เรื่องราวการฟ้องร้องของ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการมือถือของโลกยังไม่จบลงง่ายๆ เมื่อล่าสุดมีการฟ้องร้องจากทาง Apple เพื่อเรียกร้องให้ทาง Samsung จ่ายเงิน $40 (ราว 1300 บาท) ต่อโทรศัพท์และมือถือแอนดรอยด์แต่ละเครื่องที่ขายได้ โดยรายงานบอกว่าเงินค่า Royalty Fee นี้เป็นเพียงแค่ค่าใช้จ่ายสำหรับสิทธิบัตร 5 รายการเท่านั้น และไม่ครอบคลุมถือรายการอื่นๆที่อาจจะตามมาภายหลังได้อีก ซึ่งตอนนี้ศาลรับฟ้อง และจะเริ่มการไต่สวนในวันที่ 31 มีนาคม หรือวันจันทร์ที่จะถึงนี้
ในปี 2012 Apple ได้ชนะคดีความเรื่องการละเมิดสิทธิบัตรไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยศาลสั่งให้ Samsung ต้องทำการจ่ายเงินถึง 1 พันล้านดอลล่าห์ (แต่สุดท้ายก็ลดลงนิดหน่อยเมื่อมีการอุทธรณ์) ซึ่งในตอนนั้น Apple ได้เรียกร้องค่าใช้สิทธิบัตรน้อยกว่านี้มาก ซึ่งตัวที่แพงที่สุดคือ สิทธิบัตรการซูมหน้าจอด้วยการจีบนิ้ว (pinch-to-zoom API) ซึ่งมีมูลค่า $3.10 ต่อเครื่อง แต่คราวนี้ Apple เล่นแรงจัด คิดเฉลี่ยแล้วตก $8 ต่อสิทธิบัตร มากกว่าเท่าตัวจาก pinch-to-zoom เลยทีเดียว
หากว่าครั้งนี้ Apple ได้ตามที่เรียกร้องจริง Royalty Fee นี้จะเป็นราคาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยได้มีมา คิดเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยถ้าใครจำได้ Microsoft ก็ได้เงินจากผู้ผลิต Android แบบอิ่มหนำสำราญ ทำรายได้มากกว่าการขาย Windows Phone มาตลอดหลายปีด้วยซ้ำ แต่ว่านั่นก็ยังไม่เท่าที่ Apple เรียกเก็บในครั้งนี้ ซึ่งดีลที่ Microsoft ได้ทำกับแต่ละแบรนด์นั้นนักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ $10-20 เท่านั้น แต่ว่ารวมๆแล้ว Microsoft น่าจะได้จากผู้ผลิตแอนดรอยด์ทั้งหมดรวมกันไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านเหรียญต่อปี!!
หลายๆคนอาจจะบอกว่า Samsung ผิดจริง หรือไม่ชอบแบรนด์นี้เป็นการส่วนตัว แต่ว่าการเรียกร้องของ Apple ในครั้งนี้ก็ดูจะเล่นแรงไปนิดนึงมั้ยหว่า? หรือว่ามันจะเป็นแค่ตัวเลขเพื่อการต่อรองในชั้นศาล? แล้วมือถือแท๊บเลต Galaxy ที่ก็แพงกว่าชาวบ้านอยู่แล้วจะยิ่งแพงขึ้นไปอีกรึเปล่า?…หลังการพิจารณานี้ มารอดูกัน
ปล.1 5 สิทธิบัตรที่ทาง Apple ฟ้องร้อง Samsung ในครั้งนี้
– No. 5,946,547 – Data tapping patent
– No. 6,847,959 – Unified search patent (Siri)
– No. 7,761,414 – Asynchronous data synchronization
– No. 8,046,721 – Slide to unlock image
– No. 8,074,172 – Autocomplete
ปล.2 นี่ยังไม่รวมการยื่นฟ้อง Google และผู้ผลิต Android อีก 7 รายที่เราได้เคยกล่าวถึงไปเมื่อปลายปีที่แล้วนะ
source: FOSS Patents via Android Authority, Arstechinica, Geek.com
ข่าวเก่าที่เกี่ยวข้อง
– Microsoft ทำเงินจาก Android มากกว่า Windows Phone 5เท่า??!?
