นับตั้งแต่ที่ Royole เปิดตัว Royole FlexPai เป็นมือถือจอพับรุ่นแรกของโลกไปเมื่อต้นปี 2018 และเริ่มวางขายในช่วงสิ้นปีของปีเดียวกัน ถึงตอนนี้มือถือจอพับก็ได้โลดแล่นในตลาดมาเกือบ 6 ปีแล้ว เช่นเดียวกับ Samsung ที่กำลังจะเปิดตัว Galaxy Z Flip6 และ Galaxy Z Fold6 ในวันที่ 10 กรกฎาคม ทาง DroidSans จึงถือโอกาสนี้ รวบรวมข้อมูลมานำเสนอให้เห็นว่า มือถือจอพับมีความแตกต่างจากมือถือทั่วไปอย่างไร คุ้มไหมถ้าจะเปลี่ยน แล้วมีปัจจัยอะไรที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมบ้าง

เส้นทางเกือบ 6 ปีของมือถือจอพับในตลาด ผ่านการปรับปรุงจุดด้อยในหลาย ๆ ส่วน เช่น น้ำหนัก ความหนา ความทนทาน และราคา ควบคู่ไปกับการเสริมจุดแข็งที่หาไม่ได้จากมือถือทั่วไป ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ก็ดี หรือในด้านซอฟต์แวร์ก็ดี จนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ สะท้อนให้เห็นผ่านยอดขายที่ยังคงเติบโตขึ้นทุกปี สวนทางกับภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนโดยรวมที่อยู่ในช่วงชะลอตัว ทรง ๆ ทรุด ๆ สลับกันไป

ในช่วงขวบปีแรก ๆ Samsung เป็นค่ายที่แทบจะกินรวบส่วนแบ่งมือถือจอพับทั้งตลาดอย่างสมบูรณ์ แต่หลายปีให้หลัง เริ่มมีผู้ผลิตมากหน้าหลายตาตบเท้าเข้ามาร่วมศึกนี้กันมากขึ้น ทำให้มือถือจอพับพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาอันสั้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ความหนาที่บางลงมาก เช่น HONOR Magic V2 ที่หนาเพียง 9.9 มม. หรือกรณีของน้ำหนัก ที่ตอนนี้หลาย ๆ ค่ายสามารถรีดออกมาเหลือในระดับ 200 กรัมต้น ๆ หรือกลาง ๆ ใกล้เคียงกับมือเรือธงแบบปกติแล้ว รวมถึงราคาเองก็ค่อย ๆ ลดลงจนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ส่วนในแง่ของประโยชน์ใช้สอยและฟีเจอร์ของมือถือจอพับ อาจมีความแตกต่างกันบางส่วน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นจอพับแบบ flip หรือแบบ fold ดังนี้

มัลติทาส์กกิงได้ดียิ่งกว่า

มือถือ Android รองรับการแบ่งหน้าจอหรือมัลติวินโดว์เป็นฟีเจอร์พื้นฐานของระบบมานานหลายปีแล้ว ซึ่งมือถือทั่วไปสามารถเปิดแอปได้พร้อมกัน 2 หน้าต่าง แต่การมาถึงของมือถือจอพับแบบ fold เป็นการปลดล็อกขีดความสามารถของมัลติวินโดว์ออกไปอีกระดับ ทั้งในแง่ของจำนวนแอปที่เปิดพร้อมกันได้เพิ่มขึ้นเป็น 3 หรือ 4 หน้าต่าง (หากนับรวมหน้าต่างลอยในบางรุ่น) และความยืดหยุ่นของการใช้งานที่สามารถปรับขนาด หรือสลับตำแหน่งของหน้าต่างไปมาได้อย่างอิสระ และหลากหลายกว่า

เหนือสิ่งอื่นใด มือถือจอพับแบบ fold สามารถเข้าถึงฟีเจอร์มัลติวินโดว์ง่ายกว่ามือถือทั่วไปอย่างเทียบกันไม่ติด จากการมีอยู่ของแถบทาสก์บาร์ด้านล่าง โดยผู้ใช้งานสามารถแตะค้างที่แอปบนทาสก์บาร์ แล้วลากไปวางบนหน้าจอตามตำแหน่งที่ต้องการเปิดมัลติวินโดว์ได้ทันที เป็นการลดความซ้ำซ้อนของการเปิดใช้งานมัลติวินโดว์แบบเดิม ๆ บน Android ที่มีหลายขั้นตอนไปได้อย่างสิ้นเชิง

