ในยุคที่มือถือแต่ละค่ายต่างพากันเปิดตัวรัวๆ พอเจอข่าวนี้ไป ไม่รู้จะเป็นยังไงกันบ้าง จากการที่สมาคมธนาคารไทยมีแผนที่ออกมาตรการยกเลิกโปรผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต เหตุก็เพราะปัจจุบันประเทศไทยเรามีหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น แถมมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งทั้งมือถือและท่องเที่ยวถูกยกตัวอย่างมองว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟื่อย และคาดว่ามาตรการนี้จะช่วยลดการสร้างหนี้เกินตัว โดยเฉพาะเด็กจบใหม่วัยทำงาน
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2019 ที่ผ่านมานายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทางสมาคมธนาคารไทยได้ตระหนักถึงการควบคุมการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ล่าสุดได้มีการลงนามระหว่างธนาคารพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับนโยบายการปล่อยสินเชื่อแบบรับผิดชอบไปแล้ว และจะร่วมกันไม่สนับสนุนสร้างหนี้โดยไม่มีความจำเป็น
“โดยเฉพาะโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อความสุขสำราญ เช่น การเที่ยวก่อนจ่ายทีหลัง โดยให้ผ่อน 0% 6 เดือน และการผ่อนโทรศัพท์มือถือ 0% 10 เดือน และ 24 เดือน ซึ่งโปรโมชั่นเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยให้มีการก่อหนี้เพิ่มขึ้น”
ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนของไทยมีสัดส่วนอยู่ที่ 78.7% ต่อผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) แบ่งเป็นกลุ่มหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล 34% หนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 33% หนี้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ 18% หนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 12% และหนี้บัตรเครดิต 3%
ส่วนตัวทีมงานก็แอบสงสัยเหมือนกันคือ ยกเลิกผ่อนมือถือราคาหลักหมื่น จะช่วยลดหนี้ครัวเรือนได้มากขนาดนั้นจนต้องออกมาตรการมาคุมจริงเหรอ ซึ่งตัวเลขหนี้บัตรเครดิตมีแค่ 3% และเชื่อว่าในกรณีที่คนอยากได้มือถือเครื่องนั้นจริงๆ ต่อให้มีดอกเบี้ย คนมันก็ยอมผ่อนได้อยู่ดี เพราะของราคามันไม่แพงมาก เสียดอกไม่ก็เท่าไร
เอาจริงควรไปลดการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลหรือหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีตัวเลขเปอร์เซ็นต์สูงกว่าน่าจะเห็นผลมากกว่าหรือเปล่า ซึ่งมาตราการนี้จะออกมาเมื่อไรคงต้องรอติดตามกันต่อไปครับ
