ปัจจุบันมือถือจอพับเริ่มกลายมาเป็นเทรนด์ใหม่ในตลาดที่ชวนคนสนใจเยอะขึ้น นับตั้งแต่เปิดตัว Samsung Galaxy ตระกูล Z Fold / Flip ครั้งแรก จนตอนนี้อีกไม่ถึงเดือนก็จะมี Z Fold / Flip 4 ตามออกมาแล้ว หลายคนก็น่าจะแอบเล็ง ๆ ไว้ แต่ก็ยังลังเลอยู่ว่าถ้าขยับไปใช้จอพับตอนนี้เลยจะเวิร์ครึเปล่า กลัวมันจะพังง่ายแบบที่เค้าลือ ๆ กันมั้ย หรือรอต่ออีกสัก 1-2 ปีดูความน่าเชื่อถือกว่านี้ก่อนดี

ในฐานะคนใช้ Z Flip 3 เป็นเครื่องหลักมานาน 6 เดือน วันนี้เลยอยากมาเขียนเล่าความรู้สึกและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับมือถือจอพับให้ฟังกันว่า ทุกวันนี้เจอข้อดี-ข้อเสียอะไรอยู่ ชีวิตดีแย่กว่าตอนใช้ทรง candy bar ปกติยังไง และถ้ามีเพื่อนจะแนะนำให้ซื้อตามรึเปล่า ซึ่งเดี๋ยวจะมาบอกเล่าทุกแง่มุมให้ฟังแบบหมดจดเลยว่าเป็นยังไง หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งมุมมองที่ช่วยให้การตัดสินใจซื้อของทุกคนง่ายขึ้นครับ

 

ฝั่งข้อดี

 

1. กระจกจอแข็งแรงกว่าที่คิด

ส่วนตัวที่เท่าใช้งานมายอมรับว่าวันแรกแอบกลัวสุด ๆ ด้วยความที่เป็นคนใช้มือถือแบบซาดิสก์ ชอบเอาเล็บจิกหน้าจอสารพัด เพราะตอนเป็นพวก Gorilla Glass มันแข็งแรงมากเลยไม่กลัว แต่พอเป็นรุ่นนี้ความรู้สึกมันต่างออกไป มันจะไม่เหมือนใช้มือสัมผัสกระจก แต่เหมือนเรากำลังไถแผ่นพลาสติกอยู่ ซึ่งพอแตะลงไปทุกครั้งจะมีฟีลลิ่งเหมือนมันพร้อมยุบลงไปตลอดเวลา ทำให้เราเกิดอาการกลัวไปเองทั้งที่จริง ๆ มันไม่ได้มีอะไร

 

จริง ๆ มีคนชำแหละแล้วพบว่าด้านในมันยังเป็นกระจกจริงนะ แค่มีพลาสติกแปะไว้อีกชั้นหนึ่งเฉย ๆ ซึ่งนี่แหละที่น่าจะทำให้เรารู้สึกแบบนั้น แต่พอใช้งานมานานขึ้นกลับรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนี่หว่า ทุกวันนี้เริ่มใช้เล็บเขี่ยจอได้ตามปกติแบบไม่รู้สึกอะไรแล้ว และมันก็ไม่ได้ยุบลงไปจริงอย่างที่เรากลัว เพราะอย่างน้อยก็มีฟิล์มกันรอยติดมาจากโรงงานให้อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งความทนทานก็น่าจะพอ ๆ กับฟิล์มมือถือทั่วไปเลย ด่างแล้วก็เปลี่ยนใหม่ได้เหมือนกัน (แต่น่าจะแพงกว่าหน่อย)

