ในปัจจุบันการโอนถ่ายข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ แม้จะสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านระบบคลาวด์ หรือผ่านแอปทั้งหลายก็ตาม แต่ในกรณีที่เป็นการโอนไฟล์ขนาดใหญ่ เช่น ไฟล์วิดีโอ 4K ถ้าเราทำผ่านอินเทอร์เน็ตจะทำได้ค่อนข้างช้า ทำให้หลายคนเลือกที่จะโอนไฟล์ผ่านสายเข้ากับคอมพิวเตอร์แทน แต่หลายคนก็อาจจะอยากใช้วิธีโอนถ่ายข้อมูลผ่านแฟลชไดรฟ์มากกว่า วันนี้ทางทีมงานคัดแฟลชไดรฟ์สำหรับใช้งานกับโทรศัพท์มาฝากกัน 5 รุ่น บอกเลยใช้ง่าย สะดวก และราคาเริ่มต้นไม่แพงด้วย

1. SANDISK Ultra Dual Drive Go

สเปค

  • ขนาด : 1.21 x 4.44 x 0.86 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก : 6.5 กรัม
  • การเชื่อมต่อ : USB 3.2 Gen 1 / Type-A / Type-C
  • ความเร็วการอ่าน : 150 MB/s / 400 MB/s (สำหรับความจุ 128 GB ขึ้นไป)
  • ความเร็วการเขียน : ไม่ระบุ
  • ความจุที่มีให้เลือก : 32 / 64 / 128 / 256 / 512GB
  • ราคา : 260 / 340 / 490 / 890 / 1790 บาท
  • ประกัน : 5 ปี
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

เริ่มกันที่ตัวแรกกับรุ่นที่หาซื้อง่าย ราคาดี สเปคโอเคกับ SANDISK Ultra Dual Drive Go ดีไซน์ภายนอกจะมาเป็นทรงเดียวกับแฟลชไดรฟ์ปกติ แค่มีช่อง Type-C เพิ่มขึ้นมา ขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาง่าย

โดยฝาปิดสามารถหมุนสลับฝั่งเพื่อปิดตัวพอร์ตได้ น้ำหนักรุ่นที่ใช้บอดีเป็นพลาสติกค่อนข้างเบาใช้ได้เลย ส่วนรุ่นที่บอดีเป็นโลหะจะมีความหนักขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง

ความเร็วในการเชื่อมต่อก็อยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ได้เร็วมาก สำหรับรุ่นเริ่มต้นความจุไม่สูง จะวิ่งที่ประมาณ 100-150 MB/s ส่วนตัวคิดว่าอาจจะต่ำไปสักหน่อยในยุคนี้

ส่วนรุ่นความจุ 128GB ขึ้นไปจะได้ความเร็ว 400 MB/s ซึ่งถือว่ามีความเร็วประมาณ SSD SATA ในยุคแรก ๆ เลย โดยความเร็วระดับนี้ก็จัดว่าโอเคเลย สามารถโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ได้ในเวลาที่ไม่นานเกินไป

แต่รุ่นนี้ก็มีข้อสังเกตอยู่บ้างตอนเวลาใช้ไปนาน ๆ จะมีความร้อนสะสมที่ตัวบอดีอยู่พอสมควร โดยเฉพาะรุ่นที่บอดี้เป็นโลหะ และสเปครุ่นที่ได้ความเร็ว 400 MB/s จะมีแค่บางรุ่นเท่านั้น ก่อนซื้ออย่าลืมตรวจสอบฉลากหน้าห่อให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจจะได้รุ่นเก่าที่ความเร็วต่ำกว่ามาแทน

2. Lexar JumpDrive Dual Drive D400

สเปค

  • ขนาด : 6.06 x 1.62 x 0.97 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก : 17.8 กรัม
  • การเชื่อมต่อ : USB 3.1 / Type-A / Type-C
  • ความเร็วการอ่าน : 130 MB/s
  • ความเร็วการเขียน : ไม่ระบุ
  • ความจุที่มีให้เลือก : 32 / 64 / 128 / 256 GB
  • ราคา : 249 / 299 / 479 / 820 บาท
  • ประกัน : 5 ปี
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

สำหรับรุ่นถัดไปจะพาไปดูแฟลชไดรฟ์จากอีกแบรนด์ อย่าง Lexar กันบ้าง โดยภายนอกนั้นมีความคล้ายกับ SANDISK Ultra Dual Drive Go คือมีฝาปิดที่สามารถหมุนพับได้เหมือนกัน แต่ Lexar จะมีราคาถูกกว่า แถมได้วัสดุเป็นโลหะด้วย