ผมยังอยากให้มีการการผ่อนมือถืออยู่นะครับ สำหรับบางคนมันเป็นเรื่องจำเป็น หรือมีคราวจำเป็นต้องซื้อใหม่เพื่อติดต่อธุระสำคัญ แต่เงินไม่พร้อม อยากให้เครื่องราคาไม่เกิน 10,000 บาท ยังสามารถผ่อนได้สักสามเดือน
ส่วนท่องเที่ยวไม่จำเป็นจริงๆ ยกเลิกไปเลย
ที่อยู่อาศัยคือปัจจัย4ครับ และกว่าธนาคารจะอนุมัติได้ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกว่าไหวมั้ย
มือถือนี่จะว่าไปเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยนะครับ ถามว่าปัจจุบันจำเป็นมั้ยจำเป็นครับ แต่จำเป็นต้องซื้อราคาหลักหมื่นกันทุกคนมั้ย ไม่ครับ ซึ่งมือถือราคา 2-3 พันมันก็ใช้ได้
ประเด็นมันอยู่ที่วงเงินบัตรเครดิตให้เราใช้จ่ายได้เกินรายได้ต่อเดือน รายได้ 2หมื่นรูดได้6หมื่นแล้วยังสมัครได้เป็นสิบใบ มันจ่ายสะดวกรวดเร็วแต่สำหรับบางคนอาจจะขาดความยั้งคิด ลองหาดูตามเวปบอร์ดต่างๆมีการตั้งกลุ่มคนเป็นหนี้บัตรเครดิตดูครับว่ามากขนาดไหน น่าสงสารนะครับเพราะดอกเบี้ยและค่าปรับโหดมาก แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเป็นหนี้บัตรเพิ่มมากขึ้น
ปล.คนใช้บัตรเป็นมีเยอะแยะครับ ใช้บัตรคุ้มเก็บแต้มแลกของรางวัลมีเยอะแยะ พูดถึงเฉพาะบางคนที่ติดหนี้บัตรครับ
คนจะฟุ่มเฟือย ถ้าผ่อนบัตรไม่ได้ ก็คงหาวิธีอื่นได้แหล่ะ แค่จะเข้าถึงเงินกู้ได้ยากขึ้น
ดูๆไปก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ .. ถ้าจะถามว่าแก้ต้นเหตุได้ยังไง ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ถ้าคนอยากได้อยากมี
แก้ปลายเหตุตลอดด ถ้าจะแก้แบบนี้ ไปแก้ จำกัดวงเงินดีกว่าไหม เช่น เงินเดือนเท่าไหร่ ได้วงเงิน 80% ของบัตร แค่นั้นพอ เช่นเงินเดือนสามหมื่น ได้ 28000
แล้วจำกัดการถือบัตรต่อคน ว่าได้กี่ใบ ถ้าเงินเดือนแค่นี้ บางที่เรื่องผ่อนมือถือ มันก็ดีนะ ต่อให้ไม่ผ่อน คนมีวงเงินเหลือ รูดเต็ม มันก็ซื้อเหมือนกันแหละ
สุดท้ายปลายเดือน ก็จ่ายก้อนไม่ไหวอยู่ดี
ส่วนเที่ยวก่อนจ่าย ก็แล้วแต่ สำหรับผม ไม่ควรมีผ่อน
มีกำหนดเรื่องนี้อยู่แล้วครับ ปีที่แล้วธนาคารแห่งประเทศไทยเพิ่งลดวงเงินสูงสุดที่อนุมัติได้ไป ตามรายได้ (ต่ำกว่า 3 หมื่นวงเงินไม่เกิน 1.5 เท่า) กับจำกัดจำนวนบัตร คนที่รายได้ต่ำกว่า 3 หมื่น ทำได้ไม่เกิน 3 ธนาคาร
สมัยผมจบ ป.ตรี แรกๆ (2542) ผมทำงานได้เงินเดือน 15,000.- ผมสมัครบัตรรวดเดียวพร้อมกันได้ 8 สถาบันการเงิน แต่ละใบได้วงเงิน 2 เท่า ของเงินเดือน คือบัตรละ 30,000.-
ปัจจุบัน 2562 จากบัตร 8 ใบ เหลือใช้จริง 3 ใบ (แต่วงเงินขึ้นมาเป็น 6 หลักต่อใบ) ที่เหลือ ปิดและหักทิ้งหมดแล้ว เกินความจำเป็นจริงๆ
ใจร้ายที่สุดๆ
ดูเป็นเคสๆไปดิ นี่ไม่เคยค้างชำระนะเฟ้ยยยย
แบบนี้ ธนาคารยิ่งไม่ชอบเลยครับ ธนาคารชอบที่สุดคือกลุ่มที่ ค้างชำระบ้างเป็นครั้งคราว แต่มีรายได้ต่อเนื่องชัดเจนมาการันตีว่าจ่าย แต่ช้าหน่อยบวกดอกเบี้ย 🙂
แก้ปัญหาแบบไทยจริงๆ ปลายเหตุมาก
ธนาคารชอบ เพราะต่อไปฟันดอกเน้นๆ เต็มๆ ไป
ธนาคารไม่ชอบหรอกครับ ถ้าชอบคงไม่ออกโปร 0% ตั้งแต่แรก ส่วนนึงได้ดอกเบี้ย แต่ส่วนนึงก็เสียลูกค้าบางส่วนไปเหมือนกัน
เรื่องเที่ยวไม่ควรมีผ่อน เพราะไม่จำเป็นเลยจริงๆ การที่จะไปเที่ยว คิดว่าต้องมีเงินเหลือเก็บสำรองไว้
แต่เรื่องโทรศัพท์ หลายคนมีความจำเป็น และไปยกเลิกผ่อน 0% กลายเป็นเพิ่มภาระให้ผู้บริโภค รับภาระดอกเบี้ยที่แพงต่อไป คนมีบัตรแล้ว ยังไงเขาจะซื้อเขาก็ต้องรูดล่ะครับ ครั้นคนจำเป็นมือถือเครื่องเดิมเสีย และจำเป็นต้องใช้ ถ้ารอเก็บเงินครบซื้อราคาเต็ม มันก็ยากสำหรับหลายๆคนอยู่
ทางแก้ที่คิดว่าช่วยได้คือลดจำนวนการถือครองบัตรเครดิต และจำกัดวงเงิน รวมไปถึงการอนุมัติบัตรให้พิจารณาจากข้อมูลภาระหนี้ในระบบฐานข้อมูลของเครดิตบูโร ให้สอดคล้องกันกับรายได้ครับ
จริงๆแล้วคงไม่มีผลกระทบเท่าไหร่หรอกสำหรับคนที่ซือมือถือกับค่ายโอเปอเรเตอร์
เพราะมันจะเป็นโปรที่มาพร้อมกับแพคเกจ
แบบนี้สมาคมธนาคารคงจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้มั้งครับ
ปอลิง ปัจจุบัน ถ้าไม่ใช้โปรซื้อเครื่องพร้อมแพคเกจ ผมก็ไม่ได้ซื้อมือถืออย่างเดียว เพราะยังไงก็ต้องไปซื้อแพคเกจมือถืออยู่ดี ก็ซื้อเครื่องพร้อมโปรไปเลยไม่ดีกว่ารึ
"สินเชื่อส่วนบุคคล 34%" เหวอมาก
คือ ส่วนตัว เจอพวกโทรมาเสนอผมก็ไม่สนใจ และไม่เคยคิดว่ามันจะ success แอบสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมมันโทรเยอะขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ success ก็ต้องลดลงซิ
ได้เจอคำตอบจากตัวเลขนี้เข้าไป ว่ามัน sucess สุดๆ แต่บอกตรงๆว่าอึ้งครับ
แน่จริงออกโปรจ่ายเต็ม ลด 20%up มาสิ
ทุกวันนี้จ่ายสดไม่ได้ส่วนลดอะไรเลย ส่งเสริมแต่ให้คนเป็นหนี้
เห็นด้วยผุดๆ ออกโปรนี้มาคับ ของแถมไม่ต้อง 555
เลอะเทอะครับ pro 0% ส่วนใหญ่คือเจ้าของผลิตภัณฑ์เค้าเป็นคนจ่ายให้ bank แทนลูกค้าครับ ไม่ใช่ออกโดย bank คือมันไม่มี 0% จริงๆหรอกครับ ดอกเบี้ยมีเจ้าภาพทั้งหมด เรื่องนี้มันแทบไม่เกี่ยวกับ bank เลย
นั่นดิ แล้วแบงค์มาใส่เกือกทำไม???
