ข่าวนี้เกิดขึ้นมาได้หลายวันแล้ว เมื่อเวบผู้ไล่ตามสิทธิบัตรของ Apple อย่าง Patently Apple ได้ออกมาบอกว่าทาง Apple ได้ทำการจดสิทธิบัตรการปลดล็อคเครื่องโดยใช้ระบบจดจำใบหน้าไปแล้ว ตั้งแต่เดือนมิถุนายนโน่น เลยมีการถกเถียงกันขึ้นมาว่า อ้าว แล้ว Face Unlock บน Android Ice Cream Sandwich จะทำเยี่ยงไรต่อไปนิ
ดูไปแล้วเรื่องนี้อาจจะมีดราม่ายาวๆ หากมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น และ blog นี้ก็อาจจะดราม่าแน่ๆ เลยขอให้ทุกท่านเปิดใจก่อน แล้วมาลองพิจารณากันไล่เป็นข้อๆ แบบที่ทาง Droid-life และสมาชิกเค้าได้มาถกเถียงกันไปแล้วเรียบร้อย เราก็เลยได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาเขียนเป็นข่าวที่ให้ความรู้ได้ดีทีเดียว
ประเด็นแรกคือเรื่องของวันเวลาที่จดสิทธิบัตร
Apple ยื่นจดสิทธิบัตรไปเมื่อเดือนมิถุนายน ส่วน Google ได้ทำการโชว์ Face Unlock ไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ซึ่งช้ากว่าหลายเดือน แต่ตรงจุดนี้ทาง Engadget มีข้อมูลมาว่าทาง Google ได้ซื้อบริษัท PittPatt ซึ่งทำเรื่องระบบ Face Recognition ไปในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ตรงนี้เราก็ยังไม่ทราบว่า PittPatt ได้ทำการยื่นขอจดสิทธิบัตรในส่วนนี้ไปหรือไม่
ประเด็นที่สองคือ “คนแรกที่คิดค้น” กับ “คนแรกที่จดสิทธิบัตร”
ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาโดย ทนายความคนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเชี่ยวชาญเรื่องสิทธิบัตรในเรื่องของ technology และเป็นสมาชิกของเวบ Droid-life เค้าได้อธิบายว่า
1. “คนแรกที่จดสิทธิบัตร” ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ของสิ่งประดิษฐ์และการคิดค้นใดๆ ได้ ถ้าหากว่าการคิดค้นนั้นมีการใช้งานจริง และเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมาก่อนหน้าการจดสิทธิบัตร และรู้กันโดยทั่วไปว่า “คนแรกที่คิดค้น” คือใคร แต่ถ้ามองไปในเรื่องของเจ้าของสิทธิ์แล้ว ยังไงซะการจดสิทธิบัตรก็เป็นเรื่องจำเป็น “คนแรกที่จดสิทธิบัตร” จะได้สิทธิ์ตรงนี้เสมอ นอกเสียจากว่า “คนแรกที่คิดค้น” จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นคนแรกที่ค้นพบเทคโนโลยีนั้นจริง ซึ่งตรงนี้สิทธิบัตรอาจเปลี่ยนมือได้ หากชนะการฟ้องร้องในชั้นศาล
2. การยื่นจดสิทธิบัตรนั้น ไม่สามารถทำแบบขอไปทีได้ หรือเรียกว่าคิดอะไรออก ก็ไปขอจดสิทธิบัตร โดยที่ไม่มีองค์ประกอบและรายละเอียดต่างๆนั้น ไม่สามารถทำได้แน่นอน ต้องมีรายละเอียดวิธีการ และการทำงานของสิ่งนั้นๆ อย่างเป็นรูปเป็นร่าง ว่ามันจะทำได้อย่างไร และวิธีการเป็นแบบไหน
*ปล การแปลภาษากฎหมายมันลำบากจริงๆ ถ้าใครรู้ว่าแปลผิดแปลถูกยังไงก็ช่วยกันด้วยนะครับ
