Apple ออกประกาศอย่างเป็นทางการ ว่าให้ผู้ใช้สามารถแชร์ลิงก์แสดงตำแหน่งของ AirTag หรืออุปกรณ์เสริม ผ่านเครือข่ายหรือแอป Find My กับบุคคลอื่นได้ เจ้าของหยุดแชร์ตำแหน่งได้ตลอดเวลา ลิงก์หมดอายุอัตโนมัติเมื่อครบ 7 วัน และเร็วๆ นี้จะสามารถแชร์กับสายการบินได้ด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่บน iOS 18.2 รุ่น Public Beta

Apple ได้เปิดตัว Share Item Location ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 18.2 รุ่น Public Beta ที่จะช่วยผู้ใช้ระบุตำแหน่งและติดตามสิ่งของที่หายไปกลับคืนมาโดยการแชร์ตำแหน่งของ AirTag หรืออุปกรณ์เสริมเครือข่าย Find My ให้บุคคลอื่นได้ โดยจะหยุดแชร์ตำแหน่งที่ตั้งทันทีที่ผู้ใช้และสิ่งของนั้นกลับมาอยู่ในที่เดียวกัน และเจ้าของก็สามารถหยุดแชร์ตำแหน่งได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังหมดอายุโดยอัตโนมัติเมื่อครบ 7 วัน

ฟีเจอร์ Share Item Location สร้างขึ้นบนเครือข่าย Find My ซึ่งเป็นเครือข่ายที่อาศัยข้อมูลจากกลุ่มคนที่มีอุปกรณ์ Apple มากกว่า 1 พันล้านเครื่อง ที่ใช้เทคโนโลยีไร้สาย Bluetooth ในการตรวจหาอุปกรณ์ที่สูญหายหรือสิ่งของที่อยู่ใกล้ๆ แล้วรายงานตำแหน่งที่ตั้งคร่าวๆ กลับไปยังเจ้าของ โดยกระบวนการทั้งหมดยังได้รับการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไม่มีการระบุตัวตน จึงไม่มีใครอื่นแม้แต่ Apple เอง หรือผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมเครือข่าย Find My สามารถดูตำแหน่งหรือข้อมูลของอุปกรณ์ได้
วิธีการ Share Item Location ในแอป Find My

- ผู้ใช้สร้างลิงก์ Share Item Location ในแอป Find My บน iPhone (iPhone Xs และใหม่กว่า), iPad หรือ Mac
- จากนั้นผู้ที่ได้รับลิงก์จะสามารถดูเว็บไซต์ที่แสดงตำแหน่งสิ่งของบนแผนที่แบบอินเทอร์แอ็คทีฟ
- เว็บไซต์จะอัปเดตโดยอัตโนมัติ เมื่อสามารถระบุตำแหน่งใหม่ได้ พร้อมกับแสดงเวลาที่อัปเดตล่าสุดด้วย
จะรองรับสายการบินมากกว่า 15 ราย
โดยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า สายการบินจะเริ่มรับตำแหน่งสิ่งของ Find My เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการให้บริการลูกค้า เพื่อช่วยระบุตำแหน่งกระเป๋าที่ล่าช้าหรือมีการขนส่งไปผิดที่ และจะมีสายการบินที่รองรับคุณสมบัตินี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต โดยมีสายการบินที่ร่วมแล้ว เช่น
- Aer Lingus
- Air Canada
- Air New Zealand
- Austrian Airlines
- British Airways
- Brussels Airlines
- Delta Air Lines
- Eurowings
- Iberia
- KLM Royal Dutch Airlines
- Lufthansa
- Qantas
- Singapore Airlines
- Swiss International Air Lines
- Turkish Airlines
- United
- Virgin Atlantic
- Vueling
โดยการแชร์ตำแหน่งร่วมกับสายการบินนี้ ได้เริ่มเตรียมระบบแล้ว น่าจะเปิดใช้งานได้ภายในต้นปี 2025 โดยลิงก์จะถูกจำกัดให้เข้าถึงได้เพียงไม่กี่คน และผู้ที่ได้รับลิงก์จะต้องยืนยันตัวตนก่อน จึงจะสามารถดูลิงก์ผ่านบัญชี Apple ของตนเอง หรือที่อยู่อีเมลของพันธมิตรได้



การมีฟีเจอร์ Share Item Location ถือว่าเป็นข้อดีเลยแหละ ถ้าใครบินบ่อยๆ การมี AirTag อยู่ในกระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่องน่าจะทำให้อุ่นใจมากขึ้น ถ้าเกิดกระเป๋าหายระหว่างเดินทาง เพราะสามารถติดตามได้ง่ายขึ้น ก็เพียงแค่แชร์ลิงก์ติดตาม Airtag ที่เราใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางให้กับสายการบิน แล้วให้สายการบินไปจัดการต่อได้เลย ไม่ต้องรอมานั่งติดตามเองกับเจ้าหน้าที่ที่สนามบินให้เสียเวลาเที่ยว
Comment