หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัวซีรีย์ใหม่อย่าง iPhone XS , XS Max และ XR ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และประกาศหยุดการจำหน่าย iPhone 6s และ iPhone SE พร้อมลบออกจากเว็บไซต์ แต่จากรายงานข่าวล่าสุดพบว่า Apple อยู่ดีๆ ก็ได้นำ iPhone SE กลับมาจำหน่ายอีกครั้งในหมวดหมู่ของสินค้าลดราคา…
ตามข่าวรายงานว่า Apple นำ iPhone SE ขึ้นเว็บอีกครั้งแต่อยู่ในหน้า clearance หรือส่วนของสินค้าลดราคา โละสต็อก ซึ่งจากหน้าเว็บดังกล่าวทำให้เราเห็นว่า iPhone SE ถูกหั่นราคาลงมาประมาณเกือบ ๆ 3,000-5,000 บาทโดยมีราคาดังนี้
iPhone SE 32GB สีทอง และ สีโรสโกลด์ ลดเหลือ $249 หรือประมาณ 7,900 บาท (ราคาเดิม 349 หรือประมาณ 11,000 บาท)
iPhone SE 128 GB สีทอง สีเงิน และสี สีโรสโกลด์ ลดเหลือ $299 หรือประมาณ 9,500 บาท ( จากราคาเดิม $ 449 หรือประมาณ 14,000 บาท )
สำหรับ สเปกของ iPhone SE นั้นเปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 ออกมามีหน้าตาเหมือน iPhone 5s อย่างกับฝาแฝด มาพร้อมจอ Retina Display ขนาด 4″ ใช้ชิป A9 แบบเดียวกับ iPhone 6s รันบนระบบปฏิบัติการ iOS 9.3 มี Touch ID กล้องหลัง 12 MP ซึ่งในช่วงนั้นก็ต้องบอกว่าค่อนข้างได้รับความนิยมกันมากกับมือถือหน้าจอ 4″ แบบจับถนัดมือ พกง่ายใช้สะดวก
คาดว่าการนำ iPhone SE กลับมาวางขายในสหรัฐอีกครั้งนั้นอาจเพื่อต้องการกระตุ้นยอดขายของทาง Apple ซึ่งช่วงนี้ค่อนข้างซบเซาเหลือเกิน ซึ่งตอนนี้หากจะเข้าดูบนเว็บเราจะเห็นว่าบางสีบางรุ่นนั้น Out of stock ไปเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีข่าวว่าจะมีการเพิ่มสต็อกใหม่หรือไม่อย่างไร และจากเท่าที่ดูแล้วก็น่าจะเป็นการขายเพื่อระบายสต็อกสินค้าเท่านั้น ส่วนในประเทศไทยจะมีไหม อันนี้ก็คงต้องตามลุ้นกันอีกทีนะคะ
ชอบดีไซน์ gen นี้
ชอบดีไซด์ เจนนี้ที่สุดแล้วด้านหลังสวยมาก ด้านข้างก็ดุดี
รุ่นนี้กลมกล่อมที่สุดของ iPhone แล้วละ
ชอบสุดแล้วรูปทรงนี้ ราคา7900 เท่ากับที่ผมซื้อเครื่องเปล่าของ true เลย
ถ้ามีขายอีกเครื่อง 0 ราคาต่ำกว่า 4000 จะซื้อเก็บไว้
หาเจอได้ไงครับ 7900 ของหายากสุดๆ เลย
ผมอยู่ฉะเชิงเทราครับ
ทรูบางนาตราด กม41 มีทุกเครื่องทุกสีเลย
เปิดตัวมีนา2016
ผ่านมาสามปี . . . ก็ยังขายได้ ถึงจะลดราคาลงก็เถอะ
ถ้าหลุดมาถึง online store thai ก็คงมีแตกตื่นกันมั่ง
ยอมรับในมนต์ขลังของเค้าจริงๆ.
เริ่มขุดของเก่ามาขาย แล้ว
นวัตกรรม ไปกับ job แล้วจริงๆม้างง
ใครจะไปเชื่อว่ามือถือจะมาถึงจุดที่ราคาเครื่องละสี่-ห้าหมื่น
ต่อให้แบรนด์ของคุณแข็งแกร่งแค่ไหน พออัพราคาไปถึงจุดๆนึง
ที่คนเขารู้สึกว่ามันถึงขีดจำกัด แฟนคลับจะรักกันแค่ไหนเขาก็ต้องได้สติ
และหันไปพิจารณาทางเลือกอื่นเป็นธรรมดา
ชัดเจนแล้วสินะ ยี่ห้อที่หยิ่งๆ เก๊กๆ 😀