สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่าน หลังจากคราวที่แล้วผมได้เขียน Preview แนะนำ BenQ F5 ให้เพื่อนสมาชิกได้รู้จักมือถือ Android รุ่นแรกของ BenQ ในตลาดประเทศไทยหลังจากหายหน้าไปหลายปี มาในวันนี้ได้มีโอกาสมาเขียนรีวิวแบบละเอียดอีกครั้งสำหรับเจ้ามือถือรุ่นนี้ BenQ F5 นั้นมีวางจำหน่ายแล้วในราคา 7,990 บาท มีสีขาวและสีดำ จุดเด่นคือรองรับ 3G ได้ทุกค่าย รวมไปถึง 4G LTE ของไทยก็รองรับเช่นกัน ซึ่งราคาต่อสเปกของเจ้ารุ่นนี้นั้น บอกได้คำเดียวว่า “คุ้มจริงๆ” จนทาง @Gimme Mod ของเราเองทนไม่ไหว จับมาเปรียบเทียบ Zenfone 5 LTE กันไปเลย มาลองดูรีวิว BenQ F5 กันดีกว่าครับ
BenQ F5 เป็นมือถือที่จะมาสู้ศึกมือถือตลาดกลาง (Mid-range) ราคาต่ำกว่าหมื่นบาท โดยเลือกใช้ CPU ยอดนิยมอย่าง Qualcomm Snapdragon 400 Quad-core 1.2 GHz โดย BenQ นั้นบอกว่าเป็นพันธมิตรกับ Qualcomm มาช้านาน ดังนั้นมือถือเกือบทุกรุ่นจะใช้ CPU ของ Qualcomm ทั้งหมด ทำให้ประสิทธิภาพของมือถืออยู่ในขั้นดีเลยทีเดียว มาพร้อมหน้าจอ IPS HD ขนาด 5 นิ้ว สีสันสดใส ไม่จัดจ้าน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นหน้าจอที่ “มีของ” อยู่เหมือนกัน จะเป็นเรื่องอะไรเดี๋ยวมาคุยกันอีกที ในเรื่องเครือข่ายที่รองรับก็หายห่วง ใช้ 3G ได้ทุกค่ายยาวไปถึง 4G LTE ในประเทศไทยด้วย เรามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมของมือถือรุ่นนี้กันดีกว่า
แนะนำ BenQ อีกสักครั้ง
หากเราพูดถึงชื่อ BenQ หลายท่านคงคุ้นหูกันดีว่าเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Notebook, จอมอนิเตอร์, โปรเจ็คเตอร์ และกล้องดิจิตอล ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทแม่ของ BenQ อย่าง Qisda ก็เป็น OEM ที่ผลิตสมาร์ทโฟนให้กับบริษัทมือถือหลายๆเจ้า ดังนั้น BenQ จึงมั่นใจว่าสามารถทำสมาร์ทโฟนแบรนด์ของตัวเองด้วย Know how ที่อยู่ในบริษัทได้ จึงตัดสินใจกระโดดเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนตั้งแต่ปี 2010 โดยแบ่งมือถือของตัวเองออกเป็น 4 Series คือ
- Q – Innovation: จะเป็นซีรีย์ Top สุดสำหรับคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนอยู่แล้วและแสวงหาความแรงพร้อมเทคโนโลยีระดับสูงเป็นหลัก
- F – Stylish: เป็นซีรีย์สำหรับคนที่สนใจดีไซน์และราคาไม่แพงมาก
- T – Simplicity: เป็นซีรีย์สำหรับตลาดล่างไม่เน้นสเปก แต่เน้นที่ราคามากกว่า
- B – Basic: เป็นซีรีย์สำหรับตลาด Entry-level คือเน้นราคาถูกเป็นหลัก
จากในรูปเราจะเห็นว่ามือถือใน 3 ซีรีย์บนไม่ว่าจะเป็น Q, F และ T จะใช้ CPU เป็น Qualcomm Snapdragon ทั้งหมด และรองรับ 4G LTE ทั้ง 3 ซีรีย์เลย เพราะการเป็นพันธมิตรของระหว่าง BenQ และ Qualcomm ที่มีมานาน ส่วนซีรีย์ B นั้นเป็นตลาดราคาถูกของ Featurephone ทาง BenQ จึงเลือกใช้ CPU ของ Mediatek เป็นหลัก แต่ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็น CPU ของ Qualcomm ในซีรีย์นี้ด้วย เพราะ Qualcomm เองก็เพิ่งจับตลาดล่างกับ Snapdragon 210 ที่เปิดตัวไปไม่นานนี้
นอกจากโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตที่ BenQ กำลังเริ่มเข้าสู่ตลาด พวกอุปกรณ์ Accessories ต่างๆของมือถือก็เป็นสิ่งที่ BenQ สนใจและกำลังจะผลิตตามออกมาในไม่ช้า ทั้ง ฟิล์มกันรอย, เคสมือถือ, Power Bank, อุปกรณ์ Wearable และเครื่องพิมพ์ภาพถ่ายแบบพกพา (Portable Photo Printer) เรียกว่า ไม่ใช่ผู้เล่นรายเล็กๆในตลาดเลยครับสำหรับ BenQ ต้องรอดูกันต่อไปว่า จะพิสูจน์ตัวเองได้ขนาดไหน
อะไรอยู่ในกล่อง BenQ F5
สำหรับอุปกรณ์ที่ BenQ จัดมาให้ในกล่องของ F5 นั้นต้องบอกว่ามีครบครันทุกอย่าง ทั้งอุปกรณ์มาตรฐานและอุปกรณ์เสริม เรียกได้ว่าไม่ต้องไปซื้อมาเพิ่มเติมเลย ได้แก่
- BenQ F5
- สาย USB
- Adaptor สำหรับชาร์จ
- หูฟัง smalltalk
- ฟิล์มกันรอยตรงรุ่น
- เคสตรงรุ่น
- Power Bank
- ถุงผ้า
แวะมาดูสเปกของ BenQ F5
BenQ F5 นั้นเป็นมือถือในระดับ Mid-range หรือตลาดกลาง ดังนั้นสเปกคงไม่ได้หวือหวาแบบมือถือเรือธง แต่ถ้าหากเทียบกับมือถือที่เป็น Mid-range ด้วยกันแล้วต้องบอกว่า สเปกอยู่ในระดับท็อปไม่น้อยหน้าคู่แข่งเลยทีเดียว ลองมาดูรายละเอียดกัน
- ชื่อและรหัสเครื่อง : BenQ F5 (F5)
- สัดส่วน: 142.95 x 72.8 x 8.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 135 กรัม
- หน้าจอ: IPS LCD ขนาด 5.0 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1280 พิกเซล คิดเป็นความหนาแน่นพิกเซลที่ 294 ppi
- เครือข่ายที่รองรับ:
- LTE : 1800 / 2100 / 2600 (LTE Cat.4 ความเร็ว 150/50 Mbps)
- 3G : UMTS 850/900/1900/2100 (HSPA+ ความเร็ว 42.2/5.76 Mbps)
- 2G : GSM 850/900/1800/1900
- SIM : รองรับ SIM เดียวแบบ Micro SIM
- CPU : Qualcomm MSM8926 Snapdragon 400 Quad-core ความเร็ว 1.2 GHz
- GPU : Adreno 305
- RAM : 2 GB LPDDR2
- หน่วยความจำภายใน : 16 GB eMMC เพิ่ม MicroSD ได้ถึง 64GB
