แม้ว่าดีไซน์ของตัวเครื่องโทรศัพท์จะไม่ทันสมัยเหมือนกับค่าย Android อื่น ๆ แต่จุดขายของมือถือซีรีส์ iPhone ของ Apple อยู่ที่ระบบ iOS และหน่วยประมวล แต่ในงานเปิดตัว iPhone 13 ที่ผ่านมา บนเวทีกลับไม่ได้พูดถึงเรื่องชิปสักเท่าไหร่ แถมยังไม่เปรียบเทียบกับตัว A14 Bionic รุ่นเก่าอีกด้วย ทำให้หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า Apple อาจติดหล่ม โดนดูดพนักงานฝีมือเจ๋ง ๆ ออกไปซะเป็นส่วนใหญ่

สเปคของ A15 Bionic ชิปตัวแรงในฝั่งสมาร์ทโฟนของ Apple พร้อมกับการจัดวาง CPU แบบ 2+4 และ GPU 4 – 5 แกน ขึ้นอยู่กับว่าเลือกซื้อ iPhone ตัวธรรมดา หรือรุ่น Pro รวมถึงใน iPad mini 6 ที่เดินทางมาเปิดพร้อมกันในงาน California Streaming เมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งปกติ บริษัทฯ จะขิงใส่รุ่นเก่า ๆ ของตัวเอง แต่มารอบนี้กลับขิงใส่คู่แข่งซะงั้น อาทิ

แต่ในส่วน NPU ยังดีที่ใส่เพิ่มมาให้เป็น 15.8 TOPs เป็น 11 TOPs บน A14 Bionic (ตัวเลขยิ่งเยอะยิ่งดี) ระบบ Encode และ Decode ดีขึ้น รวมถึง ISP หรือหน่วยประมวลผลรูปภาพก็ได้รับการอัปเกรดขึ้น และ System Cache อัดได้เยอะสุด 32MP คาดว่าน่าจะเป็นผลพวงของการเปลี่ยนจาก LPDDR4X มาเป็น LPDDR5

แม้จะอัปเกรดไม่เยอะ แต่ก็แรงกว่า 40% …เมื่อเทียบกับ A12

แต่จะบอกว่า Apple ไม่นำ A15 Bionic มาเทียบกับชิปตระกูล A ของตัวเอง ก็จะดูไม่แฟร์สำหรับพวกเขาเท่าไหร่ เพราะภายในงาน บริษัทฯ ได้เคลมว่า A15 Bionic แรงกว่า A12 Bionic ถึง 40% ทำให้หลายปวดหัวกันไปเป็นแถบ ๆ ว่าทำไมถึงต้องเทียบกับ A12 ที่เปิดตัวมาเป็นปี ๆ แล้ว ทำไมไม่เทียบกับ A14 Bionic ตัาล่าสุด

สาเหตุอาจมาจากการโดนดึงทีมงานคุณภาพไป

ซึ่งในส่วนนี้ SemiAnalysis ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันทีมพัฒนาชิปเซ็ตของ Apple กำลังประสบกับปัญหาพนักงานหัวกะทิไม่เพียงพอ โดนดูดจากบริษัทอื่นไปหมด ทั้ง Nuvia (ปัจจุบันเป็นของ Qualcomm) ได้ดึง Gerard Williams หัวหน้าหลังของแผนกไปทำงานร่วมกันในบริษัท ซึ่งนาย Williams ก็หนีบเอามันสมองจาก Apple ไปกว่า 100 คนเพื่อที่จะไปช่วยสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่กับ Nuvia

OPPO ดึงทีมงานหัวกะทิจาก Qualcomm, MediaTek และ HiSilicon เตรียมเอาจริงผลิตชิปไว้ใช้เอง

แถมไม่นานมานี้ทีม Rivos Inc ของ RISC V ก็เพิ่งจะดึงวิศวกรระดับสูงของ Apple ไปทำงานด้วยกันอีกต่างหาก ทำให้สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับ Apple แทบจะไม่เหลือตัวหลักในแผนกชิปเซ็ตแล้ว ภายในน่าจะยังมีซีเนียร์คอยคุมทีมอยู่บ้าง แต่ทีมส่วนมากน่าจะเป็นคนที่ประสบการณ์ไม่เจนจัดเท่ากับที่ออกไป

จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมรอบนี้ A15 Bionic ดูเหมือนจะไม่ค่อยต่างจากชิปรุ่นปีที่แล้วสักเท่าไหร่ แถมนอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเลือกเอา CPU ตัวเก่าที่ใข้บน A14 Bionic มาโมดิฟายปรับแต่งใหม่นิดหน่อย แล้วยัดเข้าไปใน A15 Bionic ไม่ได้นำ CPU ตัวใหม่ที่สเปคดีกว่ามาใช้

ทั้งนี้เพื่อที่จะทุกอย่างแฟร์กับ Apple ก็มีคนนำเอา iPhone 13 Pro ที่ใช้ A15 Bionic ไปรัน GPU เทียบกับ A14 ก็พบว่า ตัวมหม่แรงกว่าเดิมถึง 55% เลยด้วยกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นการอัปเกรดที่ Minor Changes มาก ๆ แต่หากเทียบกับ Apple Watch Series 7 ที่ยังคงย่ำอยู่ที่เดิม ใช้ S6 เหมือนกับ Apple Watch Series 6 . . . .

 

ที่มา: wfftech| semianalysis