เรื่องของสิทธิบัตรและการฟ้องร้องนี่ มันมีมาตั้งแต่ก่อนเราจะเกิดแล้วครับ มีตั้งแต่สิทธิบัตรชิ้นแรกของโลกเลย คือ โทรศัพท์ ที่เราเรียนกันมาว่ากันว่า Alexander Graham Bell เป็นผู้คิดค้นและจดสิทธิบัตรนั่นแหละ แต่จะมีใครรู้รึเปล่าว่าในวันเดียวกันกับที่ Bell ไปขอจดสิทธิบัตร และได้บัตรคิวเป็นลำดับที่ 8 นั้น Elisha Gray ก็ได้ไปขอยื่นจดสิทธิบัตรเรื่องโทรศัพท์เช่นกัน แต่ได้บัตรคิวที่ 39 เรียกง่ายๆ ว่าไปช้ากว่า Bell นั่นเอง และ Gray ก็ทำการฟ้องร้องด้วยนะครับ แต่ไม่ชนะ Bell เลยเป็นเจ้าของสิทธิบัตรตัวนี้ไป
ซึ่งตรงนี้เราๆท่านๆ ก็ต้องมาตามดูกันต่อว่า สุดท้ายแล้วสิทธิบัตรจะตกไปอยู่ในมือใคร ใครเป็นคนคิดค้นขึ้นมาและจะพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าเป็นคนคิดค้นก่อน และจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหรือไม่ หุหุหุ
source : Droid-life
ไม่มีคำบรรยายสำหรับ apple จริงๆ
สิ่งที่ apple ทำมันถูกแล้วนะครับ จดสิทธิบัตรหนะ เดี่ยวจะเหมือนบ้านเราที่โดนต่างชาติเอาพันธุ์ข้าวหอมมะลิไปจดทะเบียนเฉยเลย
ผมไม่รู้ว่าใครคิดก่อนใครอะครับแต่ถ้า google คิดก่อนเท่ากับว่า apple ชุบมือเปิบใช่ไหมครับ
อ่าว.. เหมือนจะไม่ได้อ่านบทความเลย
อ่านครับผม แหะๆๆๆๆ แต่รู้สึกแย่กับค่ายนี้อะครับ ลบอคติทิ้งไปแล้วนะครับ แต่ก็ยังรู้สึกแย่ที่รวบกินทุกอย่างอะครับ – –
ผมว่าน่าจะยอมความกันได้นะครับ หากไม่ถือทิฐิมากนัก เท่าที่ผมจำได้ ไอ้ ปลกล๊อกโดย ใช้ หน้าเนี่ย ในโน๊ตบุ๊คเมื่อก่อน ก็เคยเห็น หลายปีมาแล้ว เพราะ หาก กั๊กกันอย่างนี้คนที่เสีย ผลประโยชน์คือผู้บริโภค ก็เอาไปใช้ แล้วก็ให้เครดิตคนจดสิทธิบัติไว้ ไรเงี๊ย เพราะ ผมแน่ใจว่าแอปเปิ้ลไม่ใช่คนแรกที่คิดแน่นอน
เงื่อนไขแรกในการจดสิทธิบัตรคือ
การประดิษฐ์คิดค้น/กรรมวิธีการประดิษฐ์คิดค้นเป็นสิ่งที่ใหม่ ต้องไม่เคยปรากฏว่าการประดิษฐ์ที่จะจดสิทธิบัตรนั้นได้มีผู้ประดิษฐ์และเผยแพร่การประดิษฐ์นั้นมาก่อนน่ะครับ
ถ้าปรากฏว่ามีผู้คิดค้น Face unlock มาก่อน นอกจากจะถูกยกฟ้องแล้ว Apple เสี่ยงกับการโดนเพิกถอนสิทธิบัตร Face unlock ได้เลยนะครับ
ป.ล. ระบบ Face unlock มันมีในโน๊ตบุ๊คประมาณ 1-2 ปีแล้วนี่ครับ ถ้าจะเอามาประยุกต์ในมือถือคงได้อย่างมากเป็นอนุสิทธิบัตร แต่คิดว่าผู้ประดิษฐ์คงไม่ใช่คนของ USA USA เลยหลับหูหลับตา แล้วมารับจดให้ Apple ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศมากกว่าครับ
เห็นด้วยครับ
พี่แอป ซุย…. มาก
แหม… ผู้ใช้ก็ได้ประโยชน์นี่หน่า จะอะไรกันนักหนา
ได้ประโยชน์ตรงไหน เกิดสมมุติวันนี้ apple ฟ้อง google จนต้องถอด face unlock ออก ผมมองไม่เห็นประโยชน์เลยจริงๆ
คงจะเข้าใจอะไรผิดนะครับ…
ขุดประวัติศาสตร์ และกฎหมายมาฟาดฟันกันเลยทีเดียวววว
รอชมดราม่าเรื่องยาวววว O_o
ผมน่ะชอบอะไรใหม่ๆ นะ แต่เรื่อง Face Unlock นี่ ส่วนตัว … หน้าตาไม่ได้ดูดีมากมาย คงไม่มานั่งให้ scan ฝบหน้า …
แต่มันก็เป็นแบบนี้แหละ … ที่เขาเรียกว่า "พวกชุบมือเปิป"
รอดูต่อไป
==
ถ้าแก่ตัวขึ้น … เกิดใช้ iPhone หรืออะไรของแอปเปิ้ลนี่ สงสัยต้องซื้อขาตั้งมือถือด้วย … มันบอกบนหน้าจอว่า "Hold Still" … ยืนยังสั่น ยังให้ถือนิ่งๆ อีก … เฮ่อ!!!
สงครามสิทธิบัตร เปิดม่านอีกครั้ง = =
จดล่วงหน้าสงสัยเก็บไว้เขียนเรียงความ = =
รอดูไปยาวๆ
ท่านศาสดานี่เฮี้ยนจริงๆ
เอ แล้วตัวอากู๋เองแกโชว์ระบบ face unlock โดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องสิทธิบัตรเลยหรือไงหว่า
ดราม่ากันยาวเลยครับทีนี้
พออ่านแล้ว นึกถึงข้าวหอมมะลิไทยเลย T T
อ่านแล้วก็เฉยๆเราอย่าไปทะเลาะแทนเขาเลยไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร
เหอๆ ปูเสื่อดูดราม่า =w=
i don't care
OMG
เรื่องของเรื่องคือ Apple กลัว ระบบ OS อื่นๆ พัฒนาไปไกลกว่าของตนเองด้วยละ
อย่างกรณีโทรศัพท์ตัวเครื่องพลังงานแสงอาทิตย์ Apple ก็ไปจดสิทธิบัตร ตั้งแต่ไก่โห่
ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่า ตนเองจะทำได้หรือเปล่า พูดง่ายๆ คือ กั๊ก บริษัทอื่นๆ ไว้ก่อน บริษัทไหนทำได้ก่อน ก็ขายไม่ได้ ตูจดทะเบียนไว้แล้ว อยากทำขาย จ่ายตังมา หรือมาคุยเรื่องส่วนแบ่งกันอีกที
ธุรกิจสมัยนี้มันก็ยังงี้กัน ทั้งนั้นแหล่ะครับ ไม่มีมิตร ไม่มีสหาย ไม่มีความเอื้อเฟื้อและอลุ้มอล่วย ซึ่งกันละกัน
อย่าง Notification Bar ของ Android [หน้าต่างที่แตะด้านบนสุดของจอแล้วลากลงมาเป็นหน้าต่างแสดงการแจ้งเตือน และแผงควบคุมย่อยๆ] Android ทำออกมาเป็นเจ้าแรกๆ แต่ไม่ได้จดสิทธิบัตร
ตอนนี้ Apple ทำ IOS5 ปล่อยออกมาใหม่ มี Notification Bar แบบ Android เปี๊ยบ
ทาง Google ก็ไม่เห็นออกมาพูดอะไรสักคำ ถ้า Google ไปจดทะเบียน Notification Bar ตอนนี้ก็ยังได้
ISO5 ได้รื้อเปลี่ยนระบบใหม่แน่… มันแสดงให้เห็นว่า ใครมีน้ำใจ และไม่มีน้ำใจในส่วนแบ่งทางการตลาดบ้าง ถ้าของคุณดีจริง เราก็มาสู้กันซึ่งๆ หน้าให้ผู้บริโภคเป็นผู้ตัดสิน แทนที่จะเอาเรื่องจิ๊บจ๊อยพวกนี้มาขึ้นศาลให้ดราม่ากันเสียเวลาเปล่าๆ พูดก็พูดคือ กลัวนั่นแหล่ะ กลัวว่าคนอื่นจะไปได้ไกลกว่า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ธุรกิจสมัยนี้ มือยาว สาวได้ สาวเอา…
อย่าลืมสิว่าgoogle มันเป็น open source ใครจะเอาไปใช้ก็ได้นิ
สิทธิ์บัตรมันยุ่งเยิงดีแท้
สงสารสโนไวท์ … T^T
*** ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ***
edit by octopatr
เห็นหลายทีแล้วนะครับ ใช้คำดีๆ หน่อย เวบสาธารณะครับ
รออ่านคร่าม่า สิทธิบัตร อเมริกา นี้แปลกๆนะ ผมว่า คิดได้จดเลย ทำได้ไม่ได้ไม่รู้
เมื่อก่อนมีคนเคยจดสิทธิบัตร เทปพกพา แล้วเอาไปฟ้อง walk man ของ sony มาแล้วชนะด้วย ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ทำผลิคภัณท์ ออกมาเลย
ถ้าฟ้องชนะ เนี่ย สามารถกำหนดเงื่อนไขผู้ที่เอาผลิตภัณฑ์สิทธิบัตรของตัวเองไปใช้ได้ และยังได้ตังด้วยนะครับ ขึ้นอยู่ว่าจะเรียกร้องเท่าไร… ยกตัวอย่าง
[จงบแบ่งส่วนกำไรที่ได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ให้ตู 10% โอนเข้าบัญชีทุกเดือน พร้อมดอกเบี้ย 10%]
สบายปรื๋อทั้งชาติ เลยงานนี้…^_^
เหมือนที่วินโดว์โฟนเคยหากินกะ HTC ใช่ป่ะ 555
เรื่องยาวแน่ทีนี้ – –
เล่นสงครามสิธิบัจรกันอีกแร้ว ดราม่ายาวๆ
จดไปแต่ไม่ใช้ซะที ฮ่าๆๆ ใช้ฟ้องคงจะได้ตังค์ แล้วค่อยมาทำก็ได้สินะ
ธุรกิจเป็นเรื่องของผลประโยชน์เสมอๆ :tongue:
เรื่องของธุรกิจครับ เงินไม่ใช่แค่บาทสองบาท
ทำได้แค่ปูเสื่อ+ต้มมาม่า รอดูอย่างเดียวดีกว่า
เดือนร้อนแทนเค้าก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
ผมชอบแอนดรอย แต่ผมเฉยๆนะกับข่าวนี้เพราะมันเป็นเรื่องของความถูกต้อง
เบื่อ!!
ผมก็ใช้มันทั้ง iPhone ทั้ง Android ทั้งสองระบบมันก็ทำอะไรให้ผมได้เหมือนๆกัน
ไอ้เรื่องบริษัทเค้าทะเลาะกันเราก็วิจารย์กันไปได้แต่อย่าเอามาเป็นอารมณ์เหน็บแนม
กันเองเลยครับ ไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไร ใครจะทำตัวน่าเกลียดยังไงก็ช่างเค้าสิ
เรารอใช้ก็พอแล้วมั้งครับ ไม่ได้ไปถือหุ้นด้วยนิ่ บ่นมาก คิดมากเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ
555 นิสัยพวกเรา บ่นบ้าง มันทำให้ หายอึดอัด 555
เอาน่าครับ ถ้าอ่านทั้งหมดก็จะเห็นว่า ไม่ได้แค่มาดูคนบ่นอย่างเดียว มันมีความรู้สอดแทรกมาด้วย อ่านเพลินๆ ครับอิอิ
เข้าข่ายคนจดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้จด
น่าเบื่อ เหมือนที่ต่างชาติจดสิทธิบัตรข้าวหอมมะลิไทย
ประมาณนั้น แย่ เป็นการครอบครองมากกว่าการพัฒนา
ในกรณีนี้ ผมว่าไม่ผิดนะครับ
Apple คิดถึง face unlock ได้ > จดสิทธิบัตร > อาจจะพัฒนารึเปล่าหรือไม่ เค้าก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้
ถ้าเกิดว่า Galaxy Nexus ออกมาแล้ว apple ไปจดแย่ง อันนี้ผิดเต็มๆ
แต่ ถ้ามองดูที่ตัว patent แล้วไม่น่ามีปัญหาทั้งคู่ครับ เพราะกระบวนการแตกต่างกันเล็กน้อย
ของ apple มีขั้นตอนที่ไม่เหมือนกับ google ดังนั้นน่าจะจดเป็นคนละสิทธิบัตรกันครับ
จะว่าไป
ใน computer ก็มีใช้มานานแล้วเหมือนกันนะครับ
หึหึ
จะว่าไป เราเป็นผู้บริโภค ใช้มันให้คุ้มค่าที่สุดกับฟังก์ชั่นที่มันมีให้มาดีกว่าเนอะ
ดีนะไมทไปจดว่าโทสับต้องมีจอ
ใช้ ดอย รักดอย แต่เฉยๆกับข่าว ไม่แคร์อยู่แล้ว ใครคิดก่อนก็ว่ากันไป
ผมว่า Apple เกรียน นะ -*-
จากข่าวที่ท่าน octopatr นำมาลง ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า…
ทางเวบ Patently Apple เป็นผู้เปิดเผยข้อมูล ซึ่งมีแต่ทางผู้บริโภคหรือสื่อออกมาเสนอความเห็นกัน แต่ผมยังไม่เห็นข้อความใดชี้ว่าทาง apple ออกมาดิ้นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนี่ครับ
บางทีการจดสิทธิบัตรในเรื่องนี้ของทาง apple อาจมีรูปแบบหรือวิธีการซึ่งได้มาของผลลัพธ์ที่ต่างกัน เป็นเหตุให้ข้อมูลนั้นมีน้ำหนักน้อยและอาจแพ้ google ในชั้นศาล ทาง apple จึงสงวนท่าทีอยู่ก็เป็นได้ครับ
ก้อไปว่าอะไร Apple อะไรเค้าไม่ได้หรอกนะครับเพราะที่อ่านดูเเล้วเค้าจดตั้งเเต่เดือนมิถุนายนด้วยซ้ำเเล้ว google พี่งนำออกมาเดือนธันวาคม
ไม่ต้องอคติก็ไม่เดือดร้อนครับ
ยังไงผู้ที่ได้ประโยชน์คือผู้บริโภค(อย่างหมู่เฮา)
Apple สุดยอดเลย*** ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ *** 555
edit by WhiteCat
การจดสิทธิบัตร เป็นสิ่งที่ควรทำ
แต่ ….
ยังไม่ได้ใช้งานเลย ฟ้องกันซะละ ….
User นี่บางทีเป็นเดือดเป็นร้อนกว่า Apple หรือ Google อีกนะครับ ไม่รู้ทำไมตลกดีทั้งๆที่ผู้ได้รับผลประโยชน์คือ User ขจัดความอคติจากจิตใจไปหน่อยก็จะดีนะครับ อะไรนิดหน่อยก็อคติ ใจแคบ
เอาไปเขียนนิยายท่าทางจขายดี 5655
ถ้ามัวแต่ทำตัวเป็นแฟนบอยไม่ลืมหูลืมตา เราจะมองอะไรกันได้ไม่ทั่วนะฮะ ศึกษาจากเคสพวกนี้ไว้ใช้กับชีวิตจริงละกัน ' ')
กฎหมายสิทธิบัตร มีสองแบบตามนั้น แล้วแต่ที่ตราไว้ในแต่ละประเทศ ต้องตามสู้กันเป็นโซนๆไป
ของอเมริกา ลองไปค้นดูเรื่อง Nicola Tesla ฟ้อง Marconi เรื่องประดิษฐวิทยุ สนุกมาก
Apple โหดแท้ๆๆ
log in ด้วยหน้า เคยเล่นกับ windows 7 นานแล้วแต่จำชื่อ app ไม่ได้
คลังสมองของ apple ก็จากไปแล้ว ของใหม่ๆคงเกิดขึ้นใหม่ได้ยาก
ก็ต้องหากินกัน กับไอ้ตัวสิทธิบัตรนี่ล่ะครับ
คงต้องดูกันยาวๆ สำหรับค่ายนี้
ส่วนตัวคิดว่า ระบบ Face Unlock มันเป็นแค่ลูกเล่นเสริม ใช้จริงคงใช้กันน้อย
ถ้าเค้าอยากได้ก็คืนเค้าไปเถอะ
+1
"คลังสมองของ apple ก็จากไปแล้ว ของใหม่ๆคงเกิดขึ้นใหม่ได้ยาก
ก็ต้องหากินกัน กับไอ้ตัวสิทธิบัตรนี่ล่ะครับ
คงต้องดูกันยาวๆ สำหรับค่ายนี้"
ผมมองเห็นจ๊อบส์เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่ดีครับ ไม่ใช่ว่าเขามองเห็นอนาคต แต่เขาดึงอนาคตมาไว้ในมือ แล้วอนาคตเหล่านั้นก็คือทรัพยากรบุคคลที่มีค่าของเขานั่นเองครับ จ๊อบส์ตายไม่ใช่จุดจบของ apple หรอกครับ แต่เป็นการเริ่มต้นอนาคตที่เขาได้เริ่มต้นไว้ต่างหาก อย่างไรก็ตามเรื่องสิทธิบัตรนี้ผมว่ารอให้ apple ออกมาเต้นแร้งเต้นกาแล้วเราค่อยรุมจิกด้วยหางตาดีกว่าไหมครับ :p
"ส่วนตัวคิดว่า ระบบ Face Unlock มันเป็นแค่ลูกเล่นเสริม ใช้จริงคงใช้กันน้อย
ถ้าเค้าอยากได้ก็คืนเค้าไปเถอะ"
ความคิดเห็นอันนี้ซิครับที่ควร +1 มองในมุมผู้บริโภคอย่างเป็นธรรมชาติดีครับ 🙂
เหมือนกันครับ ส่วนตัวคิดว่าถึงมีก็คงไม่ใช้ หรอก
คงเหมือน siri มีมาให้ แต่คุยกัมันไม่รู้เรื่อง สุดท้าย กดเอาดีกว่า หึหึ
มันเป็นขาลงของ apple เป็นไปตามแรงกรรมที่ทํามา
คราวนี้ได้ ขุดเทคโนโลยีของ Face Recognition Technology มาพิจารณา
เป็นหางว่าวแน่นอน
กั๊ก..
ฝ่ายกฏหมายappleนี่สงสัยจะมีแต่ตัวโหด
มันก็ต้องถามว่า ยื่นแล้ว มันได้หรือยังด้วยนะ พ่อผลไม้ครับ
คำว่ายื่น ใช่ ยื่นแ้ล้ว ยื่นนานแล้วทำไมยังไม่ได้
แล้วทำไมไม่ใช้
ทำไม Google เอามใช้ได้ น่าคิด ลงประกาศใช้ ใช้แล้ว
แล้วค่อยมาประกาศว่าตัวเองยื่นจด มันออกแนวกั๊กทางมากกว่าไงไม่รู้แฮะ
ปล่อยลงมาแบบไม่ต้องเจลแล้วไม่ต้องซื้อมาก่อนซี๊ แล้วค่อยมาคุยกัน
เรื่องพาลอะเก่ง จริงๆ —
เดี๋ยวเรื่องนู้นเรื่องนี้ ถ้ามันมีดีจริงๆ มันก็ขายออกอยู่ดีแหละ
ไม่ใช่ว่าไปดักให้เขารื้อออก ห้ามขาย แบน ฯลฯ
ธุรกิจหนอ ธุรกิจ –*
ฝ่ายกฏหมายของ app เค้ากลัวตกงานสินะ….
เพลียจิต
ผมว่า ข่าว แบบนี้ อย่างเรา ก็แค่ รับรู้ว่า เออ ตอนนี้มันจะฟ้องกันนะ ใครผิดก็ไปรอดูบทสรุปเอาละกัน ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องไปเดือนร้อนกับเขาเลย ถ้ามีหุ้นของ google หรือ apple ก็ว่าไปอย่าง
ถ้าเป็น pantip คงดราม่ากันเต็มที่เลยสินะ
เห็นด้วยกับ เรปบนคับ
ถ้าไปพันทิพย์ นี่มี ดราม่าแน่ (เว็บดราม่าอันดับหนึ่ง)
จะยังไงเราไม่อาจทราบได้หรอกว่า คนไหนเป็นคนคิดค้นก่อน
แต่ถ้าเราคิดได้ ลงมือทำ ก้ควรไปจด สิทธิบัตร ซะ ไม่งั้นอาจเหมือนประเทศไทย ที่หลาย ๆ อย่าง
เป็นคนคิด แต่โดนคนอื่นแย่งไป . .
ผมว่า รอดู google ฟ้องเรื่องสิทธิบัตรกลับคืนดีกว่า
ตั้งแต่ได้ Moto มาในมือ Google มีสิทธิบัตรอีกเยอะมาก
รับรองผลไม้มีหนาว (หรือว่า Google เอาแต่พัฒนาๆๆๆ ไม่ยอมตั้งทีมกฎหมาย)
จากที่ผมอ่านจากข้างบนลงมา เหมือนกับว่าส่วนใหญ่จะพูดว่า Apple ชิงจดสิทธบัตรตัดหน้า Google หรืออีกอย่างก็คือ Apple ไปจดสิทธิบัตรแต่ยังไม่ได้ทำ คือผมอยากจะถามแบบไม่รู้จริงๆว่าถ้า Apple ชิงจดสิทธบัตรตัดหน้า Google แล้ว Apple รู้ได้ยังไงว่า Google จะเปิดฟีเจอร์ Face Unlock พร้อมกับ ICS ซึ่งเวลาที่ Apple จดสิทธิบัตรมันก็ก่อนที่ ICS จะเปิดตัวนานเหมือนกัน อีกประเด็นคือ Apple ไปจดสิทธิบัตรแต่ยังไม่ได้ทำ แล้วรู้ได้ยังไงหรอคับว่า Apple ยังไม่ได้ทำ เพราะ Apple เค้าอาจกำลังพัฒนาหรืออาจจะพัฒนาแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดตัวหรือยังไม่เอาออกมาใช้ เพราะ Apple ทำอะไรก็ปิดเป็นความลับทั้งนั้น ซึ่งกว่าจะรู้ว่า Apple ทำอะไรหรือจะเปิดตัวอะไรก็จะรู้แน่ชัดก่อนที่สิ่งนั้นๆจะเปิดตัวไม่นาน ซึ่งประเด็นนี้มันก็เหมือน IOS กับ Android อันไหนทำก่อน ซึ่งตอนนั้น iPhone ก็เปิดตัวก่อน คนรู้จัก iPhone ก่อน จากนั้นก็มีมือถือ Android ออกมา ซึ่งคนก็อ้างว่า Android ทำก่อนแต่เราก็เห็น iPhone ออกมาก่อน ซึ่งประเด็นนี้ก็คล้ายๆกัน อันนี้ตามความคิดของผมนะคับ อันนี้พูดแบบคนไม่รู้จริงๆและพิจารณาจากข้อความข้างบนก็ได้มาประมาณนี้คับ ไม่รู้ว่าผิดถูกยังไง
ซึ่งประเด็นนี้มันก็เหมือนกัน IOS กับ Android อันไหนทำก่อน ซึ่งตอนนั้น iPhone ก็เปิดตัวก่อน คนรู้จัก iPhone ก่อน จากนั้นก็มีมือถือ Android ออกมา ซึ่งคนก็อ้างว่า Android ทำก่อนแต่เราก็เห็น iPhone ออกมาก่อน ซึ่งประเด็นนี้ก็คล้ายๆกัน
…..ซึ่งประเด็นนี้มันก็เหมือนกัน Android กับ IOS อันไหนทำ เฟสอันล็อคก่อน ซึ่งตอนนั้น Android ก็เปิดตัวก่อน คนรู้จักAndroid ก่อน จากนั้นก็มีมือถือ IOS ออกมาบอก ซึ่งAppleก็อ้างว่า apple คิดก่อนแต่เราก็เห็นของทางฝั่ง Android ออกมาก่อน ซึ่งประเด็นนี้ก็คล้ายๆกัน
ขออนุญาติเจ้าของข้อความนะครับ จะเห็นว่าในวงการแบบนี้มันก็วนไปวนมาเดี๋ยวคนนู้นก่อนคนนี้ก่อนสลับกันไป นี่ละที่เรียกว่าการแข่งขัน