คุณตันช่วยด้วย!!!
อยากเห็นค่ายผลไม้ถูกรุมกินโต๊ะ
โอ้ว เม้นแก้เขินให้ samsung หรือครับ อิอิ
ช่วยแก้ให้อีกที
Apple ถูกรุม
มีคดีตัวอย่าง กรณีโนเกียไปละเมิดสิทธิบัตรเขา ศาลสั่งปันรายได้%ต่อเครื่องแบบนี้เหมือนกันครับ
บอกตรง สิ่งที่ใช้ ฟ้องเนียเหมือน บอกว่าบ้านฉันประตู ก่อน บ้าแกจะมีประตู ต้องจ่ายมา
สิทธิบัตรการซูมหน้าจอด้วยการจีบนิ้ว (pinch-to-zoom API)
– – แอปเปิ้ล ทำได้คนเดียวหรอ ก็เห็น ใช้กันทั่ว ทุกยี่ห้อ แอนดรอย วินโดว บีบี
-3- งง เบย
ก้เค้าทำออกมาก่อนไงครับ
โทรศัพท์หน้าจอสัมผัส แอปเปิ้ลก้คิดมาก่อน
คนมาทีหลังก้เป็นแบบนี้แหละ ในแง่ของทางธุรกิจเราต้องทำทุกอย่างเพื่อผลประกอบการ
apple ออกมาก่อนไง ที่ใช้นิ้วจีบแล้วซูมอ่ะ
แต่ก่อน แอนดรอย์รุ่นแรกๆ เวลา ซูมต้องกด เครื่องหมาย + – ที่แว่นขยายนะ
กรณีที่มีสิทธิบัตรมาก่อน เขาใช้วิธี "ขอใช้" ครับ
แต่ถึงจะเรียกว่าขอใช้ ก็จะมีการจ่ายเงินให้ด้วย แต่ก็ไม่ได้แพงอะไรมากเหมือนตอนโดนฟ้อง
สมัยก่อนซัมซุงจะปุ่ม + กับ – เอาไว้ย่อขยายรูปคล้ายๆปุ่มขยาย google map ใน pc
บางรุ่นก็ต้องจิ้มค้างที่รูปแล้วเอาลากขึ้นเพื่อขยายรูปหรือลากลงเพื่อย่อรูป
ขนาดการเลื่อนรูปยังมีปุ่มลูกศรซ้ายขวาเอาไว้เลื่อนรูป ไม่รู้ว่าการเลื่อนรูปโดยใช้นิ้วปัดซ้ายขวาใครทำก่อน
และยังมีอีกมากมายถ้าจะเล่นแบบนี้ เช่น กดไอคอน1ครั้งเพื่อเข้าใช้งาน กดไอคอนหรือหน้าจอค้างไว้เพื่อแสดงตัวเลือกอื่นๆหรือคำสั่งอื่นๆ เช่นกดค้างเพื่อย้ายไอคอน ลบไอคอน ลบแอพ วางโทรศัพท์แนวนอนแล้วหน้าจอหมุนตาม ปุ่มเพิ่มลดเสียงอยู่ด้านข้างตัวเครื่อง แสดงการแจ้งเตือนต่างๆที่ส่วนบนสุดของหน้าจอ แนบหูแล้วรับสายอัตโนมัต คว่ำหน้าจอลงเพื่อเปิดลำโพงสนทนา หรืออาจแม้กระทั่ง ใครมีแอพอะไรก่อนแล้วอีกฝ่ายมีตาม ฯลฯ
***แข่งกันไปเลย แต่อย่าแข่งกันขึ้นราคาละกัน
อย่างงี้แอปเปิ้ลก็ไม่มีวันตายอะดิ
นู๋ไม่รู้ นู๋ใช้แต่ SONY >.<
อิอิ มะรู้เหมียนกัน SONY
เอิ่ม ธุรกิจเริ่มไม่ค่อยสวย เอารวยทางฟ้องแทนป่าวล่ะเนี่ย
ถ้าได้ติดตามข่าว ซัมซุง กับ apple
สองรายนี้ เค้าฟ้องกันไปมา ตั้งแต่ iphone และ galaxy รุ่นแรก เลยล่ะมั่ง
ใช่ว่าจะพึ่งมาฟ้องกันซะที่ไหน
ปล. เรื่อง ธุรกิจเริ่มไปได้ไม่สวย ไม่จริงเลยนะ
กำไร 60% ของสามารถโฟนทั้งหมด เป็นของ apple นะครับ
ที่เหลือ แอนดรอย์ทุกค่ายแบ่งกัน
ดูจากเรื่องที่ฟ้องเหมือนมันจะตกไปนานแล้วนี่ ยังเก็บเอามาฟ้องได้เรื่อยๆ จนแก่ตายเลยมั้ง
เบื่อไอพวกลิขสิทธิ์ พวกนี้ ซึ่งบางอย่างมันเป็นเรื่อง common ไม่วันใดก็ต้องมีคนคิดได้ ไม่ใช่เป็นของคนคิดได้คนแรกตลอดกาล อย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรม
ของพวกนี้มันน่าจะมีอายุ เมื่อถึง 6 ปี ก็หมดอายุได้แล้ว ให้คนอื่นใช้บ้างเหอะ
มันไม่ได้มีแต่ apple คนเดียวที่คิดได้นะ คนอื่นเค้าก็คิดได้เหมือนกัน เพียงแค่ steve jobs หัวไวกว่าก็เลยคิดได้ก่อน
คนที่คิดได้ที่ 2 เลยอด แดร๊กไป
คิดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ คนเรารักษาสิทธิ์ทางความคิดของตัวเองมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าคนอื่นอยากใช้ก็ควรจะมีมารยาทโดยการขอใช้นะครับ ไม่ใช่แอบทำตาม ขนาดเนื้อร้อง ทำนองดนตรียังมีลิขสิทธิ์เลย นับประสาอะไรกับเรื่องแบบนี้ครับ
6 ปีต่อไป ผมไปนอนกางเต้น รอที่หน้ารับจดสิทธิบัตรนี้ พอหมดปุ๊บผมชิงจดก่อน
โดยที่ไม่ได้คิด
โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไร
ใครจะใช้ก็มาขอ เอาตังมาให้ผม
ถ้าผมไม่ใช่คนเดียวที่คิด มันจะวุ่นวายใหมครับ แล้วใครจะได้สิทธิบัตรนี้ไปครอง ของมันเกิดมาแล้ว ไม่ใช่ว่าพอหมดอายุแล้วมันจะหายไปจากความทรงจำคนทั้งโลก รอวันคิดใหม่นะครับ
แล้วนี่ไม่โดนฟ้องอีกรึ s5 ดันสแกนรายนิ้วมือและซื้อ app ที่ปุ่มโฮมเหมือน iPhone 5s อีก
ไม่โดน เพราะ คนละเทคโนโลยีกัน
ของ iphone มันเป็นแบบ เตะได้ 360 องศา
ส่วนของซัมซุง มันเป็น แบบ รูด ขึ้นลง
ไม่ได้อวยซัมซุงอะไรนะ S5 ออกมาก็เห็นๆอยู่แล้วว่ามันบู่
แต่เกมการตลาดของแอปเปิ้ลตอนนี้เหมือนเล่นเกมการเมือง
มากกว่าสู้ด้วยผลงาน เกินเลยมากไป ซึ่งไม่ได้ส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรอะไรเลยหวะ
เคยดูสารคดี การถ่างนิ้วเพื่อซูมมีมาก่อนที่ apple จะเอาไปใช้อีกนะ
บนโทรศัพท์รึเปล่าล่ะ แล้วถ้าใช่ ใครจดไว้ใหม