โลกกำลังหมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และชีวิตของคนเราก็กำลังเปลี่ยนแปลงด้วยอินเตอร์เน็ต โซเชียลเน็ทเวอร์ค และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดจากอุปกรณ์พกพา ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต หลักฐานชิ้นสำคัญที่เราสามารถเห็นได้คือผลการประเมิณมูลค่าแบรนด์ของ interbrand.com ที่ทำต่อเนื่องมาหลายสิบปี และตอนนี้ Apple ได้แซง Coca-Cola ขึ้นมาเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดไปแล้ว ส่วน Google เองก็ขยับจากอันดับ 4 ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ด้วยการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าแบบก้าวกระโดดคือ 34%
ต้องขออธิบายเพิ่มเติมว่า Coca-Cola นี่เป็นแชมป์แบรนด์อันดับ 1 มาติดต่อกันยาวนานถึง 13 ปีนะครับ แล้วมาปีนนี้โดนเตะตกลงมาทีเดียวกลายเป็นอันดับ 3 โดย Apple และ Google ที่กระโดดขึ้นมาแทน
แค่มองตารางด้านบนแบบผ่านๆ ก็จะเห็นว่าใน 10 อันดับแรกนั้นมีแต่แบรนด์เกี่ยวกับเทคโนโลยีทั้งนั้น อันดับ 4 IBM อันดับ 5 Microsoft ลงมาถึง Samsung อันดับที่ 8 และ Intel อันดับที่เก้า โดย 3 แบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดอย่าง Apple Google และ Samsung นั้นต่างเป็นแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและการสื่อสารทั้งนั้นเลย ซึ่งการเติบโตในครั้งนี้ก็ต้องบอกว่าเกี่ยวของโดยตรงกับความนิยมของอุปกรณ์พกพา ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรือสมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการณ์ Android ของ Google ที่ครองตลาดสมาร์ทโฟนในตอนนี้ รวมถึง Samsung Galaxy ที่ยอดขายมาแรงแซงจนเป็นสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ไปแล้วในหลายประเทศ
source : interbrand via androidauthority
มีแต่บริษัทจาก us เต็มเลย รวยจริงๆ
-*- MC มาไง
อันนี้เค้าติดมานานแล้วครับ มาสาขาทั่วโลก ทุกซอกทุกมุม ถึงขั้นเอาราคาแมคในแต่ละที่เป็นดัชชีวัดเงินเฟ้อได้เลยนะ
google อายุแค่ 15 ปีเอง ขึ้นปีละเท่าไหร่เนี่ย
เอางี้ตอนผมเรียนโทเมื่อหลายปีก่อน (ห้าหกปีก่อน) Samsung อยู่ที่ 14-20 นี่แหละ
ตอนนี้ติดหนึ่งในสิบแล้วเว้ย
อันดับ 5 คือ Micro$oft นี่คือค่ายที่หลายคนมองข้าม
แต่หารู้ไม่ว่า พวกเราคนใช้ Android ทุกเครื่อง ต้องจ่าย ค่าลิขสิทธิ์ ให้ Microsoft เครื่องละ $8 = 250 บาท ต่อยอดขายแอนดรอย์ 1 เครื่อง
wtf อะไรกันฟระเนี่ย นึกว่าใช้ opensource แล้วจะอิสระ ที่ไหนได้เจอ ไอ ้ปลิง Micro$oft เก็บเงินจากแอนดรอย์ปีนี้เป็นเงิน 3 พัน 4 ร้อยล้านเหรียญ ในปี 2013 นี้! Hell No เจี๊ยก
เท่าที่ทราบมาคือได้ปีละ หลายร้อยล้านเหรียญเลย ตั้งแต่ปี 2011 แล้ว
และปี 2017 จะได้เงินจาก Android ปีนั้นแค่ปีเดียว = 8 พัน 8 ร้อยล้านเหรียญ. ค่าลิขสิทธิ์บร้าอะไรกันฟระเนี่ย.
แค่นั่งเฉยๆ รอเก็บต๋งจากไอ ้หุ่นกระป๋องเขียว แค่นี้ตรูก็รวยแล้วว้อย กร๊ากๆๆ ฮ่าๆๆ
http://news.yahoo.com/microsoft-could-generate-8-8-billion-annually-android-173026034.html
เก็บค่าลิขสิทธิ์จากอะไรเหรอครับ
อยากทราบเหมือนกันอะ
จากหลายเรื่อง
– sync with Exchange อันนี้โทรศัพท์ใคร sync กับ MS Exchange ได้ ไม่ว่าจะเป็น เมล์, calendar, contacts, document ยี่ห้อนั้นมีสิทธิ์โดนฟ้อง เช่น พี่แซมมี่ของเรา
– use sd card ซึ่งระบบ ExFAT(File Allocation Table) มันเป็นเทคโนโลยีของ M$ หิวเงิน แต่ Android ทุกเครื่องทีใช้ SD-card ใช้ เทคโนโลยีนี้หมด เลยหวานคอแร้ง.
อาจรวมพวก
– plot search result from a map = วาดผลการค้นหาสถานที่จากแผนที่ อันนี้ TomTom GPS ถูกออกหมาเรียกไปเมื่อปี 2009
– การใช้ชื่อสั้นและยาว รวมกันในระบบการจัดเก็บไฟล์ แบบ ExFat
– ways to keep mobile apps informed about the state of a device = วิธีที่ app มือถือ รับข้อมูลเกี่ยวกับ สถานะระบบ OS ขณะนั้นๆ
(ผมยกตัวอย่างเองนะ เช่นว่า มี สายเรียกเข้า, แจ้ง memory เต็ม) แต่มันเป็นวิธีนะ ที่ถูกอาจละเมิดลิขสิทธิ์ของ M$ ได้
– การโหลดเวปเพจได้เร็วโดยไม่โหลด image ก่อน(อุบ๊ะอันนี้มันเป็น algorithm แล้วมันจดลิขสิทธิ์ได้ด้วยเหรอ?)
– using selection handles in text editing = การ select text ในโหมด Edit
เออ! เอากะท่าน M$ สิ จะไม่แข่งขันด้วย idea สร้างสรรค์แล้วใช่ไหม. ใช้วิธีเก็บค่าชดเชยค่าละเมิดลิขสิทธิ์ แทนแล้วใช่ไหม.
โธ่ อุตส่าห์ เป็นผู้บุกเบิกวงการพีซี มาแต๊แต๊เชียวนะ ตะเอง
แล้วทำไม ไอ้โฟน มันก็มีพวก select text เหมือนกันทำไม M$ ไม่ไปขู่ฟ้องกับ pineapple บ้างนะ เป็นงง?
ไอ้โฟนก็ฉลาดนิ ไม่ยอมมี sd card เพราะเหตุผลนี้ด้วยรึเปล่าหว่า?
http://www.digitaltrends.com/mobile/is-android-being-stifled-by-a-microsoft-tax/
มูลค่าแบรนด์เค้าไม่ได้คิดแค่ฝั่งมือถือนะครับ เรื่องแบรนคนไม่ได้มองข้าม Microsoft แน่นอน ฝั่ง PC Microsoft ทุกคนรู้จักหมด ดังนั้นอยู่ Top ไม่แปลกเลย
อยากรู้เหมือนกัน หน้าต่างเก็บค่าอะไร
คงไม่ใช่ค่า ต้นไม้ทวิภาคนะ
ที่ตลกร้ายที่สุด คือ android นี้เป็น open source ซึ่ง google แจกฟรี ไม่คิดค่า license ซักบาทจาก ผู้ผลิตมือถือ แต่ google หารายได้จากค่าบริการทางอื่นเอา เช่นค่า โฆษณา ค่าแอพบนแอนดรอย
แต่พี่ M$ มาจากไหนไม่ทราบ อยู่ๆ ก็ไปเก็บค่าละเมิดลิขสิทธิ์จาก HTC, Samsung, LG และเกือบทุกเจ้าที่ผลิตแอนดรอย และบริษัทเหล่านี้ก็จะมาคิดค่าปรับลงไปกับราคามือถือ
ซึ่งมันตลกตรงนี้แหละ
ซึ่งเทคโนโลยีพวกนี้ หลายอันมันเกิน 10 ปีไปแล้ว บางอันนี่ผมว่าเป็น 20 ปีได้แล้ว น่าจะไม่ติดลิขสิทธิ์อีกแล้วนะ
พี่แกก็ได้เงินจากบังคับขาย windows ไปกับ PC ทุกเครื่องที่ขายในอเมริกามานานมากๆแล้ว ก็น่าจะคืนทุน+กำไร แล้ว.
สรุป คุณหนีมาใช้ Android คุณคิดว่าคุณหนีพ้นจากเงื้อมือของ M$ แล้วหรือ
หึหึ! ไม่เลย คุณหนีไม่พ้น ยังไงก็ยังต้องจ่ายเงิน ให้ผม M$ ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ดี คริ คริ
และที่อยากรู้ต่อจากนี้ก็คือ
ระหว่างค่าสิทธิบัตรของ M$ ต่อ android กับยอดการขาย license windows phone 8
ของปี 2013 อันไหนทำรายได้ให้ M$ มากกว่ากัน
ซึ่งถ้า ค่าสิทธิบัตรต่อ android ทำรายได้มากกว่านะ งานนี้โคตะระ ฮาเลย!
มันตกเพราะไอ้นี่แน่เลย