ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมออกกฎเข้มห้ามแอปธนาคารล่มไม่เกิน 8 ชั่วโมง ในระยะเวลา 1 ปี คิดค่าปรับสูงสุด 5 แสนบาท แล้วถ้าหากยังไม่แก้ไข จะคิดค่าปรับเพิ่ม 5,000 บาทต่อวัน และเทียบสถิติอัตราการล่มของธนาคารทั้ง 3 ไตรมาสของปี 2566

จริง ๆ เหตุการณ์แอปธนาคารล่ม เป็นเหตุการณ์ที่เจอกันบ่อยครั้งอยู่เหมือนกัน บางทีเกิดขึ้นในช่วงสิ้นเดือน อย่างเมื่อวานที่ผ่านมาแอป SCB ก็ล่มอยู่ชั่วขณะ ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง ธปท.เองก็ได้เตรียมออกกฎเพื่อแก้ไข ดังนี้

นายภิญโญ ตรีเพชราภรณ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยว่า ในเดือน พ.ย.นี้ได้เตรียมออกบทลงโทษ ระบบโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารจะขัดข้องหรือล่มได้ไม่เกิน 8 ชั่วโมงภายใน 1 ปี ซึ่งจะมีบทลงโทษตามระดับความรุนแรง โดยเริ่มจากตักเตือน สั่งให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข จนโทษสูงสุด คือโทษปรับสูงสุด 500,000 บาทต่อครั้ง และหากไม่ดำเนินการแก้ไขจะปรับเพิ่ม 5,000 บาทต่อวัน

อีกทั้งยังกล่าวว่า เมื่อตรวจดูจากสถิติระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของธนาคารที่ขัดข้องนั้น พบว่าระบบโมบายแบงก์แต่ละแห่งมีอัตราการล่มน้อยลงเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าประกาศการแก้ไขนี้มีส่วนช่วยให้ธนาคารเร่งพัฒนาระบบ

สถิติเทคโนโลยีสารสนเทศของธนาคารพาณิชย์ขัดข้อง ปี 2566

จากสถิติเทคโนโลยีสารสนเทศของธนาคารพาณิชย์ขัดข้อง ปี 2566 โดยไล่เรียงมาตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 พบ

ธนาคารMobile BankingATM / CDMสาขา
ธ.กรุงเทพ1 ครั้ง < 1 ชั่วโมง
ธ.กรุงไทย1 ครั้ง 2 ชั่วโมง1 ครั้ง 4 ชั่วโมง
ธ.ไทยเครดิต1 ครั้ง < 1 ชั่วโมง1 ครั้ง < 1 ชั่วโมง
ธ.ไทยพาณิชย์2 ครั้ง 1 ชั่วโมง

ส่วนสถิติในไตรมาสที่ 2/2566 พบว่า

ธนาคารMobile BankingATM / CDMสาขา
ธ.กรุงเทพ2 ครั้ง 5 ชั่วโมง1 ครั้ง 3 ชั่วโมง
ธ.กรุงไทย1 ครั้ง 1 ชั่วโมง
ธ.กรุงศรีอยุธยา1 ครั้ง 2 ชั่วโมง
ธ.กสิกรไทย1 ครั้ง 2 ชั่วโมง
ธ.ทหารไทยธนชาติ1 ครั้ง < 1 ชั่วโมง1 ครั้ง < 1 ชั่วโมง

ส่วนสถิติในไตรมาสที่ 3/2566 พบว่า

ธนาคารMobile BankingATM / CDMสาขา
ธ.กรุงเทพ1 ครั้ง < 1 ชั่วโมง
ธ.เกียรตินาคิน1 ครั้ง 2 ชั่วโมง
ธ.ทหารไทยธนชาติ1 ครั้ง 2 ชั่วโมง
ธ.ไทยพาณิชย์2 ครั้ง 1 ชั่วโมง

ส่วนในเดือนล่าสุดจะยังไม่มีผลออกมาให้ทราบ ซึ่งจะไปนับรวมอีกทีเป็นไตรมาส 4 และเผยต้นปี 2024 ซึ่งต้องรอดูอีกทีว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการขัดข้องในระบบการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศของธนาคารพาณิชย์ได้มากน้อยแค่ไหน

ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย