ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา YouTube แพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังได้เปิดตัวฟีเจอร์ Likeness Detection Tool เครื่องมือช่วยตรวจจับ และให้ครีเอเตอร์สามารถยื่นคำร้องต่อแพลตฟอร์มเพื่อทำการลบวิดีโอที่ใช้เทคโนโลยี Deepfake ในการสร้างวิดีโอโดยไม่ได้รับอนุญาต
ในยุคที่ AI เริ่มแพร่หลาย เราคงเห็นกันจนชินตากับการนำ AI ไปใช้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ดี และหนึ่งในเทคโนโลยีอย่าง Deepfake ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่ากังวลพอสมควร จนทำให้ทาง YouTube จับมือร่วมกับ CAA (Creative Artists Agency) ในการนำบุคคลผู้มีชื่อเสียงหลายๆ คนมาร่วมทดสอบฟีเจอร์ Likeness Detection Tool เพื่อช่วยให้สามารถระบุและจัดการกับวิดีโอ Deepfake ที่ใช้หน้าตาของคนมือชื่อเสียงเหล่านั้นให้หายไปจากแพลตฟอร์มได้
ล่าสุดหลังจากการทดสอบที่ยาวนานได้สิ้นสุดลง YouTube ก็เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ตรวจจับวิดีโอ Deepfake ดังกล่าวให้สามารถใช้งานได้แล้ว โดยจะเปิดให้ใช้งานก่อนสำหรับกลุ่มครีเอเตอร์กว่า 5,000 คน ในช่วงเริ่มต้น และมีแผนที่จะขยายให้เข้าถึงครีเอเตอร์ทั่วโลกที่มากขึ้นกว่าเดิม ภายในเดือนมกราคม 2026
วิธีการทำงานของฟีเจอร์ดังกล่าวคือการให้ AI ทำการคัดกรองวิดีโอที่ใช้เทคโนโลยี Deepfake ของใบหน้าครีเอเตอร์ปรากฎอยู่ จากนั้นครีเอเตอร์จะมีสิทธิ์ยื่นคำร้องได้สามกรณีหากวิดีโอที่ว่าอาจส่งผลกระทบในทางที่ไม่ดีหรือถูกแอบอ้างโดยไม่ได้ขออนุญาต โดยมีตัวเลือกคร่าวๆ ดังนี้
- ยื่นคำขอให้ลบวิดีโอดังกล่าว
- ยื่นเคลมลิขสิทธิ์วิดีโอดังกล่าว
- จัดเก็บวิดีโอดังกล่าวถาวร
สำหรับวิธีการใช้งานไปจนถึงกระบวนการทำงานเพิ่มเติมของฟีเจอร์ Likeness Detection Tool สามารถรับชมผ่านวิดีโอที่ได้อัปโหลดเอาไว้เมื่อวันอังคารบนช่อง Creator Insider

Comment