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

มือถือจอพับแบบ fold มีข้อได้เปรียบในแง่ของขนาดหน้าจอหลักที่กว้างขวาง จึงมีพื้นที่ในการแสดงผลคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่นข้อมูลบนตารางในแอป Microsoft Excel หรือ Google Sheets โดยเฉพาะตารางที่มีหลาย ๆ คอลัมน์

นอกจากนี้ มือถือจอพับยังรองรับการทำงานในลักษณะ drag and drop บนแอปชั้นนำหลาย ๆ ตัว (ขึ้นอยู่กับแอป) ลักษณะเดียวกับบนพีซี เช่นการลากรูปจากแอป Google Photos ไปใส่ในโน้ตในแอป Google Keep หรือแทรกลงในเอกสารของแอป Google Docs เป็นต้น

ความสะดวกในการพกพา

หน้าจอขนาดประมาณ 6.7 นิ้ว ได้กลายมาเป็นไซซ์หน้าจอมาตรฐานอย่างไม่เป็นทางการของมือถือยุคปัจจุบันไปแล้ว ในขณะที่มือถือจอเล็กนั้นค่อย ๆ เลือนหายไปจากตลาด จนแทบจะสูญพันธุ์อยู่รอมร่อ เป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

แน่นอนว่ามือถือจอใหญ่สามารถใช้งานได้ถนัดถนี่กว่า รับชมคอนเทนต์ได้เต็มตากว่า แต่ก็แลกมากับความสะดวกในการพกพา และความคล่องตัวที่ลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากใส่ในกระเป๋ากางเกงก็รู้สึกตึง ๆ รั้ง ๆ ที่ขา หรือหากในกระเป๋าเสื้อก็สุ่มเสี่ยงที่จะหล่นออกมา เนื่องจากตัวเครื่องยาวเลยกระเป๋าออกไป

แต่ปัญหาที่ว่ามานี้ไม่เกิดขึ้นกับมือถือจอพับแบบ flip แต่อย่างใด เพราะขณะอยู่ในร่าง ‘พับ’ ก็เหมือนนำความยาวตัวเครื่องตามปกติมาหารสอง หดเหลือแค่นิดเดียว ไม่ว่าจะใส่ในกระเป๋ากางเกง กระเป๋าเสื้อ หรือห้อยคอไว้ ก็ย่อมไม่รู้สึกเกะกะ และเมื่อต้องการใช้งานก็สามารถกางออกมาในร่างปกติ ได้สัดส่วนหน้าจอเท่าเดิม เหมือนกับมือถือทั่วไป

ในขณะที่มือถือจอพับแบบ fold เองก็ได้ประโยชน์ในแง่ความสะดวกในการพกพาเช่นกัน หากเทียบว่าฟอร์มแฟกเตอร์นี้เหมือนเป็นการนำแท็บเล็ตมารวมร่างกับโทรศัพท์ ซึ่งมือถือจอพับแบบ fold ก็ยังถือว่ามีขนาดเล็กกว่าพอสมควรอยู่ดี

ถ่ายเซลฟีด้วยกล้องหลัก มีพรีวิวให้ดู

หน้าจอด้านนอกของมือถือจอพับทั้งแบบ flip และแบบ fold สามารถประยุกต์ใช้งานเป็นหน้าจอพรีวิวขณะถ่ายรูปด้วยกล้องหลัก หรือกล้องหลังตัวอื่น ๆ ได้ ในกรณีถ่ายเซลฟี ผู้ใช้งานจะมองเห็นใบหน้าตัวเองแบบเรียลไทม์ ทำให้การจัดท่าทางและองค์ประกอบภาพสามารถทำได้โดยง่าย เช่นเดียวกับกรณีถ่ายพอร์เทรต (ให้บุคคลอื่น) ตัวแบบก็จะมองเห็นภาพพรีวิวบนหน้าจอไปพร้อม ๆ กับคนถ่ายเช่นกัน

