ถ้าเกิดว่าก่อนหน้านี้ที่ Huawei ถูกระงับ Android License ว่าหนักแล้ว เจอข่าวนี้เข้าไปเรียกว่าล้มตึงกันเป็นแถบ เมื่อบริษัทเจ้าของชุดคำสั่งที่ใช้กันแทบจะทุก CPU ของอุปกรณ์พกพาทั่วโลกอย่าง ARM ได้มีการส่งจดหมายเวียนภายในให้ยุติการทำธุรกิจร่วมกับ Huawei ตามคำสั่งของอเมริกาแล้วโดยมีผลบังคับใช้ทันที ทำให้ Huawei ไม่สามารถพัฒนาชิปเซต Kirin และอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับ ARM ต่อไปในอนาคตได้อีก
นอกจากนี้พนักงายภายใต้บริษัท ARM ยังจะถูกสั่งไว้อีกว่าไม่ให้เจรจาอะไรใดๆ ทั้งสิ้นกับทาง Huawei และแบรนด์ลูกอื่นๆ ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีดำ (Entity List) ครั้งนี้ สาเหตุของการแบนครั้งนี้เป็นเนื่องมาจากที่ ARM เชื่อว่าทางบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าครั้งนี้ไปด้วย เนื่องจากชิ้นส่วนของสินค้าที่ทางบริษัทผลิตถือว่ามีจุดกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา
*Updated* มีการยืนยันข่าวนี้จากทั้ง Huawei และ ARM แล้ว
คำแถลงจากโฆษกของ Huawei (ผ่าน TheVerge)
พวกเราให้ค่าความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่มีต่อพาร์ทเนอร์ต่างๆของเรา แต่รับรู้ดีถึงแรงกดดันที่มีต่อพวกเขา และการตัดสินใจต่างๆต้องถูกชักจูงจากการเมือง เรามั่นใจว่าสถานการณ์อันหดหู่นี้จะได้รับการคลี่คลาย และเรายังคงให้ความสำคัญกับการนำเอาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีระดับโลกมาสู่มือผู้บริโภคทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง – โฆษก Huawei
คำแถลงจาก ARM (ผ่าน Android Authority)
ARM ได้ปฎิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล U.S. และเจรจาพูดคุยอย่างต่อเนื่องกับเอเจนซี่ของหน่วยงานรัฐบาลเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทปฎิบัติตามข้อกำหนด บริษัทได้ให้ความสำคัญกับ HiSilicon (บริษัทลูกค้าผลิตชิปของ Huawei) ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กันมาอย่างยาวนาน และหวังว่าปัญหานี้จะแก้ได้ได้โดยเร็ว
ARM คืออะไร ทำไมถึงทำให้ Huawei ชิปหายได้
ARM คือบริษัทออกแบบชิปเซ็ทที่ก่อตั้งเมื่อปี 1990 ซึ่งเมื่อกันยายน 2016 ที่ผ่านมาบริษัทได้ถูกเทคโอเวอร์โดยบริษัทโทรคมนาคมสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Softbank และมีสำนักงานใหญ่ที่อเมริกา ณ เมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอเนีย รวมถึงมีออฟฟิศในรัฐต่างๆ ทั้งวอชิงตัน แอริโซน่า เท็กซัส และแมสซาชูเซส อีกด้วย ซึ่งตัว ARM เองไม่ได้ผลิตชิปเซ็ทโดยตรง แต่จะให้ไลเซนส์ให้กับผู้อื่นที่ต้องการจะผลิตหรือพัฒนาชิปของตัวเองขึ้นมา ดังนั้นเมื่อเราได้ยินว่าสมาร์ทโฟนของเรานั้นขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Samsung Exynos, Qualcomm Snapdragon,Apple A11 หรือแม้กระทั่ง Kirin ของทาง Huawei เอง ทุกตัวที่กล่าวมาถือว่ายังต้องพึ่งพาใบอนุญาตจาก ARM ก่อนทั้งนั้น หมายความว่าถ้าไม่มี ARM ก็จะไม่มีชิปเซ็ทเกิดขึ้นนั่นเอง โดยบริษัท ARM เห็นเงียบๆแบบนี้ ตัวบริษัทเองมีมูลค่าอยู่สูงถึง 2.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
ใบอนุญาตของ ARM เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ARM ไม่ได้ผลิตชิปเซ็ทโดยตรง แต่ว่าให้ไลเซนส์เทคโนโลยีด้านเซมิคอนดักเตอร์แก่ชาวบ้าน ในบางกรณีก็อาจจะให้เฉพาะสถาปัตยกรรมของ ARM หรือ “ชุดคำสั่ง” ที่บอกตัวประมวลผล (processors) ว่าจะจัดการกับคำสั่งต่างๆอย่างไร และในบางเคสก็จะให้ไลเซนส์เกี่ยวกับตัวประมวลผลของ ARM เองซึ่งจะบอกถึงวิธีการที่ทรานซิสเตอร์ในชิปจะต้องเรียงตัวอย่างไร ทำงานร่วมกับส่วนอื่นๆเช่น หน่วยความจำหรือตัวรับส่งสัญญาณอย่างไร จนสร้างขึ้นมาให้เสร็จกลายเป็น SoC (System-on-Chip) หรือชิปเซตซักตัวนึงที่วางขายนั่นเอง
ไม่แคร์โลก ไม่สนสิทธิบัตร จะใช้ ARM ต่อใครจะทำไม
ในกรณีนี้มีบางคนมองว่าไหนๆก็จะโดนแบน ปิดกั้นกันแบบไม่เป็นธรรมแบบนี้ ก็อย่าไปแคร์อะไรละเมิดสิทธิบัตรเอามาพัฒนาต่อให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยจะได้มั้ย ซึ่งตามที่ผู้เขียนเข้าใจคือจะทำก็ทำได้ถ้าจะขายแค่ในจีนและประเทศที่ไม่ได้สนใจทรัพย์สินทางปัญญา เพราะคงไม่มีใครไปตามจับหรือฟ้องร้อง แต่ตัว Huawei จะไม่สามารถเข้าไปจำหน่ายในประเทศแถบยุโรปหรือประเทศที่พัฒนาแล้วได้ ซึ่งประเทศเหล่านั้นต่างมีกำลังซื้อที่มหาศาลและทาง Huawei ก็ต้องการที่จะเข้าไปตีตลาดให้ได้อยู่ด้วยนั่นเอง
Kirin ที่วางขายอยู่ไม่ได้รับผลกระทบ ยังใช้งานได้เหมือนเดิม
เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ขอเขียนหัวข้อนี้เอาไว้ใหญ่ๆสักนิดนึง ว่าแม้จะมีการแบนเกิดขึ้นแต่ Huawei จะยังสามารถวางจำหน่าย Kirin รุ่นปัจจุบันทั้งหมดได้ตามปกติ รวมถึงชิปเซ็ทตัวที่กำลังจะถูกใส่ไว้ในสมาร์ทโฟน Huawei รุ่นถัดไปอย่าง Kirin 985 ด้วย ซึ่งหาก Huawei สร้าง OS ของตัวเองขึ้นมาก็น่าจะต้องใช้งานภายใต้ Kirin รุ่นเดิมๆไปก่อน ดังนั้นไม่ต้องตื่นตูมไปว่าเครื่องตัวเองจะใช้งานไม่ได้นะ ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงๆคือ ชิปเซ็ทตัวใหม่ที่ทาง Huawei กำลังจะผลิตหรือพัฒนา อาจจะเป็นหมันไปเลย เรียกว่าจะสร้างชิปเซตตัวเองขึ้นใหม่ก็ต้องเริ่มศูนย์ทั้งหมด ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายอันมหาศาล รวมถึงที่ลงทุนไปกับ Kirin ก่อนหน้าก็อาจจะกลายเป็นศูนย์ทั้งหมดได้เลย
