กูเกิลปล่อย Android 15 เวอร์ชันเสถียร (ตัวเต็ม) อย่างเป็นทางการในวันนี้ ฟีเจอร์ใหม่ทั้งหมดเป็นฟีเจอร์ที่เคยเปิดให้ทดสอบกันไปในเวอร์ชันเบตาทั้ง 6 รุ่น สำหรับคนที่ติดตามข่าวมาตลอด หรือเคยทดลองใช้งานมาก่อน คงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นนัก แต่ถึงกระนั้น Android 15 ก็มีฟีเจอร์ใหญ่ฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจ และหลายคนน่าจะรอคอยมานานคือ Private space ที่สามารถนำไปประยุกต์ในการโคลนแอป เล่น LINE สองบัญชีได้

ถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ถนัดขึ้น

โดยทั่วไป โหมดถ่ายภาพกลางคืนบนมือถือจะใช้เทคนิคอิมเมจฟิวชัน คือถ่ายรัว ๆ ในเบื้องหลัง แล้วนำมารวมเป็นภาพเดียวเพื่อเพิ่มความสว่าง ความคมชัด และลดนอยส์ แต่ปัญหาคือ หน้าจอพรีวิวจะแสดงผลมืดกว่ารูปที่ถ่ายออกมา เพราะภาพบนหน้าจอยังไม่ถูกประมวลผล ทำให้บางครั้งยากต่อการจัดองค์ประกอบ หรือสังเกตจุดโฟกัส

เพื่อแก้ปัญหานี้ กูเกิลจึงได้เพิ่มฟีเจอร์ Low Light Boost เข้ามาใน Android 15 ซึ่งจะทำหน้าที่ปรับความสว่างให้หน้าจอพรีวิวโดยอัตโนมัติ มีผลทั้ง Camera2 API และโหมดกลางคืนที่เป็นส่วนขยาย

ของใหม่อีกอย่างที่เพิ่มมาในหมวดนี้คือ การปลดล็อกให้นักพัฒนาสามารถใส่ตัวเลือกควบคุมความเข้มของแสงแฟลชได้ ทั้งแฟลชสำหรับถ่ายภาพ และแฟลชสำหรับไฟฉาย

รองรับการล็อกแอป – โคลนแอป

บน Android 15 จะมี Private space เป็นพื้นที่ที่แยกส่วนออกมา ผู้ใช้งานสามารถล็อกอินด้วยบัญชี Google Account อื่น และติดตั้งแอปอีกชุดโดยไม่ข้องเกี่ยวกับบัญชีหลัก พร้อมใส่รหัสครอบทับอีกชั้นลงไปได้ คล้ายกับ Secure Folder ของซัมซุง ที่หลายคนนำไปประยุกต์เป็นฟีเจอร์โคลนแอป

ล็อกเครื่องอัตโนมัติเมื่อถูกวิ่งราว

หากระบบวิเคราะห์ว่ามือถือกำลังถูกวิ่งราว จากการใช้เซนเซอร์ไจโรสโคปตรวจจับร่วมกับ AI ระบบจะสั่งล็อกหน้าจอโดยอัตโนมัติ เพิ่มความลำบากให้กับโจร ที่จะนำมือถือเครื่องนั้นไปทำอะไร ๆ ต่อ และในขณะเดียวกันก็เป็นการซื้อเวลาให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งล้างข้อมูลจากระยะไกลได้หากจำเป็น

Theft Detection Lock จะเปิดให้ใช้งานก่อนบน Android 15 จากนั้นกูเกิลจะทยอยอัปเดตย้อนหลังให้เวอร์ชันอื่น ๆ ย้อนหลังไกลสุดถึง Android 10

บังคับปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ

หากเครื่องถูกถอดซิม พยายามจะเปลี่ยนรหัสผ่าน เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าที่มีความละเอียดอ่อนอื่น ๆ หรือล็อกอินจากสถานที่ที่ระบบไม่คุ้นเคย บน Android 15 จะบังคับให้ปลดล็อกด้วยไบโอเมทริกซ์เพื่อยืนยันตัวตนอีกรอบเพื่อความปลอดภัย เช่น การสแกนใบหน้าหรือการสแกนลายนิ้วมือ และหากปลดล็อกไม่สำเร็จหลายครั้ง เครื่องจะถูกล็อกอัตโนมัติ

จับคู่แอปที่ใช้งานบ่อยเป็นชอร์ตคัต

เพิ่มการรองรับการปักหมุดแอปที่เปิดคู่กันในโหมด split-screen ไว้เป็นชอร์ตคัตบนทาส์ก

กบาร์หรือหน้าจอหลัก เพิ่มความสะดวกในการใช้งานแบบมัลติทาสกิงบนแท็บเล็ตและมือถือจอพับ หรืออุปกรณ์ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่

ดูวิดีโอกินแบตน้อยลง

เปลี่ยนมาใช้ตัวถอดรหัสวิดีโอ AV1 ด้วยซอฟต์แวร์เป็นไลบรารี dav1d ของ VideoLAN รองรับความละเอียดสูงสุด 720p โดย Gogole เคลมว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าไลบรารีตัวเดิมถึง 3 เท่า สำหรับมือถือรุ่นเล็กและรุ่นกลาง (ส่วนเรือธงมีตัวถอดรหัสแบบฮาร์ดแวร์ที่ประสิทธิภาพเหนือกว่าบนชิปอยู่แล้ว)

ลบ (เก็บ) แอปชั่วคราว ข้อมูลไม่หาย

ฟีเจอร์ app archiving เป็นฟีเจอร์แบ็กอัปข้อมูลในแอปไปเก็บบนคลาวด์ พร้อมกับลบข้อมูลในส่วนที่ถูกแบ็กอัปแล้วนั้นออกไปเพื่อประหยัดพื้นที่สตอเรจ เหมาะสำหรับมือถือที่มีความจุไม่เยอะและแอปที่ไม่ได้มีการใช้งานบ่อย หากต้องการกลับมาใช้งานแอปนั้น ๆ อีกครั้ง ระบบก็จะดึงข้อมูลจากบนคลาวด์กลับมา ให้ใช้งานต่อจากเดิมได้โดยที่ข้อมูลไม่หาย

เดิมที ฟีเจอร์นี้มีมาตั้งแต่ปี 2022 แล้ว ก่อนที่ กูเกิลจะอัปเกรดอีกครั้งเป็น auto-archive เมื่อปีกลาย แต่จนถึงก่อนหน้านี้เป็นฟีเจอร์ที่ผูกไว้กับ Google Play ในขณะที่ Android 15 จะฝัง app archiving มาเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ ทำให้การรองรับขยายวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะมือถือในตลาดจีนที่ไม่มี GMS และ Google Play ติดตั้งมา

ความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ

  • แถบนำทางแสดงผลโปร่งใสอย่างสมบูรณ์แบบ edge-to-edge ไม่มีพื้นหลังสีดำแล้ว สำหรับแอปที่กำหนด target เป็น Android 15 หรือสูงกว่า
  • เปิดใช้งานฟีเจอร์ predictive back เป็นค่าเริ่มต้นของเครื่องแล้ว มีผลเฉพาะกรณีตั้งค่าการนำทางเป็น gesture navigation หรือการนำทางด้วยท่าทาง (แอปต้องอัปเดตตามด้วย ถึงจะแสดงผล)
  • ปรับปรุงการทำงานของ Picture-in-Picture (PiP) ให้แสดงผลได้ราบรื่นขึ้นตอนเปิดวิดีโอแบบหน้าต่างลอย
  • เพิ่มตัวเลือกสิทธิ์การเข้าถึงรูปภาพและวิดีโอแบบใหม่เรียกว่า partial access โดยให้สิทธิ์เข้าถึงแค่บางส่วนที่เป็นไฟล์ล่าสุด (ของเดิมคือเลือกได้แค่ ให้สิทธิ์เข้าถึงทั้งหมด หรือไม่ให้สิทธิ์เข้าถึงไปเลย)
  • ปรับปรุง TextView API ให้ตัดขอบข้อความได้ถูกต้องไม่ตกขอบ – ล้นขอบ ในบางภาษา รวมถึงภาษาไทย
  • เพิ่มการจำกัดสิทธิ์ของแอปที่ทำงานในเบื้องหลังให้เข้มงวดมากขึ้นเพื่อความปลอดภัย เป็นการต่อยอดมาจากแนวทางใน Android 10

รุ่นไหนได้อัปเดตบ้าง

Android 15 เปิดให้อัปเดตตั้งแต่ Pixel 6 ไปจนถึง Pixel 9 ที่เป็นรุ่นล่าสุด โดยไปที่ Settings > System > System update ตามลำดับ ส่วนมือถือค่ายอื่น ให้รอประกาศกำหนดการจากทางผู้ผลิตอีกที

ข้อมูลเพิ่มเติม : Google