- กล้องหน้า : 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล เลนส์ f2.2 ใช้เซ็นเซอร์ Sony Exmor มาพร้อม LED flash และ Multi-autofocus (MAF)
- แบตเตอรี่ : 2,520 มิลลิแอมป์ (ถอดไม่ได้)
- OS : Android 4.4.2 KitKat พร้อม Q Home UI
- NFC : ไม่มี
- การเชื่อมต่ออื่นๆ :
- Wi-Fi 802.11 b/g/n
- Bluetooth 4.0 EDR HS
- A-GPS, GLONASS
- USB 2.0 HS
- หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
รอบตัวเครื่อง BenQ F5
เราลองมาดูรอบตัวเครื่องว่ามีอะไรบ้าง เริ่มกันที่ด้านบนของตัวเครื่องมีปุ่ม Power ถัดไปเป็นไมค์สำหรับตัดเสียงรบกวนระหว่างการสนทนา และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะมีพอร์ต MicroUSB และไมค์สนทนา
ด้านขวาของตัวเครื่องมีเพียงปุ่มเพิ่มลดเสียงเพียงอย่างเดียว ส่วนที่เห็นเป็นร่องเล็กๆด้านขวานั้นคือ ช่องเอาไว้งัดเปิดฝาหลังครับ
ด้านหน้าของตัวเครื่องก็มีหน้าจอ IPS HD ขนาด 5 นิ้ว ด้านบนจะมีลำโพงสำหรับสนทนา, Proximity sensor, กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล และ Notification LED ไฟแจ้งเตือนสำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ที่หลายคนอยากให้มี ส่วนด้านล่างเป็นปุ่ม Capacitive 3 ปุ่มมาตรฐานคือ Back, Home และ Recent ครับ
ด้านหลังของตัวเครื่องมีกล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล โดยมี LED flash วางอยู่ด้านล่างของกล้องอีกที นอกนั้นก็เป็นลำโพงอยู่ด้านล่าง ซึ่งต้องบอกว่ามีความดังและชัดพอควร ไม่ใช่ลำโพงกากๆ เสียแต่มันไปอยู่ด้านหลังนี่แหละ
แกะฝาหลังออกมาจะเห็นช่องเสียบ MicroSD card อยู่ทางด้านซ้าย ทางด้านขวาก็จะเป็นช่องเสียบ MicroSIM ส่วนแบตเตอรี่นั้นถูกล็อคไว้กับตัวเครื่องไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้นะครับ
ระบบปรับแสงสีฟ้า Blue Light Control
BenQ F5 นั้นมาพร้อมกับระบบปรับแสงสีฟ้าของหน้าจอหรือ Blue Light Control ซึ่งจากการวิจัยแสงสีฟ้าที่ออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือนั้นจะทำให้กล้ามเนื้อตาเกร็งและล้าได้เมื่อมองหน้าจอนานๆ อาจจะเป็นสาเหตุของอาการนอนไม่หลับได้ แถมในระยะยาวอาจทำให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ในอนาคต โดยถ้าเพื่อนๆพอนึกได้จะเห็นโฆษณาของฟิล์มกันรอยยี่ห้อหนึ่งที่บอกว่า “ตัดแสงสีฟ้า” ได้ มันก็คือเรื่องเดียวกันนั่นเอง แต่ BenQ F5 สามารถปรับระดับแสงสีฟ้าได้เองโดยไม่ต้องติดฟิล์มช่วย ซึ่งสามารถปรับได้ 4 ระดับด้วยกันคือ
- Off: ไม่ลดแสงสีฟ้าเลย ใช้หน้าจอตามปกติ