คาด ARM จำใจทำตามอเมริกาเพื่อเลี่ยงปัญหา
Huawei ถูกใส่ชื่อเข้าไปในบัญชีดำ ห้ามทำการค้าขายของประเทศสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน และถึงแม้ว่าทางสหรัฐฯ เองจะยอมผ่อนผันให้ Huawei 90 วัน เพื่อให้สามารถดูระบบและอัพเดทมือถือได้ ไม่ให้กระทบผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม จากคำรายงานของ ARM ที่ให้การต่อ BBC เผยว่า ทางพนักงานทุกคนได้รับคำสั่งมาให้หยุดทำงานกับ Huawei และแบรนด์ลูกอื่นๆ ทันที แม้ว่าจะอยู่ในระยะผ่อนผัน 90 วันก็ตาม โดยทาง BBC ได้ให้ข้อมูลว่าทั้งสองบริษัท Huawei – ARM จริงๆแล้วค่อนข้างรักกันอยู่ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาก็เพิ่งมีข่าวว่า Huawei เตรียมจะสร้างศูนย์วิจัยเพิ่มเติมขึ้นอีกแห่งใกล้ๆกับสำนักงานใหญ่ของ ARM ที่แคมบริดจ์อีกด้วย
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าการดำเนินการในครั้งนี้ของ ARM เป็นคำสั่งของกระทรวงพาณิชย์ หรือเป็นการตีความไปเองของบริษัท แต่หากการตีความในครั้งนี้ถูกต้องจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกเลยทีเดียว
ที่มา: BBC via androidauthority
แล้ว ARM ไม่ต้องพึ่งพา rare ore จากจีนเหรอ ถึงไปตัดสัมพันธ์ซะขนาดนั้น
ARM ไม่ได้ผลิตเอง ขายแต่พิมพ์เขียวของชิปเช็ท
ไม่มี Google ก็ยังมี AOSP ที่ลง GApp ทีหลังได้
แต่ไม่มี ARM นี่หายนะจริง จะหนีไป x86 ก็ของอเมริกาอยู่ดี นอกจากนี้คงต้องออกแบบเองแล้วล่ะ
ถ้าอยากทำสงครามกันจริงๆ Huawei ก็ละเมิดสิทธิบัตรของ ARM ไปเลย ใช้ผลิตโดยไม่จ่ายเงินให้ดื้อๆ เลยเนี้ยแหละ
รู้สึกสงสาร huawai โดนรุมกินโต๊ะซะงั้น
ขี้แพ้ชวนตี ไม่ตีธรรมดา รุมซะด้วย
สู้++555
ทำไมรู้สึกว่า จะทำโดยไม่ต้องจ่ายค่าสิทธิบัตร แล้วบอกว่าไม่ใช่arm ก็ได้ คนซื้อสนใจที่ไหนว่าจะใช่armรึปล่าว
คิดเหมือนกันเลย แปลนหาจากไหนก็ได้จะไปฟ้องที่ไหนได้
ก็ทำได้ครับ แต่ก็ขายในจีนและประเทศที่ไม่ได้สนใจสิทธิบัตรไป
แต่เข้ายุโรป ออสเตรเลีย และประเทศพัฒนาอื่นๆที่มีกำลังซื้ออื่นๆไม่ได้เลยนะครับ
ต้องสนครับ
สมมติซื้อชิปที่ละเมิดไป
เพราะพอผลิตภัณฑ์ออกมา
เช่นมือถือ ให้วางขายแค่ในจีนครับ
นอกบ้าน โดนเล่นแน่นอน
จะอ้างว่าซื้อโดยไม่รู้ไม่ได้
ทำไมยิ่งนานวัน ยิ่งรู้สึกว่าข้อกล่าวหามีมูล
ผลิตเองไม่ได้ แต่ซื้อ chip Mediatek จากจีนด้วยกัน ใส่ผลิตมือถือได้นิ
กลับยิ่งดีขึ้นไปอีก ใช้แต่ product จากจีนเท่านั้น
ARM อยู่ดีครับ ไม่พ้น
มีแรงงาน มีทรัพยากร
แต่ภูมิปัญญา ยังค้องพึ่งพิงครับ
พูดกันยังกับว่า มีแค่จีน ที่มีแร่พวกนี้
แร่พวกนี้ US นำเข้าจากจีนกว่า 90% ดังนั้นถ้าจีนไม่ส่งแร่ให้
ชิพและซีพียูทั้งหลายราคาอาจจะแพงขึ้นเท่าตัว
ARM มันของอังกฤษไม่ใช่เหรอครับ?
บริษัทอังกฤษที่ถูก Softbank(ญี่ปุ่น) ซื้อไป และมีสำนักงานใหญ่ในอเมริกา ครับ
ใจหนึ่งก็สงสาร huawei
ใจหนึ่งก็ไม่มีความเชื่อมั่นเลยสักนิดกับ huawei ความซื่อสัตย์สุจริตดูจะไม่มีในบริษัทนี้
ก็หวังว่าเราผู้บริโภคจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก
พอเริ่มสู้ความก้าวหน้าของเค้าไม่ได้ หรือแค่อยากชนะเพื่อเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอก็แค่กล่าวหาโดยยังไม่พิสูจน์ แล้วก็บีบคู่แข่งให้ล้ม เราจะรู้ได้อย่างไรว่าวันดีคืนดีจะไม่หาเรื่องล้มคู่แข่งรายอื่นๆอีก เช่น samsung หรือผู้ผลิต smartphone รายอื่นๆของจีน … อนาคตเราต้องซื้อเครื่องของใครมาใช้ล่ะจึงจะมั่นใจได้ว่ารายนั้นจะไม่โดนบีบให้ตายเหมือนรายนี้
องค์ประกอบทั้งหมดของระบบนี้ยังน่าให้ความไว้วางใจอยู่อีกหรือไม่
ตอบโต้ง่ายๆ ให้หัวเว่ย ละเมิดสิทธิบัตรไปเลย เท่าที่อยากจะละเมิด และทำมือถือขายเฉพาะในประเทศพอ และออกกฏแบน การขายไอโฟน เช่นเดียวกัน และ ยกเลิกการเป็นสายการผลิตสินค้า
ทำแบบนี้ในระยะสั้นไปก่อน รอเปลี่ยนผู้นำ
แล้วถ้า Huawei ไปใช้ Exynos แทนอ่ะครับ ซื้อจากซัมซุงพอได้ไหม เห็นจับมือกันแล้ว
"เมื่อกันยายน 2016 ที่ผ่านมาบริษัทได้ถูกเทคโอเวอร์โดยบริษัทโทรคมนาคมสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Softbank"
หมายความว่า ไม่ได้เป็นบริษัท US Huawei ก็ออกทุนให้ทำ Office ใหม่เลย ที่ประเทศอื่นๆ เช่น สวิส ย้ายออกมาเลย จะจบไหม จะได้ไม่ต้องไปอิงประเทศมหาอำนาจ
ตอนนี้ จีนถูกบีบ ในจุดที่ยังไม่พร้อม แต่ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้ เค้าอาจจะต้องปรับตัวใหม่ อาจจะพัฒนามาตรฐานใหม่ขึ้นมา เพื่อไม่ต้องพึ่งพาเทคโนจากประเทศอื่น ซึ่ง ณ ตอนนี้ ผมว่าจีนก้อมีความสามารถที่จะทำได้แล้ว แล้วประเทศอื่นเหล่านั้น ก้อจะมีข้อต่อรองกับจีนน้อยลงเรื่อยๆ พอไม่มีอะไรใช้ต่อรอง หรือทำไรจีนไม่ได้ ก้อคงมีแต่การใช้กำลังแทน บูมมมมมม…. ผมคิดไกลไปไหม 5555