เชื่อมั้ยคะ ทุกวันนี้ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้งานของสมาร์ทโฟนอยู่เลยไม่ว่าจะเป็นการชาร์จแบตทิ้งไว้จะเสื่อมหรือเกิดอันตราย และถ้าวางไว้ที่หัวนอนจะมีประจุส่งผลต่อการนอนต่าง ๆ หรือทำให้เป็นมะเร็งบ้างอีกมากมาย วันนี้เราเลยจะนำความเข้าใจที่เราเชื่อกันแบบผิด ๆ ทั้ง 10 เรื่องมาคลายความสงสัยให้กันเพื่อสยบตำนานความเชื่อแบบผิด ๆ เกี่ยวกับสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน จะได้ไปเล่าต่ออย่างถูกต้อง ถ้าพร้อมแล้วมาอ่านกันเลยค่ะ

10 เรื่องความเข้าใจผิดของสมาร์ทโฟน

1.ยิ่งกล้องระดับเมกะพิกเซลเยอะ จะทำให้ถ่ายภาพได้ดี

ต้องบอกว่าเรื่องนี้ก็เป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานค่ะ ซึ่งไม่เป็นความจริงเสมอไปเพราะว่าคุณภาพของภาพถ่ายไม่ได้เกี่ยวข้องกับความละเอียดหรือจำนวนพิกเซลที่เยอะขึ้นอย่างเดียวยังรวมไปถึงคุณภาพของเซ็นเซอร์ เลนส์ และตัวประมวลผลภาพของเทคโนโลยีจากทางสมาร์ทโฟนเองด้วย

เพราะฉะนั้นการมีพิกเซลที่เพิ่มขึ้นทำให้รายละเอียดของภาพทั้งการซูมแล้วภาพไม่แตกเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นเอง  ซึ่งถ้าคนไหนอยากได้สมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปได้สวย ๆ กล้องเทพ ให้ดูปัจจัยอื่นประกอบการตัดสินใจซื้อหรือดูรีวิวทาง DroidSans ได้เลยค่ะครบทุกความสงสัยแน่นอน 

2.ใช้มือถือระหว่างชาร์จไปเล่นไปทำให้ระเบิด

ชาร์จไปเล่นไปทำให้เกิดระเบิดขึ้นมาได้ ต้องตอบว่าไม่เป็นความจริงเสมอไปถึงจะมีข่าวออกมาให้เราเห็นว่าดับอนาถตายคามือถือหรือ ระเบิดคาหัวนอนบ้างถึงจะดูน่ากลัวก็ตาม

ต้องบอกว่าไม่เป็นความจริง เพราะหลัก ๆ แล้วสาเหตุมาจากที่เราใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานทั้ง adapter ,ตัวสายชาร์จ และปลั๊กพ่วง ปลั๊กไฟต่าง ๆ นั่นเองค่ะ  จึงเกิดปัญหาทำให้เกิดอันตรายต่อตัวเราทั้งนี้ก่อนจะซื้ออุปกรณ์อะไรควรหมั่นเช็คให้เรียบร้อยว่าทุกอย่างได้รับการรับรองอย่างปลอดภัย แค่นี้เพื่อน ๆ ก็สามารถชาร์จไปเล่นไปได้แล้วค่ะ แต่ทางเราไม่ได้แนะนำให้เล่นจนเครื่องร้อนนะคะ ควรเล่นแต่พอดีเพื่อถนอมสมาร์ทโฟนไปในตัว

 

3.วางสมาร์ทโฟนไว้ใกล้ที่นอน คลื่นพลังงานส่งผลทำให้เป็นมะเร็งได้ รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่น ๆ

เมื่อนำมือถือมาวางไว้ใกล้หัวนอนของเราจะส่งผลให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าส่งพลังงานเข้าสมองทำให้เป็นมะเร็งหรือเนื้องอกได้ รวมถึงอัลไซเมอร์ ต้องบอกว่าไม่เป็นความจริงค่ะ ถึงแม้สมาร์ทโฟนจะส่งคลื่นกระแสไฟฟ้าออกมาแต่เมื่อดูปริมาณมันเล็กน้อยมากจนไม่สามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายได้เลย