- Multimedia: ลดแสงสีฟ้าลง -30% เหมาะกับการดูภาพและวิดีโอ
- Web Surfing: ลดแสงสีฟ้าลง -50% เหมาะกับการเล่นอินเตอร์เน็ต ดูเว็บต่างๆ
- Reading: ลดแสงสีฟ้าลง -70% เหมาะกับการอ่านพวก eBook
จากการทดสอบเวลาปรับลดแสงสีฟ้าลง จะเห็นได้ชัดเจนว่า หน้าจอจะเหลืองขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับของแสงสีฟ้าที่ถูกลดไป โดย Reading จะทำให้หน้าจอเหลืองที่สุด ลองดูตัวอย่างจาก Video ด้านล่างได้ แต่การปรับลดระดับครั้งแรกอาจจะเห็นว่าเหลือง แต่พอใช้งานไปเรื่อยๆ สายตาเราจะชินไปเองครับ ก็ลองชั่งน้ำหนักดูว่าชอบเหลืองมาเหลืองน้อยแค่ไหน
ว่ากันด้วยเรื่อง Software …
BenQ F5 นั้นมาพร้อมกับ Android 4.4.2 KitKat และ Q Home ซึ่งเป็น Launcher ที่ทาง BenQ ปรับแต่งขึ้นมาเอง โดยตัว Launcher จะดูคล้ายๆ กับ Google Now Launcher เหมือนกัน แตกต่างเพียงแต่ว่าไม่มี App Drawer ให้เราใช้ โดยเวลาติดตั้ง App ใหม่จะเข้าไปอยู่ใน Folder ที่ชื่อว่า “New Comer” (หรือ “ผู้มาใหม่” ในภาษาไทย) โดยอัตโนมัติ และเวลาที่เราลบออกจากหน้าจอจะเป็นการลบ App ออกไปจากเครื่องหรือ Uninstall เลย
นอกจากนั้น BenQ ก็มี App พิเศษมีให้อีก 3 App คือ QSora, Qmemo และ QMoney มาดูรายละเอียดของแต่ละตัวกันดีกว่า
QSora
App ที่ให้เราสามารถจัดการข้อมูลในโทรศัพท์ผ่านทาง Web browser ในคอมพิวเตอร์ได้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องอยู่ในวง Wifi เดียวกัน ซึ่ง App จะทำงานคล้ายๆกับ Airdroid ที่ให้เรากด Start เพื่อเปิดการเชื่อมต่อ จากนั้นเราจะเห็นค่า Server address ที่จะเอาไปใส่บน Web browser ในคอมพิวเตอร์
พอเรานำเอา Server address นั้นไปเปิดในคอมพิวเตอร์ ก็ได้เห็นหน้าแรกของ QSora ดังรูป ซึ่งในหน้านี้จะแสดงข้อมูลเบื้องต้นเหมือนที่อยู่ในหน้าจอมือถือเลย ได้แก่ ชื่อเครื่อง, เวอร์ชัน OS, ระดับแบต, ขีดสัญญาณมือถือ, การใช้พื้นที่ใน SD card และค่า Data ที่ใช้ไปแล้ว ภาพพื้นหลังที่เห็นก็จะเอาจาก Wallpaper ในมือถือมาเช่นกัน ในแถบด้านล่างจะมีเครื่องมือสำหรับจัดการข้อมูลในมือถือเพิ่มเติม ได้แก่ Device Info, File Manager และ Contacts
Device Info จะแสดงข้อมูลของโทรศัพท์และข้อมูลการใช้งานหน่วยความจำภายในเครื่องและ MicroSD card
File Manager ใช้จัดการไฟล์ต่างๆภายในโทรศัพท์ ทั้งสร้าง Folder, ลบไฟล์,Upload และ Download ข้อเสียอย่างเดียวและเป็นข้อใหญ่ซะด้วยคือ “ทำได้ทีละไฟล์” ครับ
Contacts ใช้จัดการ contact ต่างๆที่อยู่ในโทรศัพท์ เพื่ม/ลบ/โทรออก สามารถทำได้ผ่านส่วนนี้เลย
