เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนได้มีข่าวออกมาว่า สหภาพยุโรป หรือ EU เตรียมออกกฎให้สมาร์ทโฟนทุกรุ่นใช้ USB Type C เหมือนกันให้หมด งานนี้กระทบ iPhone ที่ใช้พอร์ต Lightning แบบเต็มๆ โดยล่าสุด Apple ได้ออกมาตอกกลับ EU แล้ว โดยให้เหตุผลว่า หากทำให้ USB Type C เป็นพอร์ตมาตรฐานที่ทุกแบรนด์ต้องใช้ จะทำให้ไม่เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น อีกทั้งยังเป็นการไปเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังเป็นปัญหาทั่วโลกอีกต่างหาก
สำหรับจุดประสงค์ของสหภาพยุโรปที่ต้องการให้ USB Type C เป็นพอร์ตสากลให้ทุกค่ายหันมาใช้ เนื่องจากพอร์ตดังกล่าวมีความทนทาน และมีความสะดวกในการใช้งานกว่าพอร์ตอื่นๆ มาก โดย Maros Sefcovic รองประธาน EU ได้ออกมากล่าวว่า ทางสหภาพยุโรปจะพยายามทำทุกวิธีทางที่จะทำให้พอร์ต Type C เป็นพอร์ตสากลให้ได้ เพราะนั่นหมายความว่า จะทำให้ผู้ใช้งานมีความสะดวกสบายขึ้น สามารถขอยืมสายชาร์จเพื่อนได้ในกรณีลืมหยิบมาจากบ้าน อีกทั้งจะเป็นการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงอีกด้วย ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบต่อ Apple แบบเต็มๆ เพราะ iPhone 11 รุ่นล่าสุดของพวกเขา ยังมาพร้อมกับพอร์ตแบบ Lightning อยู่เลย
ซึ่งทาง Apple ก็ออกมาโต้แย้งว่า การเปลี่ยนจากพอร์ตชาร์จ Lightning เป็น Type C นั่น จะทำให้ผู้ใช้งานกว่าหลายล้านคนลำบาก อีกทั้งยังเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์จากการที่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หลายๆ ตัว เพื่อให้รองรับการใช้งานกับ USB Type C รวมถึงผู้บริโภคที่ได้ซื้ออุปกรณ์เสริมอย่างเช่นสายชาร์จในรถยนต์, ลำโพงที่มีแท่นชาร์จแบบ Lightning ฯลฯ และอาจจะต้องโละอุปกรณ์เหล่านั้นทิ้งไปด้วยหาก iPhone ต้องเปลี่ยนมาใช้พอร์ต Type C ทำให้เกิดขยะอิเล็คทรอนิคมากขึ้นไปอีก ซึ่งขัดแย้งกับจุดประสงค์หลักของ EU อยู่พอสมควร เพราะทาง EU เอง ก็ต้องการผลักดันให้ USB Type C เป็นพอร์ตสากลเพื่อที่จะลดขยะอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง
อีกทั้ง Apple ยังเพิ่มเติมขึ้นมาอีกว่า การบังคับใช้พอร์ต USB Type C กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่น จะทำให้นวัตกรรมใหม่ๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้ พร้อมกับหวังว่า EU จะหาทางออกที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการคิดค้นนวัตกรรมใหม่เพื่อประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากที่สุด
นอกจากนี้ Apple ยังได้ยกผลการศึกษาของ Copenhagen Electronics มาอ้างอิงถึงเหตุผลของพวกเขาอีกด้วยว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 49% ที่มีอุปกรณ์หลายๆ อย่างซึ่งใช้หัวชาร์จต่างกันออกไป ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ สมาร์ทโฟนใช้ Type C, แทบเล็ตเป็น Lightning หรือว่าหูฟังไร้สายเป็น micro USB แต่มีจำนวนเพียงแค่ 0.4% เท่านั้นที่รายงานว่า พวกเขาได้รับผลกระทบจากการใช้หัวชาร์จที่ไม่เหมือนกัน
ทำให้ต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว กฎข้อบังคับที่จะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB Type C ให้เป็นพอร์ตสากลสำหรับสมาร์ทโฟนนั้น จะผ่านมติจากที่ประชุมสหภาพยุโรปหรือเปล่า และเราจะได้มีโอกาสได้เห็น iPhone หันมาใช้พอร์ต USB Type C ร่วมกับเหล่ามือถือ Android รึเปล่านะครับ
ที่มา: appleinsider
อันนี้แลดูพูดยากแหะ จำกัดมากไปมันก็เหมือนปิดกั้น แต่ถ้าไม่จำกัด มันก็จะมีหลากหลายมากเกิน 🙂 🙂
ย้อนแย้ง เพราะ apple เองก็ทยอยเปลี่ยนพอร์ต Type C ให้กับ สินค้าตัวเองเช่นกัน
แค่นจะตะแบงนะ เขาไม่ได้บังคับย้อนหลังอะไรนิ
เขาบังคับโปรดักส์ที่จะออกใหม่ แล้วตัวเองก็เริ่มใช้เองแล้วด้วย
ค่ายศาสนานี่ มันมีแต่เล่ห์เหลี่ยมการตลาดกั๊กสเปคจริงๆ
จะทำให้นวัตกรรมใหม่ๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้
ในขณะที่ฝั่งตัวเองยันใช้พอร์ตเก่า เป็นสิบๆ ปีอยู่เนี่ยะนะ
แอปเปิลขาย เฉพาะพอรตนี่ก็กำไรเยอะอยู่ ถ้าไป้tye cก็จบเห่สิ
"Apple ยังเพิ่มเติมขึ้นมาอีกว่า การบังคับใช้พอร์ต USB Type C กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่น จะทำให้นวัตกรรมใหม่ๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้"
แล้ว Port Lightning เองมีนวัตกรรมใหม่ไหมครับ ผมใช้มาตั้งแต่ Iphone 5S แล้ว ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มี นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Port Lightning เลยนะครับ ผมว่าประเด็นอยู่ที่เรื่องของธุระกิจมากกว่านะครับ
Lightning ที่แสนบอบบางเปื่อยง่าย นี่แหละตัวสร้างขยะ
จนต้องไปหา 3rd party มาใช้เพื่อความทนทาน
งอแงจิมจิม
โถ่ ทำเหมือนตัวเองไม่เคยเปลี่ยนพอร์ท
ความจริง apple ก็พูดถูกนะ ถ้ามี type c อย่างเดียวก็จะไม่มี type x y z เกิดใหม่ เอาเป็นว่าให้เป็นเรื่องของ demand supply ดีกว่า อะไรที่มันไม่เวิร์คก็ค่อยๆดับไปเอง
ตอนนี้มีสาย micro, type-c, lightning อย่างละ 2 เส้น ถ้ามี x, y, z เกิดใหม่โดยที่ของเก่าก็ยังต้องใช้ หรือส่งต่อให้คนในครอบครัวก็จะมีสายเพิ่มขึ้นอีกเพียบ ประเด็นของเค้าน่าจะเป็น พัฒนากันไปยังไงก็ได้แต่ขอให้หัวที่เสียบมันเป็น type-c ใช้กับของเก่าได้ด้วย ลดขยะได้เยอะ จากที่มี 6 เส้นก็เหลือ 2-3 เส้นพอ
อันนี้พูดยากครับ ตอบ คอมเม้นคุณ newTab นะครับ
ในเชิงของการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ การที่บอกว่า มาตรฐานต้องเป็น Type-C ในเชิงคนคิดค้นจะโดนตีกรอบแล้วครับว่าต้องใช้โครงสร้างของ Type-C ซึ่งในแต่ละนวัตกรรมมันจะมี Limit ของมันอยู่ครับ
ถ้ามองย้อนกลับไป USB มี type A type B แล้วก็โดน มี apple ออกมาเป็นของตัวเอง lighting ซึ่งมันทำให้เกิดการแข่งขันในเรื่องความเร็วส่งข้อมูล การชาร์จไฟ เพราะไม่มีการกำหนดว่า"ต้อง" เป็นอะไรอย่างใดอย่างนึงเท่านั้น
ทีนี้ยุโรปจะบอกว่า "ต้อง" เป็น type-C เท่านั้นทำให้ธุรกิจถูกตีกรอบครับให้คนทำออกมาเป็น type-C ตามข้อกำหนด ซึ่งมาตรฐานของ USB ควรกำหนดอันนั้นดีครับ
แต่การกำหนดให้ device "ต้อง" ใช้ เท่านั้นอันนี้ อาจทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน และชลอนวัตกรรมจริงครับ
เค้าไม่ได้ห้ามคิดใหม่นี่ครับ ถ้าของใหม่มันดีกว่า ผลิต USB Type-D ขึ้นมาได้ เร็วกว่า แรงกว่า
ก็ออกกฏหมายใหม่ให้มือถือที่จะออกในอีก 2 ปีถัดไปเปลี่ยนไปใช้ USB Type-D ให้หมดก็ได้ครับ
นวัตกรรมอะไรของมัน ตามตูดชาวบ้านเค้าเป็นชาติ ฟันแต่กำไร แล้วจะเปลี่ยนพอร์ทให้ พวก mac ของเอ้งทำไมวะ
ผูกขาดไม่ได้น่ะสิ 555
รอ สินค้าของปีนี้ปล่อยออกก่อนดิ ทำ lightning ไปแล้วอะ
พอปล่อยหมดคงเปลี่ยนคำพูดเองละ
เด๋วเรื่องของธุรกิจ และผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร
การใช้พอร์ตเหมือนชาวบ้านไม่ใช่การเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิคแต่มันเป็นการลดขยะ และถ้าจะมีอะไรขัดขวางนวัตกรรมก็พอร์ต lightning นี่แหล่ะ โคตรล้าหลัง ออกมาพูดรักษาผลประโยชน์ตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อผู้บริโภค
thunderbolt 3 , usb 4 ก็เป็นนวัตกรรมใหม่ บน type-c
ความเร็วก็สูงกว่ามาก มีฟังก์ชั่นการทำงานได้หลากหลายกว่าอีก
ต้องถามว่าทำไม iphone ยังใช้นวัตกรรมเก่าอยู่..
ยอมรับเถอะ type-c ไปไกลกว่า lightning แล้ว
แค่ชาร์จไว type-c = 100 วัตต์ 20V/5A , lightning=12 วัตต์ ความเร็วส่งข้อมุล type-c = 5Gbps
พัฒนาหรืออยุ่กับพี่เอาจริงๆ เข้ากับชาวบ้านก็ยาก …
ไม่ได้เกี่ยวกับนวัตกรรม เรื่องเงินล้วนๆ ถ้าเปลี่ยนเป็น type c พวกสายชาร์จไม่ต้องง้อของ apple แล้ว จะซื้อยี่ห้อไหนก็ได้
มันจะการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ยังไง
ไม่ว่าจะใช้ Port อะไร ถ้ายังมีการผลิตสายด้วยวัสดุคุณภาพต่ำ
หรือวัสดุที่ย่อยสลายตัวเองได้เมื่อหมดประกัน มันก็ยังสร้างขยะอยู่ดี
อยากได้วัสดุทำงานแบบ BB เครื่องพังไปหมด แต่สายชาร์ตยังอยู่ดี
ส่วนตัวชอบ Lightning ฝั่งตัวเมียมากกว่า USB-C ตัวเมีย เพราะมันทำความสะอาดง่ายมาก ๆ
ส่วนฝั่งตัวผู้ชอบ USB-C มากกว่า