นับเป็นการลงทุนระดับ Pre-Series A ของสตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่มีมูลค่าสูงสุดในตอนนี้เลยทีเดียว สำหรับการลงทุนของ Beacon VCที่เห็นถึงศักยภาพของ Jitta ทั้งความสามารถของบริการที่น่าสนใจ และทีมผู้ก่อตั้งที่มีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบัน Jitta มีข้อมูลสำหรับการลงทุนในหุ้นจาก 16 ประเทศ และ 26 ตลาดหุ้น คิดเป็นข้อมูล 95% ของทั้งโลก มีผู้เข้าใช้บริการมากมายทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ เตรียมขยายสยายปีกไปไกลกว่าแค่ประเทศไทย และถูกจับตามองว่าเป็นสตาร์ทอัพไทยที่มีความใกล้เคียงยูนิคอร์นที่สุดตัวนึง
ทำความรู้จัก Jitta บริษัทด้าน WealthTech ดาวรุ่งพุ่งแรง
Jitta เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติไทยแท้ๆ เปิดตัวให้ใช้งานตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 สร้างเทคโนโลยีด้านการลงทุนในหุ้นให้นักลงทุนทั่วโลกเข้าถึงข้อมูล เช่น ผลประกอบการ สถิติย้อนหลัง และอื่นๆ ที่จะช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนสร้างผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด และที่สำคัญที่สุดคือข้อมูลย่อยมาให้สามารถใช้งานได้ง่าย คนที่มีความรู้ด้านการลงทุนน้อยก็สามารถใช้งานได้เพียงแค่ดู Jitta Ranking ก็บอกได้เลยว่าน่าลงทุนแค่ไหน โดยปัจจุบันมี 2 บริการหลักคือ
- Jitta.com เทคโนโลยีวิเคราะห์พื้นฐานหุ้น (fundamental analysis) เปิดให้บริการฟรี ใครๆก็สามารถเข้าถึงข้อมูลชุดนี้ได้แบบไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย (ก่อนหน้านี้ต้องมี invites หรือสมัครสมาชิก) ตอนนี้มีสมาชิกเข้าใช้งานกว่า 200,000 คนจาก 128 ประเทศทั่วโลก
- Jitta Wealth เทคโนโลยีบริหารกองทุนหุ้นอัตโนมัติ (automated stock investment) ลงทุนโดยใช้ข้อมูลจาก Jitta Ranking การจัดอันดับหุ้นที่มีคุณภาพ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนดีกว่า ด้วยความเสี่ยงและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า ปัจจุบันมีบลจ.นำข้อมูลส่วนนี้ไปใช้ต่อยอดแล้วรวมเป็นเงินลงทุนกว่า 2,200 ล้านบาท
“ลงทุนในบริษัทที่ยอดเยี่ยม ในราคาที่เหมาะสม”
Quote อธิบายหลักการของ Jitta ที่ตอบโจทย์สุดคลาสิกของนักลงทุนได้อย่างดี
คำถามที่เกิดขึ้นเสมอของคนอยากเล่นหุ้นก็คือ จะเอาเงินไปลงตัวไหน และควรจะเข้าไปตอนกี่บาท ซึ่ง Jitta มีคำตอบนี้เอาไว้ให้แล้ว ใน Jitta โดยหุ้นตัวนี้บริหารงานได้ดีแค่ไหนก็ดู Jitta Score และราคาที่เหมาะสมก็ดูที่ Jitta Line ได้เลย
จุดแข็งที่แตกต่างของ Jitta
