เมื่อวานนี้มีการประชุมบอร์ด กสท. ว่าด้วยเรื่องยกเว้นค่าธรรมเนียมดิจิทัลทีวีช่วงเดือนตุลาคม, ประเด็นรายการทีวีในบางช่องที่มีความไม่เหมาะสม และก็มีความพยายามที่จะนำเรื่องที่ TrueVisions ยกเลิกการฉาย 6 ช่อง โดยไม่มีการแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้า 30 วัน ให้ทางที่ประชุมมีการทบทวนเรื่องนี้รวมถึงบทลงโทษอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากผลโหวดไม่เพียงพอที่จะนำเรื่องนี้กลับมาหารืออีกครั้ง
ที่ประชุมบอร์ด กสท. มีมติอะไรบ้างนั้น สามารถไปอ่านได้ที่ มติชน เลยครับ (สั้นๆ คือมีเรื่องลงโทษรายการ daily dose และปรับเรทรายการ MCOT เป็น น18) แต่เรื่องที่เรายังเกาะติดกันอยู่คือเรื่องของ TrueVisions ที่ไม่มีบทลงโทษจากการยกเลิกฉายช่องรายการ 6 รายการโดยไม่แจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันตามกฎ ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง กสทช. ได้ยอมรับข้อเสนอเยียวยาที่ทาง TrueVisions นำเสนอมา นั่นก็คือ
- เพิ่มช่องใหม่ 7 ช่อง (หากกสท. ออกใบอนุญาตให้ได้ทัน)
- ปรับระดับสมาชิกให้เป็นแพ็กเกจสูงขึ้น 1 ระดับให้แก่สมาชิกเป็นเวลา 30 วัน พร้อม True Points ฟรี จำนวน 1000 points สำหรับลูกค้าระดับแพลตินั่ม True Black Card
- สามารถลดระดับหรือยกเลิกได้โดยไม่เสียค่าปรับ
ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าบางส่วนไม่พอใจ และได้มีความพยายามในการรวมกลุ่มกันฟ้อง ซึ่งล่าสุดนั้นก็เห็นว่ารวมตัวกันมาแล้วร่วม 100 รายชื่อเพื่อที่จะดำเนินการฟ้องร้องกับ TrueVisions (Exclusive ThaiPBS)
นอกจาก 6 ช่องของ HBO ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาทาง TrueVisions ก็ขอยกเลิกอีก 11 ช่องรายการ ได้แก่ Discovery Science, BBC Entertainment, Nattional Geographic, Cbeebies, Discovery Kids , M ,DMAX ,EVE , BlockA, Fashion1, MUTV
ตอนนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าการฟ้อวร้องจะดำเนินไปในทิศทางไหน ผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะดูเหมือนว่าจะหวังพึ่งผู้กำกับดูแลอย่าง กสท. ไม่ได้แล้ว
อีกด้านนึงทาง HBO ที่เคยมีข่าวลือว่ายกเลิกสัญญากับ TrueVisions เพื่อมาจับมือกับ AIS Play นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ซะแล้ว เพราะงานนี้เกิดคดีพลิก เมื่อผู้บริหารของ HBO Asia ได้เข้าพบกับ กสทช. สุภิญญา เพื่อขอชี้แจงในเรื่องนี้ จะได้ไม่เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
โดย Yasmin Zahid ผู้บริหารของ HBO Asia นั้นไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการเลิกฉายช่อง HBO บน TrueVisions แถมรู้ข่าวนี้จาก twitter ของ @supinya ก่อนซะอีก เรียกว่าไม่มีการติดต่อจากทาง TrueVisions ให้ทราบล่วงหน้า ทำให้ทาง HBO เองก็ต้องวิ่งหาช่องทางใหม่เพื่อทำตลาด ซึ่งก็เป็น AIS ที่ได้มาจับมีอเป็นพันธมิตรในครั้งนี
และทาง HBO เองก็กำลังวางแผนทำตลาดในประเทศไทยฝั่งของโรงแรมเพิ่มเติม เนื่องจากก่อนหน้านี้ทาง TrueVisions นั้นเป็นคนทำตลาดให้ แต่ทาง AIS นั้นไม่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ จึงต้องเข้ามาทำตลาดเอง
เอาที่ท่านสบายใจละกันครับ ปล่อยผู้บริโภคเขาหาทางออกกันเอง
ผมก็ไม่เคยประทับใจผลงาน ของ กสทช.
