หลังจากการพิจารณาคดีร่วม 2 สัปดาห์ คณะลูกขุนของสหรัฐฯได้มีคำตัดสินออกมาแล้วว่า Apple ได้มีการละเมิดสิทธิบัตรของ Qualcomm รวม 3 รายการในผลิตภัณฑ์ iPhone หลายรุ่นด้วยกัน พร้อมสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายเต็มจำนวนเท่าที่ Qualcomm เคยเรียกเอาไว้ 32 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราวๆ 980 ล้านบาทเลยทีเดียว
เคสนี้ Qualcomm ได้มีการยื่นฟ้องไว้ตั้งแต่ช่วงปี 2017 โดยสิทธิบัตรที่ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นได้แก่ สิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วขึ้นขณะเปิดเครื่อง (Quicker Internet Connectivity at Boot-up) สิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิผลของแบตเตอรี่และการประมวลผลกราฟฟิก (Battery Efficiency & Graphics Processing) และสุดท้ายคือสิทธิบัตรเกี่ยวกับการจัดที่ทำให้แอพพลิเคชั่นดาวน์โหลดข้อมูลได้เร็วขึ้น (Traffic Management that Allows Apps to Download Data Faster)
จากรายงานเบื้องต้น Apple ได้พยายามยื่นข้อต่อสู้ว่าวิศวกรภายในของ Apple เองชื่อว่า Arjuna Siva ได้ทำงานสนับสนุนเป็นส่วนสำคัญของทีมที่พัฒนาเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตขณะเปิดเครื่องตามฟ้องข้างต้น ควรมีชื่อและสิทธิเป็นคนสำคัญในสิทธิบัตรรายการดังกล่าว อย่างไรก็ตามคุณ Siva ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายไปทำงานอยู่กับ Google แล้วได้ตอบปฏิเสธที่จะเข้าเบิกความเป็นพยานให้กับคดีนี้ ซึ่งส่งผลโดยตรงให้ข้อต่อสู้นี้ของ Apple ไร้น้ำหนักในการพิจารณาคดี
Apple อ้างว่าการฟ้องร้องกรณีนี้เป็นความพยายามแก้เผ็ดจาก Qualcomm ที่ถูก Apple เทใจแบ่งสัดส่วนของการเป็นผู้ผลิตชิพเซ็ตไปให้ Intel ตั้งแต่ช่วงปี 2016 เป็นต้นมา หลังจากที่เคยเป็น Qualcomm แต่เพียงผู้เดียวมาตลอดตั้งแต่ปี 2011
ยัง! ยังไม่หยุดแค่นั้น! เพราะหลังจากนี้ในช่วงเดือนเมษายนจะมีการพิจารณาอีกคดีหนึ่งระหว่างยักษ์ใหญ่ 2 รายนี้ ในเรื่องเกี่ยวกับการฟ้องร้องในค่าใช้สิทธิในเทคโนโลยีและสิทธิบัตระหว่างกันอีกครั้งและจะมีมูลค่าในคดีที่มหาศาลยิ่งกว่าเสียอีก เบื้องต้นคือเป็นหลักพันล้านเหรียญ หรือมากกว่า 30,000 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยเบื้องต้น Apple, Intel และ Federal Trade Commission ของสหรัฐอเมริการ่วมกันกล่าวหาต่อ Qualcomm ว่ากระทำการผูกขาดตลาดในผลิตภัณฑ์โมเดมที่อยู่ในสมาร์ทโฟน
ข้อพิพาทระหว่าง Apple และ Qualcomm ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ที่เดียวด้วย เพราะก่อนหน้านี้ในเดือน ธันวาคม ปี 2018 ก็มีกรณีที่ Qualcomm ก็ชนะคดีความไปในศาลประเทศเยอรมันนีถึงขนาดที่ Apple iPhone ที่ใช้โมเดมจาก Intel (iPhone 7 และ 8) ถูกแบนห้ามขายในประเทศเยอรมันนี ซึ่งทำให้ Apple ต้องพยายามจัดการระบบซัพพลายใหม่มาใช้โมเดมของ Qualcomm เท่านั้นเพื่อให้ขาย iPhone 7 และ iPhone 8 ได้อีกครั้งหนึ่งในประเทศนี้นั่นเอง…
ที่มา: Engadget
น่าจะโดนห้ามขายในไทยด้วยนะ อยากให้โมเด็มควอลคอมมากกว่า
มิน่าหละ ถึงขายเครื่องแพง
5555+
อย่างแรกไม่รู้ แต่เรื่องหลังอยากให้ qualcomm แพ้นะเพราะมันผูกขาดจริงๆ หลายๆบริษัทต้องมาแบ่งสเปคแบ่งชิปแยกประเทศกันวุ่นวายไปหมด
เมื่อก่อนบอกว่าขายแพงเพราะต้องใช้งบ R&D เยอะ
กลายเป็นงบ C&P ( Copy & Paste) แทน