ด้านขนาดก็ทำออกมาได้เล็กกะทัดรัดพกพาง่าย ไม่ต่างกับแฟลชไดรฟ์ปกติ ส่วนน้ำหนักจะรู้สึกว่าหนักเหมือนกัน เพราะบอดีทำจากโลหะ แต่ก็มีข้อดีตรงที่ระบายความร้อนได้ดีกว่าพลาสติก และเวลาใช้ไปนาน ๆ บริเวณช่องเสียบจะไม่บิ่น หรือแตกหัก

ความเร็วในการเชื่อมต่อก็อยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ได้เร็วมาก ประมาณ 100-130 MB/s ซึ่งอาจจะต่ำไปสักหน่อย แต่ด้วยราคาที่ถูกที่สุดในกลุ่ม ก็ถือว่าเป็นอะไรที่รับได้

3. KINGSTON DATATRAVELER MAX

สเปค

  • ขนาด : 8.217 x 2.2 x 0.9 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก : 12 กรัม
  • การเชื่อมต่อ : USB 3.2 Gen 2 / Type-C
  • ความเร็วการอ่าน : 1000 MB/s
  • ความเร็วการเขียน : 900 MB/s
  • ความจุที่มีให้เลือก : 256 / 512 GB / 1 TB
  • ราคา : 1190 / 2490 / 3000 บาท
  • ประกัน : 5 ปี
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

สำหรับรุ่นนี้ที่เลือกมานั้น จะแตกต่างกับรุ่นอื่น ๆ เล็กน้อย ตรงที่มีพอร์ตเชื่อมต่อแค่ USB Type-C เพียงอย่างเดียว (รุ่น USB Type-A อย่างเดียวขายหมดไปแล้ว) แต่ด้วยสเปคที่ให้มาจัดเต็มสมกับเป็นแฟลชไดรฟ์รุ่นท็อปของแบรนด์ ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย

ดีไซน์ภายนอกจากมีความเรียวยาว มีความกว้างค่อนข้างน้อย หน้าตาแอบคล้ายกล่องเก็บไส้ดินสอกด เนื่องจากไม่ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับพอร์ต USB Type-A แล้วนั่นเอง และตัวพอร์ต Type-C สามารถเลื่อนเก็บเพื่อความเรียบร้อยได้ด้วย วัสดุเป็นพลาสติกที่จับแล้วดูแข็งแรงแน่นหนาดี

ความเร็วการอ่านและเขียนให้มาสูงมากระดับ 1000 MB/s เร็วระดับ External SSD เลย ซึ่งแน่นอนว่าสเปคระดับนี้ย่อมตามมากับราคาที่ค่อนข้างสูงหลักพันบาท แต่ก็ยังถือว่ามีราคาที่ถูกที่สุดในบรรดาแฟลชไดรฟ์ความเร็วสูงนะ

ถ้าใครไม่ได้ใช้ช่อง USB Type-A บ่อย ๆ การจะหักดิบแล้วมาใช้ USB Type-C เพียงอย่างเดียวก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ

4. Transcend ESD310

สเปค

  • ขนาด : 7.13 x 2.00 x 0.78 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก : 11 กรัม
  • การเชื่อมต่อ : USB 3.2 Gen 2 / Type-A / Type-C
  • ความเร็วการอ่าน : 1050 MB/s
  • ความเร็วการเขียน : 900 MB/s
  • ความจุที่มีให้เลือก : 256 / 512 GB / 1 / 2 TB
  • ราคา : 1650 / 2350 / 3650 / 6990 บาท
  • ประกัน : 5 ปี
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

รุ่นถัดมานี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นตัวตึงในสินค้ากลุ่มนี้ เพราะเป็นแฟลชไดรฟ์ความเร็วสูงรุ่นแรก ๆ ที่วางขายในบ้านเรา โดยจะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สี ตามแต่ความชอบ ซึ่งรหัสรุ่นจะแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ส่วนความเร็วถ้าดูจากสเปคแล้วไม่ต่างกัน

ดีไซน์ภายนอกจะเป็นแฟลชไดรฟ์แบบที่ใช้ได้ทั้ง USB Type-A และ USB Type-C โดยที่ด้านหัวและท้ายจะมีฝาปิดป้องกันพอร์ต ที่บอกเลยว่าตอนใช้กลัวทำหายเหลือเกิน

ส่วนวัสดุตัวบอดีหลักจะใช้เป็นโลหะ ผิวยิงทราย ให้ความรู้สึกพรีเมียมประมาณนึง แข็งแรงทนทาน ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ขนาดอาจจะใหญ่กว่า Flash Drive ทั่วไปนิดหน่อย ภาพรวมดีไซน์ภายนอกเรียกได้ว่าเหมือนกับรุ่น JetFlash930C ที่เราเคยรีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้เลย

ความเร็วบอกเลยว่าอยู่ในระดับ 1000 MB/s แบบเดียวกับ External SSD เลย ส่วนราคาก็ตามความเร็วที่ได้ เพราะเริ่มต้นค่อนข้างสูงหลักพันบาท แต่บอกเลยว่าถ้าใช้แล้วจะลืมภาพแฟลชไดรฟ์เดิม ๆ ที่เคยใช้ไปได้เลย

5. Silicon Power DS72

สเปค

  • ขนาด : 8.095 x 2.13 x 1.04 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก : 15.6 g 
  • การเชื่อมต่อ : USB 3.2 Gen 2 / Type-A / USB Type-C
  • ความเร็วการอ่านสูงสุด : 1050 MB/s 
  • ความเร็วการเขียนสูงสุด : 850 MB/s
  • ความจุ : 250GB/ 500GB/ 1TB
  • ราคา : 1,390 / 2,490/ 3,690 บาท
  • ประกัน 5 ปี 
  • ตามไปตำได้ที่ : Link

มาถึงตัวสุดท้าย บอกเลยว่าเป็นรุ่นนี้เป็นเหมือนรุ่นที่ทำมาแก้บั๊ก ลบจุดอ่อนของรุ่นก่อนหน้า อย่างฝาปิดพอร์ตที่หายง่ายด้วยการ Build-in มันไว้ในตัวเลย ไม่หล่นหายแน่นอน แต่ก็แลกมากับขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เรียกว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดแล้ว (ใหญ่กว่านี้ก็ External SSD แล้ว)

ดีไซน์ภายนอกจะดูดุดัน แข็งแกร่งที่สุดในบรรดารุ่นที่เรานำมาแนะนำกันเลย แต่รุ่นนี้มีเพียงแค่สีเดียวเท่านั้น ส่วนพอร์ตมาพร้อมกับ USB Type-A และ USB Type-C สามารถนำไปใช้ได้ทั้งพีซี มือถือ แท็บเล็ต หรือแม้แต่เครื่องเล่นเกม

ด้านความเร็วก็ทำออกมาได้เร็วแรงแบบเดียวกับ External SSD ที่ความเร็ว 1000 MB/s เลยทีเดียว ก็อปไฟล์เร็วกว่าแฟลชไดรฟ์ธรรมดาถึง 10 เท่า แถมใช้ไปนาน ๆ ก็ไม่ได้ร้อนจนจับไม่ได้ด้วย

บอกเลยว่าจากที่ใช้งานมา มันใช้สะดวกมาก ๆ จนแทบจะลืม External SSD ตัวใหญ่ ๆ ไปเลย เพราะมีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่ามาก แต่ได้ความเร็วใกล้เคียงกัน บอกเลยเป็นแฟลชไดรฟ์ตัวจบรุ่นหนึ่งที่น่าใช้มาก

สรุป

สำหรับใครที่เน้นราคาถูกที่สุด แบบทำหายแล้วไม่เสียดายทีหลัง ยังไง Lexar JumpDrive Dual Drive D400 ก็ดูดีที่สุดใน 5 รุ่น

ส่วนใครที่เน้นความคุ้มค่าขอราคาไม่แรงมาก SANDISK Ultra Dual Drive Go รุ่นความจุ 128 GB ขึ้นไป ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะได้ความเร็ว 400 MB/s ในราคาไม่ถึง 500 บาท

ส่วนใครที่งบไม่จำกัด KINGSTON DATATRAVELER MAX, Transcend ESD310 หรือ Silicon Power DS72 3 รุ่นนี้เลือกตัวไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบและดีไซน์เป็นหลัก เช่น บางคนกลัวฝาปิดหาย KINGSTON กับ Silicon Power ก็น่าสนใจ แต่ต้องแลกมากับขนาดที่ยาวกว่า Transcend อยู่เล็กน้อย

หรือถ้าเน้นดีไซน์สวย Transcend ESD310 ก็มีสีให้เลือกเยอะที่สุด วัสดุภายนอกดีที่สุด และมีน้ำหนักเบาที่สุดด้วย หรืออาจจะพิจารณาจากลักษณะของฝาปิดพอร์ตก็ได้เช่นกัน เพราะแต่ละรุ่นมีวิธีเปิด-ปิดฝา ที่ต่างกันเล็กน้อย

แต่ทั้ง 3 รุ่น เนื่องจากเป็นแฟลชไดรฟ์ความเร็วสูง ราคาก็สูงตาม ทำให้จำนวนที่ถูกนำเข้ามาขายต่อล็อตมีน้อย ของเลยหมดบ่อย ทำให้บางครั้งรุ่นที่อยากได้ตอนไปซื้อของอาจจะหมด ต้องรอนาน เลยอาจจะได้อีกรุ่นมาใช้แทนก็เป็นได้