 มิถุนายน พร้อมของแถมพิเศษสำหรับคนจอง ส่วนใครที่ไม่ได้จองก็สามารถรอซื้อที่หน้าร้านได้ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน เป็นต้นไปครับ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ข่าวเปิดตัวครับ

 

 

อ้างอิง: ePrice, Marco Kao (แปลไทยโดย SE-Update)