Qmemo
App นี้จะใช้จดโน็ตประเภทต่างๆ ทั้งการจดโดยใช้คีย์บอร์ด, ใช้นิ้วเขียนเอา หรือการบันทึกเสียงก็ทำได้เช่นกัน
QMoney
App นี้ผมชอบเป็นการส่วนตัว เพราะสามารถใช้ทำบัญชีรายจ่ายของเราได้ค่อนข้างครอบคลุมทั้งบัญชีเงินฝาก, เงินสดในมือ และเครดิตการ์ด นอกจากใช้จดรายจ่ายต่างๆแล้ว ยังสามารถทำรายงานการใช้จ่ายของเราเป็นรายเดือนได้อีกด้วย เราสามารถดูได้ว่าใช้จ่ายเงินกับเรื่องอะไรมากที่สุด แล้วนำมาปรับนิสัยการใช้เงินของเราได้ครับ
นอกจาก App พิเศษทั้ง 3 อย่างที่กล่าวมา BenQ F5 ยังพร้อมกับ App พื้นฐานของ Google ทุกอย่างทั้ง Chrome, Gmail, Google+, Maps, Play Books, Play Games, Drive และ Youtube นอกจากนั้นก็ยังมี avast! Mobile Security เอาไว้ป้องกันไวรัสและ Kingsoft WPS Office ใช้เปิดและแก้ไขเอกสาร office ประเภทต่างๆ ได้เลยครับ
กล้องหลังและกล้องหน้า…
กล้องหลัง ของ BenQ F5 ถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงสุด 13 ล้านพิกเซลสัดส่วนแบบ 4:3 และสามารถถ่ายแบบมุมกว้าง (wide) ได้ที่ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลสัดส่วนเป็น 16:9 ซึ่งเป็นค่า Default ด้วยครับ ดังนั้นถ้าอยากถ่ายความละเอียด 13 ล้านต้องไปเลือกเอาเองใน Settings ของกล้องอีกที เซ็นเซฮร์ของกล้องนั้นเป็น Sony Exmor BSI ดังนั้นเวลาถ่ายในที่มืดจะได้ภาพที่สว่างเห็นรายละเอียดมากขึ้น การปรับแต่งและโหมดการถ่ายรูปแบบต่างๆ นั้นมีมากมายซะจน คนใช้อาจจะงงว่าปรับอะไรตรงไหน ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับ Menu ของกล้องมากพอสมควร ดูโหมดกล้องและค่า settings ต่างๆได้จากรูปด้านล่างเลยครับ
ส่วนของ Effects มีให้ปรับหลายรูปแบบทั้ง Mono, Sepia, Negative, Posterize, Sketch และ Neon ซึ่งใช้ภาพของ “แมว” เป็นตัวอย่างซะด้วย สำหรับ Camera Settings ก็ปรับได้หลายอย่างทั้ง ความละเอียด, ซีนโหมด, Face Detection และ Advanced ที่ประกอบไปด้วย White balance, ISO และ Exposure สำหรับ Capture Mode ก็มีให้เล่นทั้ง ตรวจจับรอยยิ้ม (Smile dectection), ถ่ายรัว (Burst), พาโนรามา และ HDR เป็นต้น
สำหรับคุณภาพของภาพถ่ายที่ออกมานั้น ถ้าเป็นในสภาพแสงพอเพียง เช่น ตอนกลางวัน เราจะได้ภาพสวยๆง่ายมาก ถือว่ากล้องทำงานได้ดีพอสมควร ส่วนตอนกลางคืนนั้นชูประเด็นเรื่องเซ็นเซอร์รับแสงได้มากกว่าเซ็นเซอร์ทั่วไปถึง 4 เท่า ภาพที่ได้จะดูสว่างกว่าปกติแต่ก็แลกกลับมาด้วย Noise ที่เยอะเหมือนกัน ลองมาดูภาพตัวอย่างกันครับ ส่วนภาพฉบับเต็ม กดเข้าไปดูที่ Google+
