รายงานของ The Korea Times ที่ได้สัมภาษณ์พนักงานของซัมซุงระบุว่าบุคลากรของซัมซุงจำนวนหนึ่งถูก แอปเปิลดึงตัวไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ของแอปเปิล โดยที่แอปเปิลได้ให้ค่าตอบแทนความสามารถของ คนเหล่านั้นอย่างดีเยี่ยม และยังให้สิทธิ์ประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
ผู้ให้สัมภาษณ์ยังบอกอีกว่าพนักงานซัมซุงที่แอปเปิลจ้างไปนั้นมีอิสระในการทำงานมากกว่า และบอกว่าพนักงานที่ถูก “ล่อลวง” ไปโดย ด้านมืด นั้นพบว่าการสื่อสารนั้นไม่เป็นปัญหาใดๆ ในการทำงานที่แอปเปิลเลย
พนักงานอีกคนหนึ่งได้พูดถึงโครงการที่แอปเปิลวางแผนจะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าว่า แอปเปิลกำลังสรรหาพนักงานซัมซุงที่มีประสบการณ์ด้านแบตเตอรี่ ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจาก การที่ซัมซุงเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ให้กับบริษัทรถยนต์ชั้นนำอย่าง BMW
แม้ว่าการแย่งตัวพนักงานซัมซุงโดยแอปเปิลอาจจะดูเป็นเรื่องใหญ่และดูวุ่นวาย แต่การเฟ้นหาพนักงานด้วยวิธีแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติในวงการธุรกิจทั่วไปที่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ การแข่งขันในลักษณะนี้ก็ถือได้ว่า อาจจะเป็นสิ่งที่จะผลักดันให้ทั้ง 2 บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองให้ยอดเยี่ยมขึ้นก็เป็นได้
สำหรับกรณีนี้ถือว่าแอปเปิลเข้าถ้ำเสือไปเอาลูกเสือออกมาเลยทีเดียวนะครับนี่ น่าสนใจว่าสงครามการแย่งตัวพนักงานในวงการนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะพนักงานที่มีความสามารถสูงนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างผลิตภัณฑ์ดีๆ เลยทีเดียว
source: Android Authority
เป็นเรา ก็ไปนะ..จากดูท่าทีแล้ว ซัมซุงมีแต่ต่ำลง
ส่วน Apple ยิ่งกำลังทำรถยนต์ แล้ว ยิ่งติดปีก ไปอีก
ิยิ่งผลตอบแทนที่ Apple ให้ทั้งเงิน ทั้งหุ้น ก็เป็นได้ ใครไม่รับก็โง่เต็มที
ถ้าบอกว่าซัมซุงมีแต่จะตกต่ำผมว่าคิดผิดแล้วหล่ะครับ ซัมซุงมีธรกิจและเทคโนโลยีอยู่ในมือมากมายไปหมดเขาพร้อมพลิกตัวหากรูปแบบธุรกิจเปลี่ยนไป ส่วนแอปเปิ้ลถ้าธุรกิจมือถือเปลี่ยนไปก็ไม่อยากจะคิด
รายได้ apple จาก iTunes Store อย่างเดียว
มากกว่า รายได้ google ทั้งหมดอีกครับ
จากผลประกอบการล่าสุด
apple ไม่ได้มีแค่ iphone นะ
ส่วนพูดถึงซัมซุง ตอนนี้ในธุรกิจนี้ สมาทโฟนเป็นส่วนที่กำไรงามมากครับ
แต่ ถ้าตีไม่แตก ส่วนมือถือก็จะเป็นตัวฉุดให้ตกต่ำได้มากเช่นกัน
ซึ่งซัมซุงกำลังเจอปัญหา อยู่คือ กำไรด้านนี้ลดลงต่อเนื่อง
และธุรกิจด้านอื่นของซัมซุง ก็ไม่ได้กำไรอะไรมากมาย พวกทีวี แอร์
ก็ใช้ว่าจะดี ที่ดีอยู่ก็เห็นจะเป็นแค่ ผลิตชิพให้ apple ทำกำไรอยู่