ส่วนเรื่องการพับจอ หลายคนก็กังวลว่าใช้ไปนาน ๆ สักวันมันก็ต้องพังง่ายอยู่ดีรึเปล่า ข้อนี้ถ้าเอาตามประสบการณ์ 6 เดือนยังไม่เคยเจอปัญหาในส่วนกระจกจอแต่อย่างใด (แต่เจอปัญหาอื่นแทน ซึ่งเคยเข้าศูนย์มาแล้ว 1 รอบ เดี๋ยวไปเล่าต่อในพาร์ทข้อเสีย) ส่วนนานกว่านี้จะเป็นยังไงอันนี้ก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็เคยมีคน live ทดสอบพับด้วยมือมาแล้วว่าอยู่ได้เกิน 2 แสนครั้งจริง ซึ่งก็น่าจะช่วยลดความกังวลส่วนนี้ไปได้ระดับหนึ่ง

อะไรจะพังก่อน… ยูทูบเบอร์ Live พับจอ Samsung Galaxy Z Flip3 ไปแล้วเกือบ 4 แสนครั้ง ยังไปได้ต่อ *อัปเดต พังตอนพับครั้งที่ 418,500

 

2. กางจอมือเดียวได้ไม่ยาก ถ้ารู้เทคนิค

มีหลายคนรู้สึกว่ายังไม่อยากใช้มือถือจอพับเพราะมันกางมือเดียวลำบากเวลารีบ ๆ ขนาดทรงปกติยังหงุดหงิดเลยเวลาพิมพ์ตอบแชทบนจอใหญ่ ถ้ามาเสียเวลาง้างเพิ่มอีกขั้นตอนคงหงุดหงิดกว่าเดิมแน่ ๆ แต่หารู้ไม่ว่าจริง ๆ มันมีเทคนิคการเปิดมือเดียวแบบง่าย ๆ อยู่ ไม่ต้องใช้การสะบัดพึ่บพั่บอะไรให้น่ากลัวทั้งสิ้น ไปดูกันเลยว่าทำยังไง

  1. ตอนพับจออยู่ให้เอามือจับขอบข้างเครื่องฝั่งด้านล่างไว้
  2. เอาปลายขอบบนเหนือกล้องไปเกาะกับอะไรไว้ก็ได้ เช่น หน้าอก หรือแขนอีกข้างของเรา
  3. กดขอบบนนั้นไว้กับตัว ลากบานฝั่งล่างลงมา แล้วดันง้างออกจากกันเลย

 

ดูแล้วเหมือนแอบยาก แต่ทำบ่อย ๆ จะชินและง่ายมาก ที่สาธิตให้ดูคือเฉพาะกับจอพับทรง Z Flip เท่านั้น ส่วนทรงรุ่นใหญ่อย่างพวก Z Fold หรือ Huawei Mate XS จริง ๆ ก็ใช้วิธีคล้ายกันแบบนี้ได้ แต่ตระกูลนั้นถือว่าเป็นเครื่องเอาไว้ใช้งานทรงแท็บเล็ตอยู่แล้ว ไม่ค่อยมีใครกางออกมาใช้มือเดียวเท่าไหร่ เปิด 2 มือปกติน่าจะเหมาะกว่า

 

3. พกพาสะดวก แม้กระทั่งในกระเป๋ากางเกง

คลิปรีวิว Z Flip ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นว่ามันเหมาะกับกระเป๋าถือของผู้หญิง เพราะมันเหลือพื้นที่ให้เก็บของได้เยอะ แต่จริง ๆ แล้วมันก็เหมาะกับผู้ชายที่ชอบพกไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้วย เพราะเราสามารถดันมือถือลงไปใต้สุดของกระเป๋า ที่สำคัญยังเหลือพื้นที่อีกตั้งครึ่งท่อนไว้ใส่กล่องหูฟัง True Wireless ไม่ต้องยัดซ้อนกันให้มันหนาตุงเหมือนมือถือทั่วไป อีกข้างก็จะได้เอาไว้เก็บกระเป๋าตังค์ตามปกติ ไม่ต้องไปรบกวนกระเป๋าหลังให้นั่งลำบาก

 

4. กาง 90 องศา แล้วถือเป็นกล้องวิดีโอถ่ายนิ่ง ๆ ได้

นึกถึงฟอร์มแฟคเตอร์การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องสมัยเก่า เรามักจะเห็นว่ากล้องเหล่านั้นชอบออกแบบมาให้คนถือถ่ายด้วยมือเดียว เนื่องจากเป็นวิธีหนึ่งที่ผู้คิดค้นพบว่าจะทำให้ภาพออกมาดูนิ่งที่สุด แต่กล้องมือถือปัจจุบันถ้าไม่ใช้ขาตั้งช่วยเราก็มักจะเห็นคนถือถ่ายด้วย 2 มือเป็นประจำ เพราะว่ามันถือมือเดียวไม่ถนัด Z Flip เลยเป็นรุ่นเดียวตอนนี้ที่ถือถ่ายในท่ากล้องวิดีโอแบบเก่านี้ได้ ซึ่งน่าจะเหมาะกับคนทำคอนเทนต์สุด ๆ

นอกจากถือด้วยมือเดียวถ่ายจะช่วยให้เหลือมืออีกข้างไว้ทำอย่างอื่นแล้ว เรายังสามารถใช้นิ้วโป้งควบคุมแผงเมนูกล้องต่าง ๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการกดชัตเตอร์, เปลี่ยนโหมด, เปลี่ยนเลนส์ หรือซูมเข้า-ซูมออก ซึ่งตอนนี้ซอฟต์แวร์อาจจะยังไม่ทำให้รองรับได้สะดวกพอ แต่ก็ถือว่าใช้งานได้ คาดว่าในอนาคตก็อาจจะมีการอัปเดตให้ดีกว่าเดิมขึ้นไปอีก

 

5. ตั้งจอดู YouTube แนวตั้งได้ (แต่แนวนอนไม่เวิร์ค)

ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบเสพคอนเทนต์วิดีโอ YouTube แบบแนวตั้ง เพราะมันดูไปด้วยไล่อ่านคอนเมนต์ไปด้วยได้ ซึ่งจอพับแบบนี้ก็ออกแบบมาให้ถูกฉะโหลกกับเราซะเหลือเกิน ช่วยให้ตั้งดูไปด้วยกินข้าวไปด้วยได้ หรือเวลาดูวิดีโอสอนทำอาหารแล้วทำตามไปด้วยอันนี้ก็เวิร์คมาก ๆ ไม่ต้องหาแก้วน้ำอะไรมาเป็นที่พิงอีกแล้ว แถมมี Flex Mode แบ่งส่วนทั้งครึ่งจอให้เป็นวิดีโอทั้งหมด เวลาอ่านซับก็ใหญ่เต็มจอมากขึ้น

นอกจาก YouTube แล้วก็มี Disney+ ที่รองรับการดูแนวตั้งเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ Netflix ดูได้แต่แบบเต็มจออย่างเดียว

 

ส่วนการเอามางอแคบ ๆ แล้วตั้งดูแนวนอนแบบนี้หลายคนบอกว่าทำได้ แต่ใช้จริงบอกเลยว่าไม่เวิร์คอย่างแรง เพราะว่าตาเราอยู่สูงกว่าโต๊ะ ซึ่งถ้าโต๊ะไม่สูงพอก็มองจอไม่ถนัด ต้องหากองหนังสือมาวางเป็นฐานไว้อีกถึงจะพอดี แนะนำว่าถ้าอยากดูเต็มจอให้กางแล้ววางราบไปกับโต๊ะแบบเดิมดีแล้วครับ

 

6. เป็นขาตั้งกล้องสำหรับถ่ายคอนเทนต์หรือวิดีโอคอลได้

ข้อนี้เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อเลยก็ว่าได้ เพราะมันสะดวกมาก ๆ โดยเฉพาะการถ่ายคอนเทนต์ด้วยกล้องหน้า ซึ่งหลายคนอาจจะเอาไปใช้ถ่าย TiKTok หรือทำ Facebook Live ก็ได้ ส่วนตัวเป็นคนชอบอัด Cover กีตาร์ทำเพลง ซึ่งการมีขาตั้งกล้องแบบนี้ทำให้สามารถนั่งอัดกับโต๊ะได้ทันทีไม่ต้องซื้อขาตั้งเพิ่ม แถมยังสลับเป็นไปใช้กล้องหลังถ่ายและดูจอเล็กเป็น viewfinder ในตัวได้เลย