เขาก็ให้สามารถ ลดหรือยกเลิกได้โดยไม่เสียค่าปรับนี่ครับ หมายถึง ไม่อยากจ่ายตังค์แล้วเพราะ ไม่ได้ดูช่องนี้ก็ทำได้เลย อันนี้ก็น่าจะ ok ป่ะ (ผมเข้าใจถูกใช่มั้ยเนี่ย)
ที่เลิกช่องพวกนี้กะว่าจะได้ผลแบบเลอแปงโมเดลของ 7-11 สินะ
งานนี้มีดราม่า
ใช่ครับ เค้าให้ยกเลิกได้โดยไม่โดนปรับ แต่เพราะอะไรทำไมใจดีไม่ปรับ?
ก็เพราะ True ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าครับ คือ ประกาศปุ๊ปยกเลิกปั๊ป ซึ่งไอ้แบบนี้ผิดกฏหมายครับ
หากมีการเปลี่ยนช่องรายการ มันต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วัน
อันนี้พอ True ทำผิด ก็เลยตีเนียนให้ยกเลิกได้โดยไม่ปรับลูกค้าไงครับ
True นี่ทุเรศสุดแล้ว คงคิดว่าได้ลิขสิทธิ์บอลมาแล้ว ถึงไม่มีช่องหนัง คนก็คงต้องจำใจทนไป
เลยกล้าที่จะยกเลิกช่องหลักๆ อย่าง HBO ทำแบบนี้ยอมยกเลิกแล้วดูแบบ online ดีกว่า
True Visions น่าจะขาดทุนเยอะนะปีนี้เลยต้องตัดรายจ่ายออก
ขนาดCTHเก็บรายเดือนมากกว่านี้ยังขาดทุนยับ นี่ทรูให้ดูบอลถูกกว่าCTHแม้ฐานลูกค้ามากกว่าก็จริงก็น่าจะขาดทุนไม่น้อย(หมายถึงโปรดูบอลนะครับ)
ส่วนตัวผมมองว่ารายการที่ไม่ใช่ถ่ายทอดสดเช่นหนัง สารคดีในอนาคตตลาดคงไปในแนวAISมากขึ้นเพราะอยากดูตอนไหนเวลาไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องดูเวลานี้เหมือนเคเบิ้ลทีวี ซึ่งทรูอาจเห็นเช่นกัน ถอยตอนนี้ดีกว่า เอาอะไรที่เป็นแนวถ่ายทอดสด ดึกแค่ไหนคนก็ยังมานั่งดูดีกว่า สังเกตได้จากบอลแทบทุกลีคพี่ทรูกวาดเรียบ
เป็นกล่องบอลไปเลย เอาช่องอื่นจ่ายเพิ่ม จบ
+6
คนที่ถูกเอาเปรียบ คือ ผู้บริโภคเหมือนเคยครับ
แม่ผมรอดูรันนิ่งแมนตอนใหม่ทุกค่ำวันอาทิตย์ ..อยุ่ๆหายไปซะงั้นไม่บอกไม่กล่าว
ดีนะ ใช้เป็นแบบกล่องซื้อขาดแล้วเติมตังค์ดูเอา เผื่อสถานะการณ์แบบนี้แหละ T_T
เป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดีจริง ๆ ครับ
+100
จะประชุมกันทำไม ก็แถลงข่าวไปเลย ว่าบริษัทแม่
คือทรูวิชั่น มีคำสั่งให้บริษัทลูกอย่าง กสท และ กสทช
ทำแบบนี้ คนเค้ารู้กันทั้งประเทศแล้ว ว่าหน่วยงานนี้
เป็นลูกหม้อทรู จะอายกันไปทำไม
+1,000,000