เรื่องกำไรของแอปเปิ้ลคงไม่มีใครเถียงหรอกครับแต่ที่หมายถึงคือความมั่นคงที่มีคนบอกว่าเขาจะตกต่ำอันนี้คนละเริ่องกัน แอปเปิ้ลกำไรเยอะแต่เน้นไปทางปันผลให้ผู้ถือหุ้นและมีการขยายตัวของธุรกิจในเครือบริษัทไม่มาก ส่วนซัมซุงแผนการที่เขาประกาศมาคือเน้นการซื้อหุ้นคืนและปันผลให้ผู้ถือหุ้นน้อยลงแต่จะเอาเงินไปในส่วนการเข้าซื้อบริษัทเพื่อขยายธุรกิจปัจจุบันในวงการอิเล็กทรอนิคซัมซุงถือเป็นผู้พัฒนาแนวหน้าในส่วนอุปกรณ์ชิปต่างๆและถือสิทธิบัตรเป็นอันดับ2รองจาก IBM เพราะฉะนั้นการพัฒนาต่อยอดธุรกิจหรือการพลิกแพลงย่อมได้เปรียบแอปเปิ้ล ดูง่ายๆแค่แอปเปิ้ลจะพัฒนาโปรเจ็คแบตเตอรี่รถยนต์ก็เที่ยวไล่ซื้อพนักงานบริษัทต่างๆมากมายเพราะเขาแทบไม่มีพื้นฐานอะไรเลยและต้องไล่ซื้ออีกมากรถยนต์คงไม่ได้มีแค่แบตแล้วถ้าพลาดอนาคตพลังงานทางเลือกเกิดพลิกไปทางFuel cell รับรองลำบากแน่
เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่าซัมซุงมีธุรกิจเยอะไปหมด เขาอยู่เบื้องหลังหลายอย่างมากๆ แต่การที่ออกมาหน้าฉากนั่นล่ะ มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ มีคนรู้จักมากขึ้น ขายเทคโนโลยีตัวเองได้ตรงๆ แต่ข้อเสียคือ ใช้ทุนมากกว่าตอนอยู่แค่หลังฉาก
ส่วนแอปเปิ้ล ธุรกิจเขาเอง ก็ไม่ได้มีแต่มือถือนะครับ ลองไปค้นดูดีๆ สายผลิตภัณฑ์ของเขาก็มีไม่น้อย (แม้จะไม่มากเท่าซัมซุง) และสิ่งที่สำคัญจริงๆ ของเขามันคือขายสิ่งที่เรียกว่า content ซึ่งพวกนี้ไม่ต้องเก็บสต็อค ไม่เน่าเสีย ยิ่งขายได้มาก ก็กำไรมาก ยิ่งนานวัน คนใช้ก็จะยิ่งถอนตัวออกไปยาก (มองๆ ดูว่าเราซื้อเพลงบน itune มา 5 ปี วันนึงจะให้ย้ายไปใช้ google music เลย มันก็เสียดาย)
หากวันนึงไอโฟนขายไม่ค่อยออก ลดราคาลงมา ยอมกำไรน้อยหน่อย ก็ยังมีคนสนใจเข้ามาลองซื้ออีกเยอะ (คนที่ไม่ได้เกลียดแอปเปิ้ลเข้าใส้นะ) แต่ในทางกลับกัน ซัมซุงลดราคา ยอมกำไรน้อย มีแต่ลำบาก เพราะเสี่ยวมี่ เหม่ยจู อัสซุส ค่ายอื่นๆ รอสับอยู่เพียบ ลดราคาลงมา ยอดขายที่เพิ่มอาจไม่สัมพันธ์กับกำไรที่ลดลง
Samsung มั่นคงกว่า apple เยอะ มีโรงงานผลิตของตัวเอง เทียบกับ Apple ที่ไม่สามารถผลิตเองได้ คนละชั้นกันเลยครับ
ได้แค่ Design และไปหาซื้อชิ้นส่วนจากผู้ผลิต รายต่างๆ Apple ขายแค่ design กับ soft ware
งั่น โซนี่ ก็มั่นคงกว่า apple ซินะครับ ที่กำลังแย่อยู่ตอนนี้
เพราะมีบริษัทผลิตชีป เหมือนกัน
แล้ว ซัมซุง โซนี่ ก็มั่นคง กว่า microsoft google ด้วยเหรอครับ เพราะ บริษัทพวกนี้
ก็ไม่มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง
sony ขาดทุนในส่วนของ Smart phone และ Tv เพราะการตลาดไม่ดีสินค้าและราคาแพง แต่คุณภาพไม่เป็นรองใครแน่นอน ก็รอดูกันต่อไป
microsoft และ google ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็นครับ เพราะประเด็นที่ผมพูดคือ Samsung ดูดีกว่า Apple แค่นั้น