และโดยทั่วไปแล้ว กล้องหลังของมือถือ มักมีคุณภาพเหนือกว่ากล้องหน้า ด้วยขนาดของเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่า และประสิทธิภาพของเซนเซอร์ที่ดีกว่า หมายความว่าการถ่ายเซลฟีด้วยกล้องหลัง โดยเฉพาะกล้องหลัก ย่อมให้ภาพเซลฟีที่ดีขึ้นตามไปด้วย เช่น ความคมชัด มิติชัดตื้น การเก็บสีสัน และรายละเอียด

ถ่ายวิดีโอด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ

หากพับตัวเครื่องในมุมประมาณ 90 องศา เราสามารถถือมือถือจอพับแบบ filp ถ่ายวิดีโอได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวในท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกมั่นคงในการจับถือ แบบเดียวกับกล้องวิดีโอสมัยก่อน อีกทั้งยังลดโอกาสที่วิดีโอจะเบลอจากการสั่นไหวไปในตัว ซึ่ง DroidSans เคยรีวิวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีในการใช้งานจริง

เสมือนมีขาตั้งในตัว

มือถือจอพับหลาย ๆ รุ่น ในช่วงหลัง ทั้งแบบ flip และแบบ fold ถูกปรับปรุงกลไกของบานพับให้สามารถกางตัวเครื่องค้างไว้ได้ในองศาที่หลากหลาย เราจึงสามารถใช้ส่วนฐานของเครื่องเป็นเหมือนขาตั้งเพื่อนำไปประยุกต์ใช้งานต่อได้ เช่น เป็นขาตั้งสำหรับดูวิดีโอ เป็นขาตั้งสำหรับวิดีโอคอล หรือเป็นขาตั้งสำหรับถ่ายรูปและวิดีโอ เป็นต้น

ข้อจำกัดของมือถือจอพับ

แม้มือถือจอพับจะมีข้อดีหลายอย่าง ดังที่ได้กล่าวไป แต่ทั้งนี้ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณาเช่นกัน คือ ราคา และความทนทาน

  • ราคา : มือถือจอพับมีราคาสูงกว่ามือถือทั่วไป หากเทียบที่สเปคเท่ากัน หรือใกล้เคียงกัน เช่น Galaxy S23 Ultra ราคาเริ่มต้น 43,900 บาท ในขณะที่ Galaxy Z Fold5 ใช้ชิปเซต Snapdragon 8 Gen 2 for Galaxy รุ่นเดียวกัน มีความจุ 256GB เท่ากัน ราคาเริ่มต้นขยับไป 59,900 บาท คำนวณส่วนต่างได้ 16,000 บาท ถือว่าเป็นเงินไม่น้อยอยู่เหมือนกัน
  • ความทนทาน : มือถือจอพับมีชิ้นส่วนกลไกบานพับที่มีความซับซ้อน และกระจกหน้าจอที่บางเฉียบ จึงต้องระมัดระวังในการใช้งานเป็นพิเศษ รวมถึงในแง่การเก็บรักษา ที่ต้องระวังไม่ให้มีฝุ่นหรือของแข็งแทรกเข้าไปขณะพับ เพราะเสี่ยงทำให้เกิดความเสียหายบนหน้าจอ นอกจากนี้ คุณสมบัติทนน้ำทนฝุ่นของมือถือจอพับ มักด้อยกว่ามือถือทั่วไป หรือบางรุ่นอาจไม่รองรับเลยก็มี

ดังนั้นในการเลือกซื้อมือถือจอพับ ผู้ใช้งานอาจต้องชั่งน้ำหนักดูว่า ความสามารถที่ได้เพิ่มมา คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มหรือเปล่า และอาจต้องคิดเผื่อว่า ความทนทานที่เป็นข้อจำกัด เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานหรือไม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละบุคคล จึงไม่มีคำตอบที่ตายตัว

สำหรับมือถือจอพับของปี 2024 กลุ่มถัดไปที่กำลังจะเปิดตัว มีรุ่นที่น่าสนใจหลายรุ่น นำโดย Galaxy Z Flip6 และ Galaxy Z Fold6 ของ Samsung และ HONOR Magic V3 กับ HONOR Magic Vs3 ของ HONOR และ Xiaomi MIX Fold 4 ของ Xiaomi ที่พึ่งมีข่าวลือหลุดออกมา