นอกจากนี้การที่เราไปตากแดดร้อน ๆ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ดูจะส่งผลเสียต่อเรามากกว่าสมาร์ทโฟนเสียอีก ส่วนในเรื่องของมะเร็งและปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ล้วนเกิดมาจากการใช้ชีวิตในแต่ละวันมากกว่าค่ะ ทั้งเรื่องการดูแลตัวเองด้วยและอีกหลายปัจจัยอื่นซึ่งต้องทำความเข้าใจกันใหม่นะทุกคน

4.มือถือกันน้ำ แล้วเอาไปลงน้ำโดยเฉพาะ

เมื่อซื้อมือถือกันน้ำมา เตรียมเอาไปลงน้ำโดยเฉพาะ! ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างแรงค่ะ ถึงแม้สมาร์ทโฟนหลายรุ่นรองรับมาตรฐานการกันน้ำในระดับสูงก็ตาม ก็ไม่ได้การันตีว่าสามารถนำไปใช้ใต้น้ำได้จริงแค่เป็นการป้องกันเมื่อเกิตเหตุสมาร์ทโฟนตกน้ำโดยที่เราไม่คาดคิด

อย่างพวกมาตรฐาน IPXX ต่าง ๆ ที่ป้องกันอุปกรณ์จากการจมน้ำได้เพียง 1 เมตร และไม่เกิน 3 เมตร นานสูงสุด 30 นาที แล้วแต่รุ่น 

ส่วนน้ำในที่นี้ส่วนใหญ่เวลาทดลองการกันน้ำให้ดูเราจะเห็นว่ามีแต่น้ำสะอาดทั่วไป ถ้าหากเป็นน้ำสกปรก ,ชา ,กาแฟ หรือน้ำทะเลอาจส่งผลให้ตัวเครื่องเสียหายในระยะยาวได้ค่ะ  ดังนั้นการกันน้ำ IP67 และ IP68  หรืออะไรก็ตามเป็นเพียงการป้องกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เราจึงเห็นบ่อยว่าทนน้ำทนฝุ่น แต่ไม่ได้บอกว่าป้องกัน 100% ทางที่ดีถ้าอยากเอาไปลงน้ำควรมีซองกันน้ำหรือเคสที่ออกแบบมาโดยเฉพาะนั่นเองค่ะ

5.ใช้มือถือตอนฝนตก จะทำให้ฟ้าผ่า

ยิ่งช่วงนี้ฝนตกหนักเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว ฤดูกาลก็เปลี่ยนแปลงบ่อยจนเราไม่รู้ว่าหน้าไหนกันแน่ ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะ ว่าการที่ฝนตกฟ้าผ่า หรือฟ้าร้องล้วนเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เราควบคุมไม่ได้  และการเดินเล่นมือถือขณะที่ฝนกำลังตก จะเสี่ยงทำให้ฟ้าผ่าเราจริงมั้ย?!

ขอบอกว่าไม่เป็นความจริงค่ะ ถึงแม้ว่าการที่ฝนตกโดยระหว่างเกิดฝนฟ้าคะนอง ก้อนเมฆจะมีการสะสมประจุไฟฟ้าเกิดขึ้น ซึ่งหากบริเวณใต้ก้อนเมฆมี ‘ประจุ ลบ’ สะสมอยู่มาก ประจุลบก็จะเดินทางลงสู่พื้นดิน แต่ในขณะเดียวกัน ‘ประจุบวก’ บนพื้นดินก็ถูกประจุลบดึงดูดขึ้น ไป เมื่อทั้งสองขั้วปะทะกันจะเกิดฟ้าผ่าอย่างรุนแรงนั่นเองค่ะ ส่วนมากจะเกิดในพื้นที่โล่งแจ้ง แต่สำหรับมือถือของเราแม้จะมีการเชื่อมต่อสัญญาณต่าง ๆ จริงแต่กำลังไฟฟ้าไม่ได้มีมากพอจนทำให้ฟ้าผ่าลงมาใส่เราได้ แค่นี้ก็วางใจได้แล้วนะว่าไม่ทำให้เกิดอันตราย แต่ทางเราก็ไม่ได้แนะนำให้เพื่อน ๆ เดินใช้มือถือกลางสายฝนอย่างสบายใจนะ เพราะน้ำฝนอาจจะเข้าไปในอุปกรณ์ทำให้เครื่องเกิดความเสียหายจนเครื่องรวนได้ รวมถึงความชื้นต่าง ๆ ยังไงก็ถนอมมือถือและดูแลตัวเองในช่วงหน้าฝนกันด้วยนะทุกคน

 

6.สัญญาณมือถือเต็ม จะยิ่งทำให้เน็ตแรง

ต้องบอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้ยังมีคนเข้าใจผิดกันอยู่ ต่อให้ขีดสัญญาณมือถือจะเยอะจนเต็มแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้ปริมาณเน็ตใช้ได้ดีหรือแรง เร็วขึ้นค่ะ  การแสดงขีดของสัญญาณเป็นเพียงการบ่งบอกว่าเราอยู่ใกล้เสาสัญญาณมากน้อยแค่ไหน หรือระยะความใกล้ไกลเท่านั้นเอง

ยิ่งถ้าแถวเสาไฟมีคนใช้อินเทอร์เน็ตเยอะ ต่อให้ขีดเต็ม 5 ขีดหรือเน็ตแรงยังไงก็เกิดความไม่เสถียรขึ้นมาได้ตลอดเวลาค่ะ เพราะเกิดการแย่งการใช้งานกันทำให้ช้า  (ถ้าใครอยากอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสัญญาณอินเทอร์เน็ต กดเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้เลยค่ะ  )

7.การใช้อินเทอร์เน็ตบนโหมดไม่ระบุตัวตนบนมือถือจะทำให้ปลอดภัยในการใช้งาน

ต้องบอกว่าการใช้งานบนโหมดไม่ระบุตัวตนบนมือถือไม่ได้ทำให้เราปลอดภัยในการใช้งานเสมอไป

เพราะว่าเวลาเราเข้าเบราว์เซอร์ต่าง  ๆ บนมือถือถึงแม้จะมีการแยกให้อย่างโหมด Private หรือ Incognito โหมดไม่ระบุตัวตนก็ตามซึ่งโหมดนี้จะทำหน้าที่แค่แยกล็อคอินการใช้งานให้เราต่าง ๆ ทั้งการล็อคอินเฟสบุค หรือท่องเว็บที่เราไม่อยากให้คนอื่นรู้ เปรียบเสมือนเว็บไซต์ที่มองว่าเราเป็นผู้ใช้ใหม่อยู่ตลอด

แค่ไม่บันทึกประวัติการท่องเว็บ คุกกี้ และข้อมูลเว็บไซต์ หรือข้อมูลที่ป้อนบนแบบฟอร์มลงในอุปกรณ์ ซึ่งหมายความว่ากิจกรรมจะไม่ปรากฏในประวัติของเบราว์เซอร์ Chrome เท่านั้นเองค่ะ

แต่ว่าคนอื่นสามารถแครกหรือขโมยข้อมูลของเราไปได้อยู่ดี ถ้าเราใช้อินเทอร์เน็ตดูจากสถานที่เดิม ๆ เว็บเดิม ๆ ก็สามารถรู้ได้ทันทีว่ามาจากที่ไหนเพราะเจ้าตัวนี้จะทิ้งข้อมูลเว็บไซต์และคุกกี้ที่เชื่อมโยงกับเซสชันการท่องเว็บนั้น ๆ ไว้ทุกครั้ง  เราสามารถโดนเจาะจาก VPN ได้ ทางที่ดีใช้งานแค่เบื้องต้นแต่ไม่ต้องใส่ข้อมูล ๆ สำคัญลงไปก็พอค่ะ

8.ควรใช้ที่ชาร์จของแบรนด์เดียวกันเท่านั้นถ้าใช้อุปกรณ์อื่นจะทำให้เครื่องเกิดความเสื่อมพัง?

