เปิดตัวและเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับ Zenfone Max Plus มือถือราคาประหยัดแค่ 6,990 บาท แต่มาพร้อมสเปคพิมพ์นิยมของมือถือในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลังคู่, หน้าจอยาวอัตราส่วน 18:9 และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4130 mAh  ที่สามารถใช้งานทั่วไปได้ถึง 2 วันเลยทีเดียว

มาดูกันที่ส่วนสำคัญที่สุดของการเลือกซื้อมือถือแต่ละรุ่นกันก่อนเลย…ก็คือสเปคนั่นเอง ว่าเจ้า Zenfone Max Plus ที่มีราคาค่าตัวจิ๊บๆ แค่ 6,990 บาท เนี่ย เราจะได้มือถือสเปคขนาดไหนนะ

  • หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ความละเอียด HD+ (720×1440)
  • CPU : MediaTek MT6750V octa-core
  • GPU : Mali-T860
  • RAM : 4GB
  • ความจุ : 32GB รองรับ MicroSD ถึง 256GB
  • กล้องหลังคู่ : 16MP + 8MP (Wide)
  • กล้องหน้า : 16MP
  • การเชื่อมต่อ : 4G (VoLTE), Wi-Fi 802.11 b/g/n, Wi-Fi Direct, hotspot, microUSB 2.0
  • มีระบบสแกนลายนิ้วมือ (ด้านหลัง) + สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค
  • เซ็นเซอร์ : accelerometer, gyro, proximity, compass
  • วิทยุ FM
  • แบตเตอรี่ : 4130 mAh รองรับ Fast Charge 5V / 2A
  • Reverse Charging สามารถชาร์จแบตให้มือถือเครื่องอื่นได้
  • ระบบ Android 7.0 Nougat + Zen UI 4.0
  • สีที่วางจำหน่าย ดำ, ทอง, เงิน
  • ราคาเปิดตัว 6,990 บาท

 

ดีไซน์ของตัวเครื่อง

Zenfone Max Plus มีหน้าจอยาวอัตราส่วน 18:9 ตามสมัยนิยม ทำให้ต้องเอาเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไปไว้ข้างหลัง

ด้านหลังเครื่องมีกล้องคู่แนวนอนอยู่ทางมุมซ้ายบน ถัดมาทางขวาเป็นแฟลช LED 1 ดวง ถัดลงมาด้านล่างเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือวงกลม

ด้านบนเครื่องมีไมค์ตัดเสียงและรูหูฟัง 3.5 มม.

ด้านขวามีปุ่ม Power และปุ่มปรับเสียง

ด้านซ้ายเครื่องเรียบๆ มีแค่ช่องใส่ถาด SIM และ MicroSD Card รวมอยู่ในถาดเดียวกัน

ด้านล่างเห็นตอนแรกหลงดีใจว่าให้ลำโพงคู่มาด้วย แต่สุดท้ายเป็นแค่ไมโครโฟนที่ทำช่องเอาไว้เหมือนกับลำโพงนั่นเอง (ปั้ดโถ่…) ส่วนช่อง USB ยังคงเป็น MicoUSB อยู่

 

อุปกรณ์ในกล่อง

ของที่มีให้มาในกล่องก็มีแบบครบๆ ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มกันเลย มีทั้งเคสยางใส, หูฟัง+จุกหูฟังขนาดต่างๆ, ตัวแปลง USB OTG, สาย USB และหม้อแปลง Fast Charge 5V / 2A

 

SOFTWARE และ UI

Zenfone Max Plus มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ครอบด้วย Zen UI 4.0 ที่ Asus พัฒนาขึ้นมาเอง ใครที่เคยใช้ Zenfone รุ่นก่อนๆ มาก็คงจะคุ้นเคยกันดี แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้ Zen UI 4.0 ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากมือถือ Android รุ่นอื่นเลย และยังคงมี App Drawer เอาไว้ให้ด้วย (เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเอาแอปทุกแอปมารวมไว้ที่หน้าจอ)

