หลังจาก Donald Trump ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าในหลายๆ ประเทศ จนทำให้มีการคาดการณ์ผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับราคาสินค้าของ Apple อย่าง iPhone ที่อาจจะมีการปรับราคาขึ้นมา และกรณีล่าสุดของประเทศจีน ซึ่งโดนสหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตราสูงถึง 104% (จาก 54%) จนทำให้ลูกค้าในสหรัฐฯ แห่ไปซื้อ iPhone ที่ Apple Store กันเพียบ!

พนักงานของ Apple Store หลายสาขาทั่วสหรัฐฯ เล่าว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านมีแต่กลุ่มลูกค้าที่กลัวว่าราคาของ iPhone จะพุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด จากผลกระทบของการขึ้นภาษีโดย Donald Trump สาเหตุก็เนื่องมาจาก iPhone ส่วนใหญ่นั้น มีการประกอบชิ้นส่วนในประเทศจีนเป็นหลัก ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกเก็บภาษีสินค้านำเข้าสูงมากๆ
พนักงานรายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อบอกว่า สาขาที่เขาทำงานอยู่ มีสภาพเหมือนกับวันหยุดช่วงเทศกาล ถึงคนจะไม่ได้มากันเยอะเหมือนเวลาเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ๆ แต่ก็มีแวะเวียนมาซื้อ iPhone กันเรื่อยๆ จนทำให้ยอดขายขึ้นสูงเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา แถมลูกค้าหลายคนก็มักจะถามพนักงานด้วยท่าทางไม่มั่นใจว่า “iPhone จะเริ่มขึ้นราคาช่วงไหน?” พนักงานอีกคนเสริมว่า ตอนนี้ทาง Apple ยังไม่ได้มีรีแอคชันหรือการแจ้งเพิ่มเติมแต่อย่างใด สำหรับคำถามดังกล่าว ว่าจะต้องตอบลูกค้าแบบไหน
Apple มีแผนจะรายงานผลประกอบการในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ Tim Cook (CEO) และ Kevan Parekh (CFO) จะออกมาพูดถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากกำแพงภาษี รวมไปถึงมูลค่าของบริษัทที่ลดลงไปมากถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ฯ สูงเป็นประวัติการณ์
อ้างอิงจากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในอินเดีย ในตอนนี้ Apple ได้เตรียมรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการสั่งนำเข้า iPhone ที่ผลิตในอินเดียมายังสหรัฐฯ ให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยใช้เครื่องบินขนส่งสินค้าไปถึง 5 ลำ ภายใน 3 วัน ซึ่งสูงกว่าที่ควรจะเป็น คาดว่า Apple ต้องการจะนำล็อตสินค้าดังกล่าวมาสต็อกเก็บไว้ก่อน สำหรับใช้ขายในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ ในช่วงที่ยังไม่มีอะไรแน่นอน ท่ามกลางวิกฤตสงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ตอบโต้กันไปมา ซึ่งไม่มีแนวโน้มจะสิ้นสุดลงเร็วๆ นี้ด้วย

โดยล่าสุดรัฐบาลจีน ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ได้ออกมาตอบโต้ประเด็นทางด้านภาษีกับสหรัฐฯ ด้วยการดำเนินขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 84% (จากเดิม 34%) มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน นี้เป็นต้นไป
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : Times of India, Bloomberg
Comment