ในงานแถลงข่าวถึงการเข้าลงทุนของ Beacon VC ใน Jitta ทางผู้บริหารได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่าเหตุที่เลือก Jitta ก็คือปัจจุบันเป็นบริการเดียวที่ Fully Automated ไม่จำเป็นต้องใช้คนในการสร้างผลลัพธ์ในการลงทุนในตลาดหุ้น และที่สำคัญกว่าคือทีมก่อตั้งเป็นทีมที่เก่ง มีประสบการณ์สูง ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน ส่วนทางผู้บริหาร Jitta เองก็ได้ให้ข้อมูลว่า Algorithm ของทางบริษัทถูกพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และยากจะมีใครทำให้ดีเท่า สามารถเปรียบเทียบเชิงประจักษ์ได้จากผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่า และจุดสำคัญคือตัวบริษัทลงทุนกับการสอนและทำให้นักลงทุนเข้าใจถึงหลักการและความคิดของ Jitta สร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และบริการ ไม่ใช่เพียงเอาเงินมาลงแบบฉาบฉวยโดยไม่เข้าใจ และเมื่อนักลงทุนเชื่อมั่นก็จะทำให้เกิด Competitive Advantage ที่บริการอื่นยากจะตามทัน
Jitta Wealth บริการบริหารความมั่งคั่ง ที่กำลังจะเปิดให้ใช้บริการกันเร็วๆนี้ (ปัจจุบันอยู่ระหว่างจดทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต.) ใครที่มีเงินแต่ไม่มีเวลาก็สามารถเอาเงินไปฝากให้ทาง Jitta ลงทุนให้เลยก็ได้ มีจุดแข็งที่คิดค่าบริหารจัดการรายปีถูกกว่าเพียง 0.5% ของเงินลงทุน และหากในปีนั้นๆ ถ้าลงทุนแล้วมีกำไรก็จะคิดส่วนแบ่งกำไรเพียง 10% โดยทาง Jitta มั่นใจว่าจะสร้างความพอใจและมั่นใจจากนักลงทุนจนเกิดการบอกต่อและมาใช้บริการ Jitta Wealth กันมากขึ้น ซึ่งยิ่งมีคนใช้มากขึ้นเท่าไหร่ Jitta จะยิ่งมีความแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เพราะระบบเกือบทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ มีลูกค้ามากขึ้นก็ไม่ได้จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มตาม สามารถค่าบริหารกหรือฃส่วนแบ่งจากนักลงทุนให้น้อยลงกว่าเดิมได้ในอนาคต จนคนที่อยากจะมาแข่งก็จะตามได้ยากเพราะมีต้นทุนที่สูงกว่านั่นเอง
สำหรับการลงทุนใน Jitta Wealth ช่วงเริ่มต้น จะต้องมีเงินเข้าไปลงในกองทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท เพราะเป็นลักษณะของ Private Fund ที่ปกติจะต้องมีเงินเข้าไปลงไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ปัจจุบันมีคนลงทะเบียนรอใช้ Jitta Wealth แล้วราว 1 หมื่นราย แต่ถ้าเราเป็นนักลงทุนรายย่อย ไม่สามารถใช้งาน Jitta Wealth ได้ ก็สามารถลงทุนตาม Jitta Ranking Top 30 ไปก่อนก็ได้ คืออาจจะไม่ได้ดีเท่า Jitta Wealth แต่ก็น่าจะสูงกว่าตลาดอยู่ดี ตอบโจทย์คนที่อยาก “ลงทุนอย่างสบายใจ กำไรอย่างยั่งยืน“
ใช้ Jitta Wealth จะดีกว่าการลงทุนเอง
เพราะ AI จะตัดอารมณ์ออกไปและว่ากันด้วยข้อมูลเท่านั้น
หยิบเอาข่าวนี้มาฝากกันสักหน่อยแม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมือถือเท่าไหร่ แต่ก็เป็นสตาร์ทอัพที่น่าสนใจของไทยตัวนึง และอยากจะแนะนำบริการดีๆแบบนี้ให้ได้ลองกันครับ
ขอบคุณมากครับ เคยเห็นในIT Blogger สมัยเปิดตัวใหม่ๆ แต่ไม่ได้ตามต่อเพิ่งรู้ว่าไปไกลขนาดนี้แล้ว