ข้อดีข้อเสียคนละอย่างกันครับ Apple เลือกไม่มีโรงงานเองเพราะธุรกิจแบบนี้มันเปลี่ยนเร็วมากกว่า การจ้างเอายืนหยุ่นกว่าเวลาเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง material บางตัวอาจจะเลิกใช้ เปลี่ยนเทคโนโลยี เช่นเปลี่ยนจาก hdd เป็นพวก flash memory ถ้ามีโรงงานเองจะทิ้งของเก่าหรือ
และอีกอย่าง กำไรเยอะๆ มันอยู่หน้าบ้านนะครับ ไม่ใช่หลังบ้าน
ถ้าไม่มีโรงงานก็ต้องพึ่งบริษัทผู้ผลิตต่อไปครับ ถึงเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วแค่ไหน ก็อยู่ที่ความสามารถในการผลิตอยู่ดี
ถ้าจะเปลี่ยนเทคโนโลยีแบบล้มกระดาน คุณคิดว่าผู้ผลิตจะทำแบบนั้นเหรอ ถ้าทุนยังไม่คืนจะลงทุนใหม่ทำไม ยกเว้นพัฒนาต่อยอด
กำไรเยอะอยู่หน้าบ้านมันก็ไม่จริงเสมอไป เพราะถ้าต้นทุนมาสูงแล้ว ยังบวกเยอะมันก็แลจะไม่สมราคาเท่าไหร่
ถ้าชำแหละ วัสดุออกมาคิดราคาเป็นรายชิ้น คุณจะรู้ว่าของที่เราถือในมือราคา 2-3 หมื่นแทบไม่ได้อะไรเลย
ไปอ่านข่าวนี้ครับ
https://www.blognone.com/node/59043
หน่วยผลิตชิปซัมซุงจากกำไรพันล้านมาขาดทุนพันล้าน
หลังแอปเปิลเริ่มจ้างรายอื่นผลิตชิปแทน
แค่แอปเปิ้ลเปลี่ยนไปให้บริษัทอื่นผลิตให้ ซัมซุงก็ขาดทุนแล้วครับ
นั้น หมายความว่า ซัมซุงไม่ได้อยู่ในจุดที่เป็นต่อเลย มีโรงงานผลิต
ต้องรับความเสี่ยงมหาสารครับ
เอาข่าวเก่ามาให้ผมอ่านทำไมครับ ลองอ่านข่าวใหม่ๆบ้างครับ
http://www.advice.co.th/newsdetail.php?nid=678
ถ้าอยากจะขายของที่คุณภาพเยี่ยม วัสดุก็ต้องเยี่ยมด้วยรวมถึงอัตราผลิตด้วย
และอีกอย่างโรงงานผลิตถ้ามีลูกค้ามาเค้าก็รับหมดอยู่แล้วครับ ถ้าไม่มีก็สามารถผลิตสินค้าตัวเองออกขายได้
แต่คนที่ เสี่ยงคือคนจ้างผลิต ตังจ่ายแล้วถ้าของขายไม่ออกงานเข้าแน่ๆครับ
คิดดูดีๆ โรงงาน กับผู้ว่าจ้างใครมีความเสี่ยงมากกว่ากัน
ถ้าอยากจะขายของที่คุณภาพเยี่ยม วัสดุก็ต้องเยี่ยมด้วยรวมถึงอัตราผลิตด้วย
> อันนี้ผมว่า Apple เองมีความสามารถในการหา Supply ได้เยี่ยมพอสมควรครับ เค้าไม่ได้ติดต่อ Supplier เจ้าเดียว
และอีกอย่างโรงงานผลิตถ้ามีลูกค้ามาเค้าก็รับหมดอยู่แล้วครับ ถ้าไม่มีก็สามารถผลิตสินค้าตัวเองออกขายได้
> แล้วถ้าผลิตสินค้าตัวเองออกแต่ขายไม่ได้ล่ะครับ ปัญหา Samsung คือ คุณภาพสินค้าที่ลูกค้าเริ่มรับรู้แล้วครับ
แต่คนที่ เสี่ยงคือคนจ้างผลิต ตังจ่ายแล้วถ้าของขายไม่ออกงานเข้าแน่ๆครับ
> อันนี้ผมว่ายังไม่ต้องห่วง Apple จะขายไม่ออกหรอกครับ
คิดดูดีๆ โรงงาน กับผู้ว่าจ้างใครมีความเสี่ยงมากกว่ากัน
> มันมีความเสี่ยงทั้งคนที่จ้าง กับคนที่ผลิต พอกันครับ เสี่ยงกันคนละด้าน คนละแบบ ล้วนอยู่ที่ผู้บริหารจะจัดการได้ดีแค่ไหนครับ ซึ่งตรงนี้ผมมองว่า Apple จัดการได้ดีกว่า Samsung อยู่ ณ ตอนนี้ครับ ในภายภาคหน้าก็ลองดูความสามารถของผู้บริหารแต่ละท่านกันต่อไป
ถ้าอยากจะขายของที่คุณภาพเยี่ยม วัสดุก็ต้องเยี่ยมด้วยรวมถึงอัตราผลิตด้วย