ระบบปลดล็อคเครื่องด้วยใบหน้า

Zenfone Max Plus ยังมีระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า Face Recognition โดยใช้กล้องเซลฟี่อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ปลอดภัยและแม่นยำเหมือนกับ Face ID ของ iPhone X ที่ใช้เซ็นเซอร์ 3 มิติ หรือ Iris Scanner ของ Note 8 ทำให้ต้องคอยระวังว่าคนที่มีใบหน้าคล้ายๆ เราอาจปลดล็อคเครื่องได้ แต่เท่าที่ทดลองก็พบว่ามันจำหน้าเราค่อนข้างดีเลยนะ เพราะลองเปลี่ยนทรงผม ใส่แว่น ใส่หมวก มันก็ยังจำหน้าเราได้อยู่

แต่ถ้าใครที่ต้องการความปลอดภัยสูง ก็แนะนำว่าให้ใช้เป็นรหัสผ่านหรือลายนิ้วมือเอาดีกว่า แล้วเลือกให้ใช้การสแกนใบหน้าเพื่อโชว์ Notification ต่างๆ เวลาดูหน้าจอก็พอ

 

Feature อื่นๆ ที่น่าสนใจ

Game Genie

Zenfone Max Plus ยังมีโหมดสำหรับการเล่นเกมชื่อว่า Game Genie อีกด้วย โดยในโหมดนี้เราสามารถเลือกปรับค่าต่างๆ ได้ ทั้ง

  • Speed Booster : เคลียร์แรม
  • Live & Record : สามารถเลือกที่จะถ่ายทอดสดการเล่นเกมผ่าน YouTube หรือ Twitch ได้ หรือว่าจะอัดวิดีโอตอนเล่นไว้ในหน่วยความจำเครื่องก็ได้
  • Macro : โหมดนี้จะบันทึกการแตะหรือลากหน้าจอเอาไว้ เพื่อเรียกใช้งานทีหลัง (งงมั้ย?) ตัวอย่างเช่น เราเริ่มกดบันทึก Macro จากนั้นแตะหน้าจอที่ปุ่มเดินหน้า > เลี้ยวขวา > เลี้ยวซ้าย > เดินหน้า > กดหยุดบันทึก Macro และเซฟไว้ หลังจากนั้นเมื่อเรากด Play Macro ที่เราเซฟเอาไว้ หน้าจอก็จะทัชปุ่มตามที่เราบันทึกเอาไว้ตอนแรกนั่นเอง
  • Search : เป็นโหมดสำหรับค้นหาวิดีโอใน YouTube หรือจะค้นหาข้อมูลในเว็บระหว่างเล่นเกมก็ได้

Game Genie สามารถเปิดใช้ได้บริเวณมุมขวาบนของจอ เวลาเข้าเกมต่างๆ

 

โหมด Live & Record

 

โหมดบันทึกการสัมผัสหน้าจอ

 

โหมด Search

 

Twin Apps

ฟีเจอร์แนวๆ Clone App แทบจะมีอยู่ในมือถือทุกรุ่นแล้วในยุคนี้ รวมถึง Zenfone Max Plus ด้วยเช่นกัน ซึ่งเท่าที่ลองแอปฮิตๆ อย่าง LINE, Whatsapp, Facebook, Messenger, IG สามารถใช้งานกับ Twin Apps ได้

 

Page Marker

ฟีเจอร์ดาวน์โหลดหน้าเว็บเอาไว้อ่านทีหลัง หากไม่ได้เชื่อมต่อกับเน็ต แถมยังสามารถไฮไลท์ข้อความที่ต้องการได้อีกด้วย

 

ประสิทธิภาพตัวเครื่องและการเล่นเกม

ผลการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานเครื่องด้วยแอพพลิเคชั่น Antutu กันบ้างครับ โดย Zenfone Max Plus มีผลการทดสอบออกมาตามนี้เลย