ภาพกลางวัน
ภาพในอาคาร
ภาพกลางคืน
สำหรับการถ่ายวิดีโอสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1920 x 1080P และ framerate ที่ 30 fps ภาพวิดีโอที่ได้ถือว่าชัดเจนดีไม่กระตุก ตัวอย่างวิดีโออยู่ด้านล่างครับ การถ่ายวิดีโอสามารถ Pause กลางทางแล้วถ่ายต่อได้ไม่จำเป็นต้องกด stop เพื่อบันทึกวิดีโอแล้วเริ่มถ่ายเป็น clip ใหม่
กล้องหน้าเป็นแบบ Fixed focus ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ซึ่งถือว่าน้อยไปซะแล้วสำหรับยุค Selfie แบบในปัจจุบัน แถมไม่มี Beauty mode ให้อีกต่างหาก อาจจะขัดใจขา Selfie เล็กน้อย แต่เราสามารถโหลด App ที่ถ่าย Selfie โดยเฉพาะมาใช้งานแทนได้เหมือนกัน คุณภาพของภาพถ่ายก็อยู่ในเกณฑ์ธรรมดาค่อนไปทางต่ำ ดีหน่อยที่ยังมี Sound mode ให้สั่งถ่ายด้วยคำพูดสั้นๆได้ เช่น Cheeze เป็นต้น
ประสิทธิภาพและความอึด …
ผลจากการวัดประสิทธิภาพของ BenQ F5 ด้วยโปรแกรม benchmark ยอดนิยมอย่าง Antutu, Vellamo และ 3DMark นั้นต้องบอกว่าได้คะแนนไม่สูงมาก แต่ก็ไม่ขี้เหร่สำหรับมือถือระดับ Mid-range แต่อย่างไรเสียมันก็เป็นแค่ตัวเลข เพราะจากการใช้งานจริงพบว่า การใช้งานโดยทั่วไปลื่นไหลมาก ไม่มีสะดุดให้เห็นสักเท่าไหร่ ทั้งการเปิด App, สลับ App, เล่นเกมส์ 3D, ดูหนังและฟังเพลง เรียกว่าเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้าง “เนียน” และสมบูรณ์สำหรับมือถือราคาเท่านี้ โดยส่วนตัวแนะนำให้ลง Google Now Launcher ใช้แทน Q Home ไปเลย มือถือรุ่นนี้ก็จะให้ความรู้สึกไม่ต่างจาก Nexus แล้ว จัดว่าเยี่ยมเลยทีเดียวครับ
ในส่วนของแบตเตอรี่ 2520 mAh นั้นความอึดถือว่า อึดใช้ได้ สามารถใช้งานข้ามวันได้สบายๆ โดยผมถอดสายชาร์จตอนเช้า ใช้งานเรื่อยๆตามชีวิตประจำวันคือ Social, ถ่ายรูป และ ฟังเพลง จนกลับถึงบ้านเวลาผ่านไป 14 ชั่วโมงนิดๆ พบว่ามีแบตเตอรี่เหลืออยู่ 19% ชาร์จต่อที่บ้านได้ทันที ส่วนพื้นที่หน่วยความจำ 16GB นั้นก็มีเหลือให้ใช้งานประมาณ 12.67GB ถือว่าเยอะพอสมควร นอกจากนั้น RAM ที่ให้มา 2GB ก็ยังมีว่างให้ใช้งานได้เกือบ 1GB เลยทีเดียว
สรุปข้อดีและข้อเสีย…
ข้อดี
| ข้อเสีย
|
ศูนย์บริการและบริการหลังการขาย
ข้อมูลตรงนี้ขอยกมาจาก Blog ของ Mod Gimme เลยละกัน เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจสำหรับคนที่สนใจมือถือรุ่นนี้อยู่ สำหรับบริการหลังการขายของ BenQ นั้น หากพบว่าเครื่องมีปัญหาในระยะรับประกัน ทางศูนย์บริการจะไม่มีการซ่อมเครื่องให้ลูกค้า มีแต่เปลี่ยนเครื่องให้ใหม่เลย แต่ต้องบอกกันนิดนึงว่าเครื่องที่ได้รับมาอาจจะเป็นเครื่อง Refurbished ที่เอาเครื่องที่เสียไปซ่อมมาทำให้เหมือนเครื่องใหม่ ซึ่งเป็นนโยบายแบบเดียวกับ iPhone เลย