จริง ๆ แล้วสิ่งนี้เป็นความเชื่อมาจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ใส่ลงมาในเอกสารข้อมูล เขาต้องการให้พวกเราซื้ออุปกรณ์ของทางค่ายไม่ว่าจะเป็น accessories แค่เล็กน้อยก็ตามทีค่ะ

ในช่วงเวลานี้มีสมาร์ทโฟนเกิดขึ้นมามากมายและยังรองรับมาตรฐานการชาร์จแบบสากลเช่น USB Power Delivery โทรศัพท์มือถือได้แก่ Apple iPhone 13 ขึ้นไป, Google Pixel 6 และ Samsung Galaxy S22  หรือรุ่นอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

คำตอบไม่จำเป็นต้องใช้ยี่ห้อเดียวกันแค่หาอะแดปเตอร์ที่เป็นของแท้ได้มาตรฐานการชาร์จและกำลังไฟฟ้าที่เราต้องการแค่นั้นก็เพียงพอแล้วแต่สำหรับเครื่องที่รองรับการชาร์จไวต้องเลือกสายที่รองรับขึ้นมาหน่อยไม่งั้นเวลาชาร์จจะเป็นปัญหาให้เราได้ ที่สำคัญห้ามซื้อของงตามตลาดนัดหรือไม่ได้ไม่ได้มาตรฐานนำมาใช้นะคะ ต้องเป็นของแท้เท่านั้น  (รายละเอียด FAST CHARGE การชาร์จไวในมือถือทำงานอย่างไร? สามากดอ่านได้)

 

9.ซื้อมือถือมาใหม่ต้องชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน 8 ชั่วโมง

เมื่อซื้อมือถือมาใหม่แกะกล่องให้นำไปชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน 8 ชั่วโมง ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องทีควรทำเมื่อซื้อมือถือมาใหม่ทันทีค่ะ โดยเฉพาะในยุคนี้เพราะว่าแบตเตอร์รี่สมัยนี้มีเทคโนโลยีที่พัฒนาไปไกลมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องชาร์จทิ้งไว้เป็นวันเพื่อกระตุ้นเซล์แบตเตอรี่

ต้องทำความเข้าใจใหม่แล้วเมื่อซื้อมาไม่จำเป็นต้องชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน เพราะในมือถือจะมีแบตมาให้เราในปริมาณเล็กน้อย ถ้าเราอยากใช้เต็มวันหรือยาว ๆ เพียงแค่ชาร์จเพิ่มไม่กี่ชม.ก็เพียงพอแล้วค่ะ ไม่ต้องครบ 8!!

 

10.ควรใช้มือถือให้แบตหมดก่อนแล้วค่อยชาร์จ

เราจะมาเล่าเรื่องแบตเตอรี่ให้ฟังกันใหม่ค่ะ ว่ามีอะไรบ้างที่ควรเข้าใจใหม่ได้แล้ว

10.1 ควรใช้มือถือให้แบตหมดก่อนแล้วค่อยชาร์จ 

คนไหนที่เคยคิดว่าเราต้องใช้มือถือให้แบตหมดก่อนถึงจะชาร์จได้เป็นความคิดของคนยุคแรกค่ะ เพราะเมื่อก่อนเทคโนโลยียังไม่มีการพัฒนามากขึ้นนักทำให้มือถือยุคเก่าเป็นแบบนิกเกิลแคดเมียม (Ni-Cd) ทำให้เราต้องชาร์จแบตในขณะที่แบตยังไม่หมดตัวแบตเตอรี่ใช้ลิเธียมไอออนและลิเธียมโพลิเมอร์ คำตอบเป็นความจริงเพราะนิกเกิลเป็นศูนย์กลางความจุเต็มของแบตเตอรี่มันจะทำให้ขนาดของแบตที่มีอยู่ลดลงไปแต่สำหรับสมาร์ทโฟนที่เราใช้งานกันอยู่ตอนนี้เป็นแบบลิเธียม-ไอออน (Li-Ion)  สามารถเก็บประจุไฟไว้ได้นานปัญหาเหล่านี้จึงไม่เกิดขึ้นต่อให้แบตที่หมดไปแล้วเราไม่ได้ชาร์ตทันทีมันจะไม่ได้ส่งผลกระทบมากเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่สามารถรักษาความจุในการชาร์จเดิมไว้ได้ 80% อยู่แล้วค่ะ ทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้แบตหมดก่อนจึงค่อยชาร์จชาร์จได้ทันทีเลย 

10.2 การเคลียร์แอปบ่อย ๆ จะทำให้เราประหยัดแบตเตอรี่ได้นานขึ้น 

ไม่เป็นความจริงค่ะ เราไม่สามารถปรับปรุงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ด้วย task killer ได้ที่เราได้ยินกันมาเกิดจากช่วงหนึ่งในปี 2009 เมื่อการใช้งาน Kill App ทำให้ Android ทำงานได้ดีขึ้นเพราะตอนนั้นโทรศัพท์มีโปรเซสเซอร์ที่ค่อนข้างซบเซาไม่ได้มีกำลังการผลิตอะไรที่ดูทันสมัยมาก RAM มีเพียงเล็กน้อยนั่นเลยทำให้เรารู้สึกว่ามันดีขึ้น แต่ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนของเราสามารถจัดการหลายแอปรวมไปถึงเกมที่เปิดพร้อมกันได้อย่างง่ายดายแต่ว่าแอปพวกนี้จะใช้พลังงานของเราแค่เพียงเล็กน้อย

วิธีแก้ที่เราพบว่าแอปเป็นอันตรายต่อมือถือแทนที่เราจะไปเคลียพื้นหลังทำไมเราไม่ถอนการติดตั้งออกไปเลยล่ะแทนการกด Kill App บ่อย ๆ เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยแต่ตัวที่กินแบตเตอรี่จริง ๆ คือการเปิดหน้าจอของเราค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปกดเปิดปิดดูแอปบ่อย ๆ แค่ทำตอนที่รู้สึกว่าเครื่องเกิดอาการหน่วง ๆ ช้าลงก็พอแล้ว

10.3 การปิดแอปใช้งานบลูธูทและตำแหน่งที่ตั้งของเราจะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่

คำตอบไม่จริงค่ะ มีการทดสอบออกมาแล้วด้วยการเปิดหน้าจอพร้อมเปิดการใช้งาน Bluetooth ผลลัพธ์ที่ได้เฉลี่ยแล้วแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 4% โดยการเปิดบลูทูธทิ้งไว้เราแทบไม่ต้องกังวลเลยถ้าลืมปิดหรือแม้กระทั่งโหมดเครื่องบินที่จะช่วยประหยัดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้แต่เรากำลังพูดถึงการประหยัดพลังงานอย่างครึ่งชั่วโมงหรือตลอดช่วงเวลาของวันดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่คุ้มกับการเปิดปิดแอปนอกจากนี้ชิบเซ็ตของมือถือในแต่ละรุ่นมีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นทุกปีโดยใช้พลังงานน้อยลงเมื่อเราไม่ได้ใช้งานสมาร์ทโฟนเพื่อน ๆ ปล่อยให้แอปทำงานได้ตามปกติเลยค่ะ ไม่ต้องไปกังวลเพราะสมาร์ทโฟนของเราออกแบบมาให้รองรับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

เป็นไงกันบ้างคะสำหรับความเข้าใจผิดทั้ง 10 เรื่องเกี่ยวกับสมาร์ทโฟน ซึ่งไม่เป็นความจริงแล้วในปัจจุบันนี้ ทางเราเองเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันที่เผลอเข้าใจแบบผิด ๆ เกี่ยวกับการใช้งานก็หวังว่าทุกคนจะทำความเข้าใจใหม่แล้วนำไปปรับใช้เพื่อถนอมสมาร์ทโฟนของตัวเองให้ดีที่สุดนะคะ