 

นอกจากการถ่ายวิดีโอ การเป็นขาตั้งได้ในตัวยังสะดวกในเรื่องการวิดีโอคอลด้วยมาก ๆ ทำให้เวลาคอลหาเพื่อนหรือแฟน ไม่ต้องแบกมือถือสลับข้างไปมาหลายชั่วโมงให้เมื่อย หรือจะใช้ประชุมออนไลน์ก็ค่อนข้างสะดวก ยังเหลือมือครบ 2 ข้างเอาไว้จด minute ตามได้ หรือบางทีจะใช้แทนตลับแป้งนั่งส่องกระจกทาครีมก็ยังได้เหมือนกัน (เด็ดสุดคือเคยใช้เปิดแฟลชเป็นไฟฉายตั้งโต๊ะในวันไฟดับ ไม่ต้องงมหาเทียนกันเลย 555)

 

7. บอกลาปุ่ม Power

ไม่รู้เรียกว่าข้อดีได้รึเปล่า แต่การเป็นมือถือจอพับทำให้เราแทบจะลืมปุ่ม Power ไปเลย เพราะการกางจอขึ้นมามันก็คือการ wake up เครื่อง ส่วนถ้าเลิกใช้เมื่อไหร่ก็พับปิดซึ่งมันก็จะดับให้เองอัตโนมัติ แทบไม่ค่อยได้กดอะไรเลย ทุกวันนี้ใช้แค่ปุ่ม Power ในการสแกนนิ้วอย่างเดียวหรือปิดเครื่องนาน ๆ ที แต่บอกเลยว่าการอยู่ข้างจอแบบนี้เป็นอะไรที่สะดวกที่สุดแล้ว รุ่นหน้า ๆ ภาวนาให้ Samsung อย่าหาทำเอามันมาอยู่ใต้จอเลย

 

8. ยังกางให้เป็นมือถือปกติได้ ในขณะที่รุ่นอื่นพับจอลงมาไม่ได้

ไม่ได้กะจะขิงอะไรแต่มันคือเรื่องจริงที่ว่ามือถือทรง Z Flip ยังสามารถใช้งานเหมือนมือถือ candy bar ปกติทุกอย่าง เราจะกางมันไว้ตลอดชีวิตก็ได้ถ้าไม่ซีเรียส (แต่ไม่แนะนำเท่าไหร่) แถมยังมีข้อดีกว่าเรื่องพกพาสะดวก, มีจอนอกให้ใช้ และมีฟีเจอร์ Flex Mode ให้เล่นไม่เบื่อ นับรวมแล้วถือว่าได้อะไรใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาเยอะเทียบกับมือถือธรรมดา

 

ฝั่งข้อเสีย

 

1. ฟิล์มลอกตรงรอยพับได้ง่าย

ข้อนี้จากทั้งที่ถามสาวกที่ใช้อยู่เหมือนกันและใช้เองกับตัว หลายคนเจอปัญหาคล้ายกันหมดเลยคือฟิล์มหน้าจอลอกง่ายมาก โดยเฉพาะบริเวณกึ่งกลางข้อต่อของ Z Flip ที่มันจะเป็นรองลึกลงไป พอพับเปิด-ปิดนาน ๆ แล้วเกิดอาการกาวเสื่อมจนลอกกันหมด ของตัวเองที่เจอคือฟิล์มแท้ติดจากโรงงานเกิดอาการลอกตอนเข้าเดือนที่ 4 ซึ่งก็ทนใช้ไปเอามือรีดไปอยู่ประมาณ 1 เดือนกว่า (แอบงก) จนตอนนี้ตัดสินใจไปเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว

 