| ระยะเวลา | วิธีการบริการลูกค้า | |
อุปกรณ์หลัก | ตัวเครื่องโทรศัพท์ | 1 ปี | เปลี่ยนเครื่อง Refurbish |
ภายใน 7 วัน | คืน/เปลี่ยนเครื่องใหม่ | ||
ภายใน 30 วัน | เปลี่ยนเครื่อง Refurbish | ||
อุปกรณ์เสริม | แบตเตอรี | 6 เดือน | เปลี่ยนให้ใหม่ |
เครื่องชาร์จ, สายชาร์จ, เมมโมรีการ์ด | 1 ปี | เปลี่ยนให้ใหม่ | |
ชุดหูฟัง | 3 เดือน | เปลี่ยนให้ใหม่ |
สำหรับศูนย์บริการนั้นเราสามารถนำเครื่องไปเข้าศูนย์บริการของ Ingram ทั้ง 5 สาขาได้เลย หรือจะนำเครื่องไปให้ทางร้านที่เราซื้อมาจัดการให้ก็ได้เช่นกัน
บทส่งท้าย
BenQ F5 เป็นมือถือที่ BenQ ตั้งใจส่งมาเพื่อ “Refresh” ตัวเองในตลาดสมาร์ทโฟนของประเทศไทย หลังจากหายหน้าไปนานหลายปี โดย BenQ ตั้งใจบุกเจาะตลาดมือถือระดับ Mid-range ก่อน เพื่อสร้างชื่อในเรื่องราคาต่อสเปกที่คุ้มค่าและไม่แพง โดยสเปกของ BenQ F5 ถือว่าอยู่ในแถวหน้าในตลาด Mid-range ตอนนี้เลย ทั้ง CPU Snapdragon 400 และ RAM 2GB อีกทั้งยังรองรับ 3G และ 4G LTE ในประเทศไทยได้อย่างไม่มีปัญหา ถือเป็นมือถือ 4G ที่ราคาถูกที่สุดในไทยตอนนี้เลยก็ว่าได้ นอกจากนั้นประสิทธิภาพของตัวเครื่องก็ทำได้ดี การใช้งานลื่นไหลในทุกส่วนจนน่าประทับใจทั้ง Social, เกมส์ และการดูหนังฟังเพลง และกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลก็ถือว่าทำงานได้เกินราคาค่าตัว BenQ มีวางจำหน่ายแล้วในราคา 7,990 บาทชนกับ Asus Zenfone 5 LTE เลยแต่ตอนนี้ Zenfone ยังมีปัญหาเรื่อง 4G อยู่ BenQ จึงถือว่าได้เปรียบในจุดนี้ อย่าว่างู้นงี้เลย รุ่นนี้ผม recommend เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการมือถือดีๆสักเครื่องแต่ราคาไม่ต้องแพงมาก BenQ F5 ตอบโจทย์คุญได้แน่นอน
ตอนทดสอบแบต ไม่ทราบว่าใช้(เปิด)หน้าจอ ไปประมาณกี่ชั่วโมง หรือกี่นาทีครับ
ขออภัย ไม่ได้กดเข้าไปดูตอนนั้นจริงๆว่าเท่าไหร่ครับ
แล้วเรื่องสัญญาณไวไฟ กับ เครือข่าย นิ่งมั้ย หรือ แกว่ง
เพราะก่อนหน้านี้ เห้นบอกว่าไม่นิ่งเท่าไร
คำถามต่อไป benq จะมีการอัพ s/w มั้ย หรือ ขึ้นอยู่กับยอดขาย
ซื้อมือถือสมัยนี้ ต้องเรือธง หรือ เกือบๆเรือธง พึ่งจะได้อัพ s/w
กลัวจะเงิบเหมือน SP ที่ไม่ได้ไป 4.4
แต่ได้ไปเมืองกาญแทน
– เท่าที่ใช้งาน Wifi กับเครือข่ายไม่มีปัญหาอะไร นิ่งดีครับ (เข้าใจว่าไม่ได้อัพ iOS 8.0.1 #ผิด)
– เท่าที่ตรวจสอบในโทรศัพท์ จะมีระบบ OTA อยู่แล้ว และในงานเปิดตัวกับสื่อ ทางผู้บริหารก็บอกว่ามีครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องใช้เวลาเป็นตัวบอกว่า จริงหรือไม่จริง
ขอบคุณครับ รอดูเรือธงของ benq ว่าจะโอมั้ย
น่าสนใจจริงๆ ผมยิ่งชอบมือถือยี่ห้อแปลกๆ ราคาถูกๆ อยู่ด้วย
มีแต่เปลี่ยนเครื่องให้ใหม่เลย แต่ต้องบอกกันนิดนึงว่าเครื่องที่ได้รับมาอาจจะเป็นเครื่อง Refurbished ที่เอาเครื่องที่เสียไปซ่อมมาทำให้เหมือนเครื่องใหม่ ซึ่งเป็นนโยบายแบบเดียวกับ iPhone เลย
อ่านตรงนี้แล้วสงสัยนิดนึง พอดีเคยอ่านนโยบายการเคลมเครื่องของ apple เห็นบอกเครื่องเคลมจะเป็นเครื่องผลิตมาต่างหาก รหัสเครื่องจะลงท้ายด้วย LL ไม่ใช่เครื่อง Refurbished
เสียตรงซิมเดียวนี่แหละ ถ้าสองซิมคงได้จัดแล้ว
นอกจาก Lazada จะสามารถหาซื้อได้ที่ไหนบ้างครับ
ผมสั่งจาก lazada เพิ่งได้รับของครับ
รู้สึกว่ากล้องหน้าช้ามาก อย่างนี้ปกติรึเปล่าครับ
จำได้ว่าจับ Benq ล่าสุดเกิอบ10 ปีแล้ว อ่าๆ
WoW!!! ชาวขอนแก่นคือกันนิ
ขออภัยครับ ตอนที่พรีวิว ครั้งก่อน เห็นว่าปัญหาสัญญานโทรศัพท์และ ไวไฟ แกว่งไม่ทราบว่า เทจจริงอย่างไร
ขอบคุณครับ
น่าจะเป็นที่เครื่องครับ พอดีเครื่องของ mode Gimme อาจจะเจอปัญหาพอดี ส่วนเครื่องรีวิวที่ผมทดสอบไม่มีปัญหาเรื่อง Wifi กับสัญญาณโทรศัพท์ครับ
https://www.facebook.com/groups/1449589018596760/ ตามไปได้นะครับ
สำหรับเรื่องปัญหาสัญญาณแกว่ง ผมได้ติดต่อไปที่ฝ่ายบริการของ benq ประเทศไทย แล้ว สรุปความว่า ทางบริษัทแม่ เขามี SoftWare ที่สามารถแก้ปัญหาเรื่องสัญญาณแกว่งได้ แต่ยังไม่ปล่อยให้ update เนื่องจากยังไม่มีผู้ที่มีปัญหาในเรื่องสัญญาณที่ติดต่อเข้ามาทางบริษัท ซึ่งผมเป็นลูกค้ารายแรกที่มีปัญหาแล้วแจ้งเข้าไป จากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่ในกรณีของผมอาจจะมีการคืนเงินหรือไม่ก็ update เฉพาะเครื่องผมซึ่งอาจจะต้องส่งไปให้บริษัททำให้ ผมจึงอยากให้ผู้ใช้งานที่มีปัญหาเรื่องสัญญาณช่วยกันแจ้งเข้าไปที่บริษัทหน่อยครับ เขาจะได้ปล่อย SoftWare ออกมาให้เรา updateกันครับ
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเพิ่มเติมว่าโทรศัพท์ที่รับสัญญาณได้ดีจะมีปัญหากับแกนสมองผู้ใช้ในระยะยาว แต่ผมคิดว่าถึงเราใช้โทรศัพท์ที่รับสัญญาณได้ไม่ดีแล้วคนข้างเคียงเราใช้โทรศัพท์ที่รับสัญญาณได้ดีก็ส่งผลถึงเราอยู่ดี
เบอร์โทรฝ่ายบริการ benq โทร 02 670 0310 ต่อ 3