ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีข่าวออกมาว่า สหภาพยุโรป หรือ EU เตรียมออกกฎหมายให้สมาร์ทโฟนทุกรุ่นใช้ USB Type C เป็นพอร์ตชาร์จเหมือนกันทั้งหมด ล่าสุดเรื่องดังกล่าวก็ผ่านการโหวตของเหล่าสมาชิกของสหภาพยุโรปเป็นที่เรียบร้อย และส่วนใหญ่เห็นชอบให้ USB Type C เป็นพอร์ตชาร์จสากล ทำให้สมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต อาจต้องมาพร้อมกับพอร์ตดังกล่าว ไม่เว้นแม้แต่ iPhone

โดยก่อนหน้านี้ Apple ได้ออกมาค้านกับข้อเสนอที่จะทำให้ USB Type C เป็นพอร์ตชาร์จสากลของสมาร์ทโฟนทุกรุ่น ว่าจะทำให้นวัตกรรมใหม่ๆ ไม่เกิด อีกทั้งจะทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากอีกด้วย แต่เหมือนว่าสมาชิกของสหภาพยุโรปส่วนใหญ่จะไม่คิดแบบนั้น เพราะผลโหวตที่ออกมา ฝ่ายสนับสนุน Type C ได้คะแนนไปอย่างท่วมท้นถึง 528 เสียงต่อ 40 เรียกได้ว่าชนะแบบขาดลอยเลยทีเดียว

Apple ตอกกลับ EU การใช้ Type C เป็นพอร์ตสากล จะทำให้นวัตกรรมไม่เดินหน้า แถมยังเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์

สหภาพยุโรป หรือ EU ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอให้ USB Type C เป็นพอร์ตชาร์จสากลครั้งนี้ว่า

ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ได้มีขยะอิเล็กทรอนิกส์เกิดใหม่ขึ้นมาทั่วโลกกว่า 50 ล้านตัน คิดเป็นเฉลี่ยต่อหัว ก็ตกคนละมากกว่า 6 กิโลกรัมต่อปี

ก่อนจะเสริมว่าตัวเลขขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ถือว่ามีจำนวนที่มากเกินไป และปัญหานี้ควรที่จะได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน

Google เตรียมออกกฎ Android ทุกรุ่นต้องรองรับ USB-PD

โดยเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีข่าวว่า Google เตรียมพิจารณาให้สมาร์ทโฟน Android ทุกรุ่น รองรับมาตรฐานชาร์จไว USB-PD แบบเดียวกันทั้งหมด หลังเราได้เห็นความวุ่นวายของโซลูชั่นการชาร์จที่ปัจจุบันแต่ละแบรนด์ต่างพยายามที่จะสร้างวิธีการชาร์จของตัวเองขึ้นมา ทั้งที่มีมาตรฐานกลางอย่าง USB-PD อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อรวมเอากฎหมายที่ทาง EU เตรียมออกให้ USB Type C เป็นพอร์ตชาร์จสากล และ Google ผลักดันให้สมาร์ทโฟน Android ทุกรุ่น รองรับมาตรฐานการชาร์จไวแบบ USB-PD เหมือนกันทั้งหมดแล้ว ต่อไปการลืมสายชาร์จไว้ที่บ้านก็จะไม่มีปัญหา ที่ไปยืมสายชาร์จและหัวชาร์จของคนอื่นมาใช้งาน แล้วชาร์จได้ช้ามากอีกต่อไป

อย่างไรก็ดีตามข่าวคือ Google ไม่ได้ถึงกับบังคับว่าทุกเจ้าห้ามพัฒนาโซลูชั่นการชาร์จของตัวเองออกมาแต่อย่างใด เพียงแค่ว่าถ้าทำของตัวเองแล้ว ยังต้องทำให้รองรับมาตรฐานกลางของ USB-PD ด้วยเท่านั้น

เหตุการณ์ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น

  • แบรนด์ A รองรับชาร์จไว 100W และ USB-PD 30W
  • แบรนด์ B รองรับชาร์จไว 50W และ USB-PD 30W
  • แบรนด์ C รองรับชาร์จไว USB-PD 30W
  • ทั้งสามแบรนด์ใช้พอร์ตชาร์จ USB Type C
  • คนใช้แบรนด์ A ลืมเอาสายชาร์จมา สามารถยืมสายชาร์จของแบรนด์ B หรือ C มาใช้งานได้ รวมถึงการชาร์จที่ความเร็ว 30W ตามมาตรฐานกลางที่ทุกเจ้ารองรับ กล่าวคืออาจจะไม่ได้เร็วสูงสุดตามความสามารถของเครื่องที่ตนใช้อยู่ แต่ก็ไม่ต้องลงไปชาร์จที่กำลังไฟต่ำซึ่งต้องรอนานกว่าแบตจะเต็มแบบสมัยก่อนนั่นเอง

ลุ้น iPhone 12 มาพร้อม Type C เลยหรือไม่

ในการโหวตครั้งนี้ยังเป็นเพียงการลงมติของทางรัฐสภายุโรป (EU Parliament) เท่านั้น กว่าจะตราออกมาเป็นกฎหมายจะยังต้องร่างเนื้อหาและเปิดโหวตอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ซึ่ง ณ ตอนนั้นถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราก็อาจจะได้เห็น iPhone 12 มาพร้อมกับพอร์ต USB Type C ได้ แต่อย่างไรก็ดี มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทาง Apple จะยอมด้วยเหตุผลทางธุรกิจหลายอย่าง ก็ต้องดูว่าตัวกฎหมายจะมีช่องว่างให้ทาง Apple สามารถดิ้นใช้พอร์ต Lightning ต่อได้เหมือนเดิมหรือไม่ เพราะการบังคับใช้พอร์ตสากลนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เราได้เห็นข่าวนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ที่ทุกค่ายร่วมมือกันใช้ Micro USB แต่ทาง Apple ก็ยังคงใช้พอร์ต Lightning มาได้โดยตลอด ซึ่งมีข้อมูลว่าเกิดจากช่องว่างทางกฎหมายที่เปิดให้ทำได้หากมีหัวแปลงนั่นเองBBC

งานนี้หากสมาร์ทโฟนทุกเครื่องรวมถึง iPhone หันมาใช้ USB Type C กันจริงๆ ต้องบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับหลายคน เพราะนอกเหนือจากสมาร์ทโฟนแล้ว ปัจจุบัน USB Type C ก็เป็นพอร์ตมาตรฐานของอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงโน๊ตบุ๊คอีกด้วย ส่วนอุปกรณ์ของทาง Apple เองปัจจุบันหลายชิ้นก็เริ่มนำเอา USB Type C ไปใช้งานบ้างแล้ว ทั้ง iPad Pro และ Macbook Pro การเปลี่ยนอุปกรณ์ทั้งหมดให้ใช้พอร์ตเหมือนกันก็น่าจะสร้างความสะดวกสบายให้กับหลายฝ่ายขึ้นได้อีกเพียบ อุปกรณ์เสริมหลายชิ้นก็น่าจะใช้ร่วมกันได้ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ก็น่าจะลดลงในระยะยาว แต่คนที่น่าจะไม่แฮปปี้ที่สุดในกรณีแบบนี้ก็คงจะมีเพียง Apple เองที่อาจจะสูญเสียรายได้หายไปเพียบเลยนั่นเองล่ะครับ

 

ที่มา:

vice : Europe Just Voted in Favor of Making iPhone and Android Use the Same Charger

BBC : Apple may have to abandon Lightning connector cable