2. ใส่เคสแล้วเลื่อนง่าย

ด้วยความเป็นมือถือจอพับที่มีช่องว่างกึ่งกลางอยู่ ทำให้เคสไม่สามารถออกแบบมาให้มันยึดแน่นกับตัวเครื่องได้สมบูรณ์เหมือนมือถือทั่วไป ปัญหานี้เจอกันหลายคนคือใช้เคสไปนาน ๆ แล้วยางหรือพลาสติกเสื่อมเร็วกว่าปกติ ล็อกตัวเครื่องได้ไม่อยู่เหมือนเดิม โดยเฉพาะกับเคสถูก ๆ ที่ไม่ค่อยได้คุณภาพ ทำให้หลายคนต้องหาซื้อมาเปลี่ยนกันบ่อย

จริง ๆ แล้วในท้องตลาดจะมีเคสแบบมีกาวติดหลังอยู่ ยกตัวอย่างก็เช่นเคส UAG ที่ส่วนตัวใช้เองแบบในภาพ ซึ่งอันนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเลื่อนได้ดี แต่ก็มีปัญหาอื่นตามมาอีกคือแกะเคสเปลี่ยนซิมลำบาก ยิ่งถ้าแกะบ่อย ๆ ปุ๊บกาวหลังเคสเสื่อมทันที ต้องหากาวสองหน้าตามเซเว่นมาติดแทน ซึ่งถ้าหนาไปก็นูนเครื่องอีก เป็นปัญหาโลกแตกกันเลยทีเดียว

 

3. Flex Mode ยังไม่สะดวกเพียงพอ

ต้องมีสักคนที่คิดว่าถ้าเอามาใช้ตั้งพิมพ์ฟีลแบบโน้ตบุ๊คมันสะดวกรึเปล่า ตอบเลยว่าไม่ ด้วยความที่จอมันเล็กมาก เราไม่สามารถใช้ 2 มือพิมพ์ได้ถนัดแน่นอน หรือต่อให้จิ้มแป้นทีละนิ้วก็ตาม สุดท้ายหยิบขึ้นมากางเต็มแล้วพิมพ์ด้วยนิ้วโป้ง 2 ข้างก็ยังสะดวกที่สุดอยู่ดี

ที่สำคัญเวลางอตั้งแบบโน้ตบุ๊คแล้วเอานิ้วไปจิ้มจอฝั่งบนดู พบว่าเกิดอาการจอโยกตามนิ้ว เนื่องจากฐานข้างล่างไม่ได้ออกแบบมาให้หนักกว่าด้านบน จะกางด้วยมือเดียวฟีลแบบ MacBook ก็คงไม่ได้เพราะแกนมันฝืดมาก ฉะนั้นให้ลืมการใช้งานแนวโน้ตบุ๊คไปได้เลยครับ

อีกเรื่องก็คือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ของ Flex Mode ยังทำได้ไม่สมบูรณ์พอ ใช้ไปนาน ๆ เจออาการพับแล้วไม่แบ่งจอให้บ้าง หรือเจออาการซอฟต์แวร์ตีกันเองบ้าง เช่น ฝั่ง Samsung ทำเมนูของตัวเองมา และฝั่ง YouTube ก็ทำของตัวเองมา สุดท้ายมีอาการสุ่มแย่งกันขึ้น ทำผู้ใช้สับสนกับเมนูที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียว ซึ่งส่วนนี้อาจจะต้องรอให้ Samsung เค้าคุยกับ Google รวมถึงนักทำแอปเจ้าอื่น ๆ มากขึ้นกว่านี้ก่อน

 

4. แบตหมดเร็วสุด ๆ

ฟังดูไม่เกี่ยวกับจอพับ แต่จริง ๆ แล้วเกี่ยวสุด ๆ เพราะมันทำเครื่องมีพื้นที่ใส่ก้อนแบตได้จำกัด (จะให้ทำแบตงอตามก็กระไรอยู่ หรือจะใส่ 2 ก้อนแบบมือถือเกมมิ่งก็น่าจะไม่เวิร์ค) ทำให้ตอนนี้ Z Flip 3 มีแบตอยู่แค่ 3,300 mAh ในขณะที่มือถือเครื่องไม่ถึงหมื่นตอนนี้ไป 5,000 mAh กันหมดแล้ว ใช้จริงบอกเลยว่าขนาดไม่เล่นเกมต้องชาร์จอย่างต่ำวันละ 2 รอบ แถมยังมีข่าวลือว่า Z Flip 4 จะมีแบตเพิ่มขึ้นเป็น 3,700 mAh งานนี้จะอึดกว่าเดิมเยอะรึเปล่าก็คงต้องรอดูผลทดสอบกัน

