ตอนนี้ในประเทศไทยหลาย ๆ คนเริ่มจับไต๋พวกแก๊งคอลเซนเตอร์ได้แล้ว (แต่ก็ยังมีที่หลงกลอีกไม่น้อย) ส่วนในอเมริกาก็มีมิจฉาชีพแนว ๆ นี้เหมือนกัน แต่ล้ำกว่าอีกขั้นนึง เพราะเค้าใช้ซอฟท์แวร์ที่ให้ระบบ AI ปลอมเสียงเป็นคนรู้จักหรือคนในครอบครัวเพื่อหลอกให้เหยื่อโอนเงินเข้ากระเป๋าได้แบบเนียน ๆ เลย

มีรายงานว่าช่วงนี้ในสหรัฐอเมริกามีแก๊งคอลเซนเตอร์ใช้ความล้ำของระบบ AI ที่สามารถเลียนเสียงคนอื่นได้ด้วยการใช้ตัวอย่างเสียงเพียงไม่กี่วินาที โทรมาหลอกเหยื่อว่าเป็นคนรู้จัก คนในครอบครัว หรือญาติพี่น้อง ที่กำลังเดือดร้อนจนต้องขอให้โอนเงินมาให้

จากข้อมูลบอกว่ามิจฉาชีพประเภทนี้กำลังแพร่ระบาดมากเป็นอันดับ 2 ของมิจฉาชีพหลาย ๆ ประเภทของสหรัฐอเมริกาในปี 2022 โดยมีคดีฉ้อโกงจากการใช้ระบบ AI เลียนเสียงเกิดขึ้นมากกว่า 5,000 ครั้ง จากคดีฉ้อโกงทั้งหมด 36,000 คดี และมียอดความเสียหายสูงถึง 11 ล้านดอลลาร์ หรือราว ๆ สามร้อยแปดสิบล้านบาทเลยทีเดียว

มีตัวอย่างคดีที่เหยื่อโดนหลอกด้วยเสียงปลอมจากระบบ AI เป็นคู่ตายายที่โดนหลอกให้โอนเงินจำนวน 15,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 526,260 บาท) ผ่าน Bitcoin Terminal เพราะคนที่โทรมาเสียงเหมือนกับลูกชายของเค้า ซึ่งแต่งเรื่องว่าต้องการใช้เงินจำนวนดังกล่าวมาสู้คดีขับรถชนคนตาย

ส่วนตัวอย่างอีกคดีก็เป็นคู่ตายายอายุ 70+ เหมือนกัน โดนโทรหลอกว่าเป็นหลานให้ไปถอนเงินที่ธนาคาร แต่โชคดีที่พนักงานเกิดเอะใจ ดึงตัวทั้งคู่เข้ามาคุยในห้องก่อนจะรู้ตัวว่าถูกระบบ AI แปลงเสียงเป็นหลานตัวเองมาหลอกเอาเงิน โดยทั้งคู่ให้การว่าเสียงเหมือนหลานมากจริง ๆ จนเชื่อไปแล้ว

Ruth Card หนึ่งในคนที่เกือบเป็นเหยื่อ แต่ผู้จัดการธนาคารเอะใจเลยช่วยไว้ได้

ตามรายงานบอกว่าเหล่ามิจฉาชีพที่ใช้ระบบ AI ปลอมเสียง ส่วนมากจะพุ่งเป้าไปที่เหล่าผู้สูงอายุ โดยจะหลอกว่าเป็นลูกเป็นหลานกำลังเดือดร้อนและต้องการใช้เงินด่วน แน่นอนว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องเป็นห่วงลูกจนแทบไม่เอะใจเลยว่ากำลังโดนหลอกอยู่

ก็ไม่รู้ว่าเหล่ามิจฉาชีพในไทยจะปรับตัวมาใช้วิธีไฮเทคแบบนี้บ้างรึเปล่า…เอาจริง ๆ ทุกวันนี้แม้ในประเทศไทยจะยังไม่มีคดีที่ใช้ AI ปลอมเสียง แต่ก็มีคดีประเภทโทรมาตีเนียนว่าเป็นเพื่อนแล้วขอยืมเงินเหมือนกันนะ

 

ที่มา : Washingtonpost