> อันนี้ผมว่า Apple เองมีความสามารถในการหา Supply ได้เยี่ยมพอสมควรครับ เค้าไม่ได้ติดต่อ Supplier เจ้าเดียว
>>ผมบอกตอนไหนครับว่ามีเจ้าเดียวข่าวที่ผมส่งด้านบนที่เห็นๆก็2 เจ้า อย่างหลงประเด็น
และอีกอย่างโรงงานผลิตถ้ามีลูกค้ามาเค้าก็รับหมดอยู่แล้วครับ ถ้าไม่มีก็สามารถผลิตสินค้าตัวเองออกขายได้
> แล้วถ้าผลิตสินค้าตัวเองออกแต่ขายไม่ได้ล่ะครับ ปัญหา Samsung คือ คุณภาพสินค้าที่ลูกค้าเริ่มรับรู้แล้วครับ
>>ถ้าผลิตแล้วขายไม่ได้ก็เจ้งสิครับถามแปลกๆ แต่ถ้าผลิตเองจะเจ้งน้อยกว่าจ้างผลิต
แต่คนที่ เสี่ยงคือคนจ้างผลิต ตังจ่ายแล้วถ้าของขายไม่ออกงานเข้าแน่ๆครับ
> อันนี้ผมว่ายังไม่ต้องห่วง Apple จะขายไม่ออกหรอกครับ
>>ผมไม่ได้บอกเลยครับว่า Apple จะขายไม่ออก ผมแค่ยกตัวอย่างสินค้าทั่วไปถ้าจ้างผลิตและขายไม่ออกเจ้งแน่ๆ และเจ้งเยอะกว่าผลิตเองและขายไม่ออก
คิดดูดีๆ โรงงาน กับผู้ว่าจ้างใครมีความเสี่ยงมากกว่ากัน
> มันมีความเสี่ยงทั้งคนที่จ้าง กับคนที่ผลิต พอกันครับ เสี่ยงกันคนละด้าน คนละแบบ ล้วนอยู่ที่ผู้บริหารจะจัดการได้ดีแค่ไหนครับ ซึ่งตรงนี้ผมมองว่า Apple จัดการได้ดีกว่า Samsung อยู่ ณ ตอนนี้ครับ ในภายภาคหน้าก็ลองดูความสามารถของผู้บริหารแต่ละท่านกันต่อไป
>>ผมไม่เข้าใจที่พิมพ์มาครับ Apple จะจัดการอะไรได้ดีกว่า Samsung *ที่ผมจะบอกคือคนไปจ้างเขาทำของเพื่อที่จะขายผมเห็นความเสี่ยงเดียวที่จะมีกับผู้ผลิตคือ ผลิตของไม่ทันโดนปรับไปตามสัญญา ความเสี่ยงของผู้จ้างคือขายไม่ออก งงอะไรหรือเปล่าครับ
แต่สุดท้ายถ้าคุณไปจ้างโรงงานผลิตอะไรก็แล้วแต่ ถ้าคุณขายดีเค้าก็รวยกับคุณด้วยเพราะคุณต้องสั่งของจากเค้า หรือไม่ก็เปลี่ยนเจ้า
แต่ถ้าโรงงานทำของมาขายเอง คุณจะไม่ได้อะไรจากโรงงานเลย
แต่กลับกันถ้าคุณทำของออกมาขายโดยจ้างโรงงาน และขายไม่ได้คุณจะขาดทุนราคาสูง
แต่ถ้าคุณเป็นโรงงานและทำของออกมาขายและขายไม่ได้ คุณจะขาดทุนราคาต่ำ
เข้าใจตรงกันนะครับ อย่าหลงประเด็น
รู้แค่ว่าทุกวันนี้ คนรอซัมซุงเล่นตัวอยู่เยอะกว่า
เพราะบริษัทที่จ้างผลิตของเยอะขนาดนี้มีจ้าวเดียวบนโลก
แต่บริษัทรอทำมากมายมหาศาล
ผลิตให้ apple ได้สักสี่ปีนี่มีเงินทำบ.มือถือได้เลย
แต่ตอนนี้ซัมซุงไม่โง่จะปล่อยเนื้อก้อนใหญ่ออกไป
"งานผลิตไม่ยั่งยืนมากเท่างานที่เข้าถึงลูกค้าครับ"
งั้นคนขายข้าวก็ต้องลงมาทำนาเองนะสิ ที่ซัมซุงหรือโรงงานพวกนี้อยู่ได้เพราะมีออเดอร์ครับ เห็นโรงงานในไทยไหมเขาก็รับออเดอร์มาทั้งนั้น ถ้าไม่มีคนสั่งโรงงานจะอยู่ยังไงผลิตให้ใคร พวกนี้มันน้ำพึ่งเรือเสือพึงป่าอยู่แล้ว
เดี๋ยวนี้นาส่วนใหญ่ก็เป็นของนายทุนนะครับ เค้าไม่ได้ลงแรงแต่เค้าลงทุนคุณเข้าใจอะไรผิดป่ะครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ จากคุณตันเคยจ้างผลิตชาเขียว ทำไมยังมาทำโรงงานผลิตเอง???