 

5. แบกรับความเสี่ยงมากกว่ามือถือธรรมดา

ข้อนี้จะไม่เขียนขึ้นมาเลยถ้าไม่เจอกับตัวไปหมาด ๆ ก่อนหน้านี้ถ้าใครติดตามโพสต์ DroidSans มาบ้างจะทราบว่า Z Flip 3 เครื่องนี้เคยขิตไปรอบหนึ่งแล้ว จากอาการเซนเซอร์พับจอสั่งให้จอดับเองทั้ง ๆ ที่ยังปิดไม่สนิทภายในระยะเวลาแค่ 5 เดือน ซึ่งตอนนี้ก็ได้ทำเรื่องส่งซ่อมกับศูนย์ Samsung ให้เปลี่ยนจอใหม่เรียบร้อยแล้ว

รีวิวประสบการณ์ส่งเคลมมือถือจอพับกับศูนย์ Samsung ใช้เวลานานกี่วัน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือเปล่า ?

เรื่องนี้ถ้าให้มองอย่างเป็นกลางก็คือเครื่องเราอาจจะหวยออกพอดี เพราะมีหลายคนมากที่ใช้เกินปีแล้วไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นจะตีกินว่าจอพับทุกเครื่องเท่ากับแย่ไปเลยก็ดูจะเป็นการให้ร้ายไปหน่อย แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นสัญญาณที่บอกได้ว่ามือถือจอพับยังมีจุดอ่อนที่ผู้ใช้ต้องแบกรับมากกว่ามือถือธรรมดาอยู่หลายข้อ ใครที่กะจะเอามาใช้เป็นเครื่องหลักยาว ๆ โดยไม่ซ่อมเลยก็ยังไม่แนะนำให้เสี่ยงดีกว่าครับ

 

ปัญหาที่ไม่เกี่ยวกับจอพับโดยตรง แต่อยากเล่า

 

1. ยังรองรับซอฟต์แวร์ได้ไม่ดีพอ

จริง ๆ ข้อนี้ยังเกี่ยวกับการเป็นมือถือจอพับหน่อย ๆ คือด้วยความที่มันต้องออกแบบมาให้พับได้ มันเลยต้องทำหน้าจอให้ยาวขึ้นกว่าปกติถึงจะดูสมส่วน ซึ่ง Z Flip 3 มีอัตราส่วนจอสูงถึง 22:9 ใช้จริงบอกเลยว่ายาวมาก ๆ ซึ่งไอ้ความยาวมากนี่แหละที่มันเป็นปัญหา เพราะกลายเป็นว่าทำให้มีแอปไม่รองรับอยู่เยอะ

ยกตัวอย่างเช่นเกมมือถือโปรดของผมคือ Plants vs. Zombies 2 ลุง Crazy Dave เกิดอาการภาพซ้อนแบบในรูป เนื่องจากเกมยังไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับเต็มหน้าจอ widescreen แบบนี้ เวลาเล่นก็จะเห็นเป็นแถบโหวง ๆ อยู่แบบนี้ตลอด

เรื่องแถบไม่เต็มอย่างเดียวคงไม่ใช่ปัญหาหนักอะไร แต่นี่เล่นมีอาการจิ้มแล้วไม่ตรงจอด้วย จากในรูปจะเห็นว่ามีความเหลื่อม ๆ ไปด้านข้างนิดหน่อย แตะช่องขวาไปโดนช่องซ้ายแทน บอกเลยว่าเล่นจริงไม่ได้ ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาที่ผู้พัฒนาเกมมากกว่า แต่โชคดีที่เจอมายังเป็นแค่กับเกมนี้เกมเดียว เกมอื่นยังปกติดีครับ