ส่วนการเล่นเกมสุดฮิตที่มีแต่คนถามทุกทีว่าเครื่องนี้ลื่นมั้ย เครื่องนั้นลื่นมั้ย อย่างเกม ROV หลังจากที่ทดสอบโดยการเปิดกราฟฟิคเต็มทุกอย่าง (ปรับเฟรมเรทสูงไม่ได้นะ) พบว่าหน่วงจนเล่นลำบากเลยทีเดียว ยิ่งตอนบวกๆ กัน 2-3 ตัว เฟรมเรทร่วงไปที่ 20 นิดๆ จนตานั้นแพ้ไปเลย (โทษเครื่องซะ) ขนาดเคลียร์ RAM แล้วด้วยนะ

เพราะงั้น ถ้าใครซื้อมาเพื่อเล่นเกมก็พยายามปรับกราฟฟิคซักระดับกลาง – ต่ำ ไปเลยดีกว่า ถ้าต้องการเล่นแบบลื่นๆ

 

ระบบเสียง

ระบบเสียงของ Zenfone Max Plus ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่เราสามารถตั้งค่า EQ ได้ใน Audio Wizard โดยแยกเป็นหัวข้อ Movie, Gaming, Music, Pure, Smart และ Vocal ซึ่งแต่ละหัวข้อเราก็ยังเข้าไปปรับ Bass ปรับ Treble หรืออื่นๆ ได้อีก สำหรับเลือกใช้ได้ง่ายๆ ส่วนหูฟังที่แถมมากับเครื่องนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นนัก คุณภาพหูฟังแถมทั่วๆ ไป

กล้องหลังคู่

มาถึงฟีเจอร์เด่นของ Zenfone Max Plus กันบ้าง กับกล้องหลังคู่ความละเอียด 16MP+8MP ที่มีโหมด Pro มาให้ด้วยนะ โดยในโหมด Pro เราสามารถปรับได้ทั้งหมด 5 ค่า ด้วยกัน

  • WB : ปรับได้ทั้ง Auto หรือปรับเองได้ตั้งแต่ 2750K จนถึง 6250K
  • EV : ปรับได้ -2 ถึง +2
  • ISO : ปรับได้ 100 – 1600
  • Speed Shutter : 1/1000s ถึง 10s
  • โหมดโฟกัสภาพ

 

ส่วนโหมด Auto ก็สามารถเลือกได้ 2 แบบคือเลนส์ปกติความละเอียด 16MP หรือจะเป็นเลนส์กว้าง 8MP โดยเลนส์กว้างแน่นอนว่าจะให้มุมมองที่กว้างขึ้น แต่จะเป็น Fixed Focus

มุมมองจากเลนส์ปกติ

 

มุมมองจากเลนส์กว้าง

 

คุณภาพโดยรวมของกล้องหลังถือว่า ใช้ได้ในสภาพแสงปกติ  แต่ถ้าแสงเริ่มน้อยจะเริ่มมี noise ที่โผล่ออกมาให้เห็นได้ค่อนข้างชัด และความคมความละเอียดของภาพที่หายไปเยอะอยู่เหมือนกัน ส่วนการถ่ายภาพโดยใช้เลนส์กว้างนั้น ถึงจะให้มุมมองที่กว้างกว่าเลนส์ปกติ แต่ก็ต้องทำใจเอาไว้ว่าความละเอียดจะหายไปอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ และยังไม่สามารถโฟกัสเฉพาะจุดได้เนื่องจากเป็น Fixed Focus แถมภาพที่ออกมารู้สึกว่าแสงสีจะดูหม่นๆ ไปหน่อยด้วย (แนะนำว่าอย่าใช้เลนส์กว้างถ่ายในที่แสงน้อย) ส่วนโหมด Portrait หรือหน้าชัดหลังเบลอก็ทำได้ในระดับพอใช้ (ยังดูไม่ค่อยเบลอเท่าไหร่) และไม่สามารถปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้ได้

ภาพถ่ายจากเลนส์ปกติ

 

ภาพถ่ายจากเลนส์กว้าง เห็นได้ชัดๆ เลยว่าความละเอียดของภาพต่ำ แสงและสีหม่นหมองลงไปเยอะเลยทีเดียว

 

ภาพถ่ายตอนกลางคืน จะเห็นว่ารายละเอียดและความคมชัดของภาพหายไปเยอะเลยทีเดียว

 

กล้องหน้า

กล้องหน้าของ Zenfone Max Plus เป็นกล้องหน้าเดี่ยว แต่ยังใส่ฟีเจอร์ Portrait มาให้ด้วย ซึ่งยังทำการเบลอฉากหลังได้ไม่ค่อยเนียนนัก ยังมีการเบลอมั่วๆ อยู่บ้าง บางทีก็เบลอคอ เบลอเสื้อไปเลย ชัดอยู่แค่ใบหน้า

โหมดบิวตี้ถือว่าทำออกมาพอได้ เพราะขนาดปรับสุดเต็ม 10 หน้าก็ยังพอเหลือมิติบ้าง อาจจะมีขาววอกหน่อย อย่างน้อยก็ไม่โดนลบจนหน้าแบนเป็นกระดาษ แต่ถ้าจะเอาธรรมชาติก็คงต้องปรับลดลงมากลางๆ เถอะ

ปรับสีผิวและความเนียนของใบหน้าที่ 10 ก็ยังไม่เนียนเว่อร์จนเกินไป ยังพอเห็นรูขุมขุนและร่องรอยอยู่บ้าง

 

แบตเตอรี่

มาดูที่เรื่องของแบตเตอรี่กันบ้าง ตามสเปคแล้วจะเห็นว่า Zenfone Max Plus ให้แบตเตอรี่มาเยอะถึง 4130 mAh เลยทีเดียว คือถ้าใช้งานปกติ เล่นโซเชียล, ดู YouTube, เข้าเน็ต, ฟังเพลง, โทร และเล่นเกมบ้าง น่าจะอยู่ได้ซัก 2 วันสบายๆ อยู่ และจากที่ลองทดสอบดู YouTube ความละเอียด 720p ต่อเนื่องผ่าน WiFi ปรับแสงหน้าจอเอาไว้ประมาณ 75% พบว่าสามารถดูต่อเนื่องได้ประมาณ 7 เกือบๆ 8 ชม. จนแบตเหลืออยู่ที่ 5%

ส่วนตัวคิดว่าน่าจะอึดได้มากกว่านี้อีกสักหน่อยเพราะแบตแตะ 4000 แล้ว แต่ก็พอรับได้ ส่วนเวลาที่ใช้ในการชาร์จให้เต็ม 100% นั้น ถือว่านานอยู่ ทั้งๆ ที่ตัวหม้อแปลงจ่ายไฟได้ 5V / 2A และตามสเปคบอกไว้ว่า Zenfone Max Plus รองรับ Fast Charge ด้วย แต่ต้องใช้เวลาชาร์จประมาณ 3 ชม. กว่าจะเต็ม

 

สรุป

Zenfone Max Plus น่าจะเป็นมือถือที่เหมาะกับผู้ใช้งานที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ แต่ใช้งานทั่วๆ ไป อย่างท่องเว็บ, ดูหนังผ่านแอป, ฟังเพลง, เล่นเกมแคชชวลเล็กๆ น้อยๆ, ถ่ายรูปทั้งรูปทั่วไปและรูปเซลฟี่ (กล้องเซลฟี่ถือว่าใช้ได้อยู่ ยกเว้นโหมดหน้าชัดหลังเบลอที่ยังไม่เนียนเท่าไหร่) และสามารถใช้งานได้ 2 วันกว่าสบายๆ ในราคาค่าตัวแค่ 6,990 บาท แถมยังได้อุปกรณ์อื่นๆ แถมมาในกล่องแบบครบครันไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มอีกแล้วด้วย ซึ่งในตอนนี้มีราคาพิเศษใน Shopee และน่าจะเริ่มวางขายคามร้านค้าทั่วไปอย่าง Jaymart และ TG ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ครับ