คิดเหมือน rep บนครับ
ไอ้ที่ด่า ป่าวๆๆๆๆ เนี่ย รู้ได้ไงครับว่า apple จดไว้แต่ยังไม่ได้ทำ อยู่ r&d ที่ apple เหรอครับ
ios ออกเวอร์ชั่นละปี อาจจะออกมาตอน os 6 ก็ได้
ซึ่งถ้าไม่มีข่าวนี้ออกมา สมมุติ os 6 ออกมา มี face unlock ชาวด๋อยคงตีปีก ว่า apple ก็อป เช่นเคย ^ ^
บางคนเค้าแค่อคติกับ Apple แต่บางคนซ้ำร้ายกว่านั้นอคติกับคนที่ตายไปแล้ว ไม่รู้จะอธิบายยังไง
google สู้ๆๆ คับ
คอมเมนต์ยาวเหยียดเลยหัวข้อนี้….เชีียร์อากู๋คับ
เรื่องสิทธิบัตรข้าวหอมมะลิ ที่คุณ octopatr บอกว่าต่างชาติแอบเอาไปจดสิทธิบัตรนั้น เป็นความรู้ที่ผิดครับ เพราะสหรัฐเป็นเจ้าของงานวิจัย เรื่องข้าวหอมมะลิ โดยให้ทุนคนไทยและใช้พื้นที่ท้องนาของคนไทยในการวิจัยข้าวหอมมะลิครับ เมื่อประสบผลสำเร็จ ข้าวหอมมะลิเป็นการวิจันคิดค้นของสหรัฐเขานะครับ อย่ามีอคติและชาตินิยมผิดๆๆนะครับ
เอ่อ คือผมไม่ได้มีอคติ และก็ชาตินิยมอะไรทั้งนั้นนะครับ เอาเป็นว่าผมรู้เท่าไม่ถึงการก็แล้วกัน เท่าที่อ่านมาแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่ในบ้านเราก็จะบอกว่าพันธุ์ข้าวหอมมะลิเกิดในบ้านเรา และต้นกำเนิดสายพันธ์ก็คือบ้านเรา ส่วนสหรัฐเข้ามาเสริมและพัฒนาสายพันธ์ด้วย GMO หรือยังไงหวา งง?
ผมเพิ่งรู้ว่าข้าวหอมมะลิไม่ใช่ของคนไทย – -"
ทำไมผมเคยอ่านว่าเราพัฒนากันในประเทศ
แล้วไม่ได้ตั้งว่า ข้าวหอมมะลิด้วย
มันเป็นข้าวหอม แล้วเค้าวิจัยกันเป็นแปลงๆ แต่ละแปลงมีชื่อเล่น codenameต่างกันไป
ใบเตย,มะลิ,etc
แต่พอดีแปลงที่ได้ผลตามจุดประสงค์มันดันเป็นแปลง"มะลิ"
ส่วนข้าวที่เลียนแบบเรามาอเมริกา
ใช้ชื่อjazman เป็นข้าวหอมอื่นดัดแปลงมา
ให้คล้ายjasmine (ออกaccentให้ถูกจะแทบเหมือนกัน)
ไม่ใช่แค่ไทยที่โดน ข้าวพันธุ์ดีของอินเดียก็โดนด้วย
แต่ผมหาอ่านหลายที่มาแนวนี้หมดอ่ะ http://www.greenworld.or.th/library/environment-popular/100
ต่างคนต่างความคิด พูดยาก……….
พูดถึงข้าวหอมมะลิแล้วมันจี๊ด เคยมีข้าวหอมมะลิ จนกระทั่งธนูปักหัวเข่า = =
แอนดรอยด์ทำระบบนี้ไม่ค่อยดังแฮะ แต่ถ้าแอปเปิ้ลทำ คนจะมองว่ามันไฮเทคมากกก ฮือฮาแน่นอน =.="
มันเป็นวิธีของเขาเลยแหละ แต่ก็ไม่ผิดนิ 5555
ผมว่า จัด Apple กับ Android แต่งกันไปเลยจะดีกว่านะ