 

2. ให้ความรู้สึกไม่เหมือนใช้มือถือเรือธง

สำหรับราคา 3 หมื่นกลางที่จ่ายไป เทียบกับความรู้สึกที่ได้รับจาก Z Flip 3 ยกเว้นกิมมิกเรื่องพับจอ ส่วนตัวรู้สึกว่ารุ่นนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกพรีเมียมใกล้เคียงกับเรือธงอย่างตระกูล S เลยแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องการตอบสนองที่ไม่รวดเร็ว มอเตอร์สั่นที่ไม่กระชับ ไปจนถึงคุณภาพกล้อง มันเหมือนกับเรากำลังใช้มือถือรุ่นหมื่นกลางที่มีซีพียูเป็นเรือธงและพับหน้าจอได้เท่านั้น

 

3. ชาร์จไร้สายแล้วร้อน

เรื่องนี้ก็ไม่มั่นใจว่าเกี่ยวกับจอพับรึเปล่า แต่น่าจะเกี่ยวอยู่หน่อย ๆ ด้วยความที่ตัวเครื่อง 2 ข้างประกบกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้เวลาชาร์จไร้สายซึ่งต้องอาศัยการแผ่ความร้อนสูง อาจจะทำให้เกิดอาการความร้อนไปสะสมตัวที่บริเวณแผงจอด้านใน ส่งผลให้เครื่องร้อนเร็วกว่าปกติจนไม่สามารถชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนได้เลย

วิธีแก้เท่าที่ลองเองแล้วเวิร์คก็คือให้กางจอชาร์จจะช่วยให้ร้อนน้อยลงระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ดีเท่ามือถือทั่วไปอยู่ดี เตือนว่าใครที่กะจะเอามาใช้ชาร์จไร้สายเป็นหลักคงต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องนี้เพิ่มด้วย ส่วนเรื่องการเปิด Wireless Power Sharing ให้อุปกรณ์อื่น อันนี้ลองแล้วไม่มีปัญหา ติดที่ว่าแบตเครื่องนี้มันน้อยมากจนเผื่อแผ่ให้ใครไม่ได้อยู่แล้ว แอบงงอยู่ว่าใส่มาให้ทำไมเหมือนกัน

 

สรุป

จากที่ได้เล่ามาทั้งหมดทั้งพาร์ทดีและพาร์ทเสียของ Samsung Galaxy Z Flip 3 ก็พอจะช่วยตอบคำถามให้หลายคนได้รู้แล้วว่ามือถือรุ่นนี้เหมาะสำหรับใคร และจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นหรือแย่ลงยังไงบ้าง ซึ่งถ้ามีคนถามเราว่าจะแนะนำให้คนรอบตัวใช้รึเปล่า ก็คงต้องถามเค้าก่อนว่าได้ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์จอพับเหล่านี้มั้ย และพร้อมจะขายวิญญาณซาตานแลกกับสิ่งที่ได้รับเพิ่มขึ้นพวกนี้รึเปล่า เพราะมันก็มีทั้งด้านที่ดีมากและก็ข้อเสียที่ต้อง trade off ไปด้วย เลยไม่สามารถชี้นำใครตรง ๆ ได้ว่าควรซื้อรึเปล่า

แต่จากการใช้งานมาเองตลอด 6 เดือนนี้ ส่วนตัวยังมองว่าเป็นมือถือที่เราชอบมากที่สุดอยู่ดี และเชื่อว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกซื้อ เพราะเราได้ใช้ประโยชน์จากมันจริง ๆ ต่อให้มันจะมีด้านที่งอแงบ้างเราก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์รับได้ ส่วนคนอื่นจะมองเหมือนกับเรารึเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ ซึ่งถ้าใครอยากลองก็จัดมาสักเครื่องแล้วมาบอกเล่าประสบการณ์ให้กันฟังได้เลย ขอให้ทุกคนตัดสินใจไม่ผิดกับการเลือกซื้อมือถือเครื่องหน้าของตัวเองครับ