ถ้าไม่ 0% จะกลายเป็นไม่สนับสนุนเศรษฐกิจเปล่าหว่า ๆๆๆ 🙂 🙂
ดีแล้ว ควรจะออกตั้งนานแล้ว npl มันเยอะ ช้าไประวังเหมือนต้มยำกุ้งนะ
การรนรงค์ไม่ให้คนฟุ่มเฟือยเป้นเรื่องที่ดี แต่ความจริงน่าจะกำหนดเงือนไขที่ดูฉลาดไปด้วย
เช่น
1.กำหนดวงเงินสูงสุดให้สัมพันธกับความสามารถในการใช้หนี้ (ทุกวันนี้บาง ธ.กล้าให้วงเงินสูงถึง 4 เท่าของเงินเดือน)
2.ให้ผ่อนมือถือ 0% ได้ แต่ได้แค่เครื่องเดียวจนกว่าจะผ่อนหมด
3.การเที่ยวก่อนผ่อนทีหลัง ให้สิทธิแค่ปีละครั้ง ให้เฉพาะเที่ยวในประเทศ
ไหงรัฐบาลแจกเงินให้คนไปเที่ยวไง ตกลงจะหนับหนุนให้คนไปเที่ยว หรือไม่ให้ไปเที่ยวแน่
สนับสนุนให้เที่ยวครับ ให้เก็บครบแล้วค่อยไป ไม่ใช่ไปก่อนแล้วกลับมาติดหนี้ 555
ด้วยความที่ เป็นคนระงับกิเลสตัวเองได้ และซื้อของก็ต่อเมื่อเก็บเงินออมได้ค่อยซื้อ เลยเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีบัตรเครดิตเลยสักใบ ก็สบายใจดีเหมือน 😄
ยุครวยกระจุก จนกระจาย
คนเก่งฉลาดในไทยมันไปไหนกันหมด จริงๆ มีแหละ แค่เค้าไม่ได้มาทำหน้าที่ เลยมีแต่พวกไม่ฉลาดชอบออกนโยบายอะไรก็ไม่รู้มา แก้ปัญหาปลายเหตุ พวกตัวใหญ่ๆ โง่ๆ แต่แดกภาษี โกงนั่นนี่นู่นแบบเนียนๆ เยอะไปหมด ยิ่งตัวบอส พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง โชว์โง่และถ่อยไปวันๆ
ถ้าจะลดหนี้ครัวเรือนจริงๆ ควรใช้วิธีอื่นครับ วิธีนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรแถมยังทำให้เป็นหนักขึ้นด้วยซ้ำ
การผ่อน 0% มันถูกจัดไปอยู่ปนะเภทหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลหรือเปล่าครับ อาจจะไม่ใช่หนี้บัตรเครดิต ผมไม่แน่ใจนะแค่สงสัย อย่างผมมีบัตรเครดิต Krungsri First Choice ในบัตร 1 ใบจะถูกแยกเป็น 2 วงเงินคือวงเงินสินเชื่อกับวงเงินบัตรเครดิต ถ้ารูดจ่ายของราคาเต็มตามปกติมันจะไปตัดวงเงินบัตรเครดิต แต่ถ้าผมเอาบัตรไปรูดเพื่อผ่อนของมันจะไปตัดวงเงินสินเชื่อ
มีบัตรอยู่ในมือ ถ้าคนมันอยากได้จริงๆ ไม่0เปอร์ เขาก็ผ่อน แต่ลูกค้าที่ธนาคารจะเสียจริงๆคือกลุ่มคนที่มีกำลังจ่าย เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ชอบเสียดอก จริงๆธนาคารคงมีเหตุผลอย่างอื่นมากกว่า อย่าอ้างหนี้ครัวเรือนเลย
เห็นด้วยครับ
น่าจะเป็นที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจแต่ไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจสั่งหรือเปล่า ดูแก้ปัญหาไม่ตรงจุดเป็นประจำ
ไม่ให้ผ่อนก็รูดสด ยอมเสียดอกเบี้ย ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ถ้าจะแก้ต้องออกกฎเลยว่าห้ามใช้บัตรเครดิตเกี่ยวกับมือถือ แต่ร้านก็ซิกแซ็กได้อยู่ดี. คิดหาทางใหม่ดีกว่า
เกาไม่ตรงจุด นี่แหละประเทศไทย RIP