กล้องเลนส์คู่ของ iPhone ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ iPhone 7 เป็นต้นมา สร้างความประทับใจในในการถ่ายภาพโบเก้ไปไม่น้อย ซึ่งเทคโนโลยีนี้ต่างก็เข้าใจว่าเป็นทาง Apple คิดค้นขึ้นมาเองทั้งหมด แต่ล่าสุดมีข่าวรายงานว่า บริษัทผลิตเซนเซอร์กล้องชื่อดังสัญชาติอิสราเอลอย่าง Corephotonics ยื่นฟ้อง Apple หลังจากพวกเขาเชื่อว่าฝ่ายหลังนั้นเอาเทคโนโลยีกล้องของพวกเขาไปใช้โดยที่ไม่ได้รับการอนุญาตหรือจ่ายค่าไลเซนส์แต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ทาง Corephotonics และ Apple ได้เจรจาการค้ากันมาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว ต่างฝ่ายต่างส่งทีมงานของตนเองมาคุยงานกันที่ HQ ของอีกฝ่าย จนกระทั่งในที่สุด Apple ก็ได้รับคำอนุญาตให้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของ Corephotonics ได้ อาทิเช่น โมดูลกล้อง, เทสบอร์ด และไฟล์จำลองต่างๆ ในเดือนมิถุนายน ปี 2014 ทั้งสองบริษัทก็มานั่งจับเข่าคุยถึงเรื่องธุรกิจต่างๆ วางแผนทำงานร่วมกัน ทว่า.. ทุกอย่างกลับนิ่งสนิทเมื่อเดือนสิงหาคมปีดังกล่าว Apple กลับเงียบไม่พูดจาอะไรต่อเลยนับจากนั้น

จนกระทั่งเมื่อปี 2016 Apple ได้เปิดตัว iPhone 7 Plus โดยใช้เทคโนโลยีกล้องจาก Corephotonics ซึ่งฝ่ายหลังยังไม่ได้ให้อนุญาตบริษัทค่ายผลไม้ให้ใช้งานก่อนเลย ก่อนหน้านี้ผู้บริหารระดับสูงของ Corephotonics ก็ได้พยายามติดต่อเรื่องนี้กับ Apple ก่อนการเปิดตัว iPhone 7 Plus ลายรอบแต่กลับไม่ได้รับเสียงตอบรับอะไรกลับมาเลย

แบบนี้เองเลยทำให้บริษัทผลิตเซนเซอร์กล้องชื่อดังเลยตัดสินใจยื่นเอกสารฟ้องร้อง Apple ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 หลังจากใช้เวลาร่วมปีก่อนตรวจสอบโมดูลกล้องอย่างเคร่งครัด พร้อมพบว่า iPhone 7 Plus และ iPhone 8 Plus ใช้เทคโนโลยีซูมที่เป็นสิทธิบัตรของ Corephotonics

เท่านั้นยังไม่พอ ในเดือนเมษายน ปี 2018 Apple ก็ถูกฟ้องอีกรอบจากบริษัทเดิม รอบนี้เป็น iPhone X จนรอบล่าสุด ก็ถึงตาของ iPhone XS และ iPhone XS Max ซึ่งรอบนี้ Corephotonics ออกมาเคลมว่า Apple รู้ตัวมาตลอดว่าตัวเองนั้นได้ละเมิดสิทธิบัตร ทว่ากลับไม่มีทีท่าว่าจะรับผิดชอบอะไรเลย

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก็ได้มีข่าวลือออกมาว่า Samsung ได้พยายามที่จะเทคโอเวอร์บริษัท Corephotonics รวมเป็นเงินมูลค่ากว่า $150 ล้าน หรือประมาณ 4,600 ล้านบาท ซึ่งสำนักข่าวหลายแห่งต่างรายงานเป็นเสียงเดียวกันว่าดีลดังกล่าวนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ไปด้วยดี แต่กลับไม่มีแถลงการจากทั้งสองฝั่งออกมาแต่อย่างใด

ที่มา: AppleInsider & GSMArena