Target ห้างชื่อดังอันดับ 2 ของอเมริกาถึงกับต้องโทษบริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่าง Apple ที่ทำให้หุ้นของตน (TGT) ร่วงไปกว่า 5% โดย Target อ้างว่าเป็นเพราะยอดขายของสินค้า Apple ตกลงไปถึง 20% ในไตรมาสที่ผ่านมา (ไตรมาสที่ 2) Brian Cornell CEO ของ Target บอกว่าสินค้า Apple ขาดนวัตกรรมใหม่ๆและโทษ Apple ที่ทำให้ยอดขายของห้างไม่เป็นที่น่าพอใจ

สาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้คนซื้อ iPhone น้อยลงคงจะเป็นเพราะลูกค้ากำลังรอซื้อ iPhone 7 ซึ่งกำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ยอดขายกำลังซบเซาอยู่นี้ไม่ได้ทำให้ราคาหุ้นของ Apple ตกลงตามที่นักวิเคราะห์เคยทำนายไว้เลย โดย iPhone ยอดขายร่วงลง 15%, iPad ร่วง 9% และ Mac ร่วง 11% อาจจูงใจให้ Apple หันมาขายในร้านและเว็บไซต์ของตัวเองมากขึ้นเพื่อลดต้นทุนลง

อีกเรื่องที่น่าแปลกใจไม่แพ้กันคือ Apple ยังคงขาย Macbook Pro รุ่นปี 2012 (รุ่นที่ไม่มีจอ Retina Display) อยู่ โดยไม่มีสเป็คอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่เปิดตัวเมื่อ 4 ปีที่แล้วเลย และนอกจากเจ้า MacBook หน้าจอ 12 นิ้วที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว Mac รุ่นอื่นตั้งแต่ mini จนถึง Pro ก็ไม่มีรุ่นไหนเลยที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่มาเป็นเวลา 1 ถึง 2 ปีแล้ว จนเว็บ MacRumors ขึ้นคำว่า “Don’t Buy” ให้กับพวก Mac ที่ไม่มีรุ่นใหม่ออกมาทุกตัว รวมถึง Mac Pro ที่เปิดตัวครั้งล่าสุดตั้งแต่ปี 2013 และยังไม่มีรุ่นใหม่ตามมาอีกเลย ทำให้คนที่ทำงานในสายงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงๆพากันไม่เข้าใจในสายการผลิตของ Mac ในยุคนี้เลย

ผมเดาไม่ออกเลยว่า Apple กำลังวางแผนอะไรเกี่ยวกับ Mac อยู่ถึงปล่อยให้ไม่มีรุ่นใหม่ๆในบางสายการผลิตเปิดตัวออกมาเลย รวมถึง iPhone รุ่นต่อไปจะมีอะไรที่กระตุ้นยอดขายได้มั้ย ปีหน้าเป็นปีครบรอบ 10 ปีของสายการผลิต iPhone มีข่าวลือว่า Apple จะฉลองโดยการยกเครื่อง iPhone ตัวใหม่เกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นจอ OLED โค้งสองด้าน, เซ็นเซอร์ Touch ID แบบ built-in, แท่นชาร์จไร้สายหรือตัวเครื่องที่ทำจากแก้ว เป็นต้น

ที่มา: Yahoo, MacRumors, The Verge