ผมยังเคยอ่านข่าวแว่วๆ Apple อยากจะทำโรงงานของตัวเอง ???
ส่วนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าของมันแน่อยู่แล้ว
ทุกอย่างก็เพื่อ เงินๆๆๆ
อาจจะยอมปล่อยให้ไปเป็นใส้ศึกเพื่อล้วงความลับ iphone 7 ออกมาก็ได้ 😛
หรือเป็นแบบอีหรอบของ M$
ไหนเคยมีคนเอาจดหมายของ Jobs ข้อตกลงกับบริษัทต่างๆว่า เราจะไม่ทุ่มเงินเพื่อดึงตัว พนง. อีกฝ่ายไปทำงานของบริษัทกันและกันไง
ตอนแรกนึกว่า ทาบทาม คือพวกที่ซัมซุงไล่ออกตอนดีไซท์ S5 ซะอีก
โยกย้ายงาน ทำงานบริษัทอื่น เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แต่ที่มันดัง เพราะดันเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ก็แค่นั้นเอง
อะไรนะ แอปเปิ้ลจะทำ ไอกิมจิ ขายเหรอ hahahaha
สินค้าเกษตรอย่าง ข้าว,ยาง ถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยครับ คงจะเทียบกับ iphone ไม่ได้หรอก ขาด iphone อยู่ไม่ได้นะครับ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่รู้จะยังอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้
คุณสมบัติของผู้สมัคร
1……..
2……..
3……..
4……..
5……..
6……..
7. มีประสบการณ์จาก บ. samsumg ด้านแบตเตอรี่ 5 ปีขึ้นไป
คอมเม้นดราม่าเยอะจนขี้เกียจอ่าน
คอมเม้นดราม่าเยอะจนขี้เกียจอ่าน
ดราม่ามากข้างบน 55
ส่วนตัวชอบ Android ด้วยเหตผลหลายๆอย่าง
แต่ก็ยอมรับว่า Apple ก็มีบางด้านที่ดีกว่า เช่น app
แต่ส่วนตัวมองว่า apple ไม่ได้อยู่ในช่วงขาขึ้นนะ แต่คนใช้ก็ยังเยอะมากๆอยู่
แต่ของแบบนี้ก็ต้องดูกันต่อๆไป แข่งกันเยอะๆแหละดี เทคโนโลยีจะได้ไปไวๆ อิอิ
การตลาดล้วนๆ.
ปล. ยอมๆกันบ้างเถอะครับ ชนะแล้วไง….
ดราม่า น่าเบื่อจังครับ ต่อให้คุณๆ เก่งกันแค่ไหน ก็ผลิตมือถือใช้เองไม่ได้หรอก
ต้องซื้ออยู่ดี
เอาไป 100 กระโหลก 555
ถามว่า Apple ดีมั้ย…ดีมากมาก เครื่องสวยออกแบบดี ดูดีมีชาติตระกูล บลา บลา บลา
ถามว่าจะซื้อ Apple มั้ย ไม่ซื้อ…เพราะอะไร เพราะมันไม่ไช่ Android แล้วทำไมถึงชอบAndroid เพราะว่า Android เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม